Nokia lumia เอาเบอร โทร เก บไว ในซ ม

ไม่มีอีกแล้ว “โนเกีย” ในตลาดสมาร์ทโฟน ?!?

เผยแพร่: 19 ก.ย. 2557 06:09 โดย: MGR Online

เป็นที่รับรู้กันในวงกว้างอยู่แล้วว่าตอนนี้หน่วยธุรกิจมือถือของโนเกีย ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ไปเรียบร้อยแล้ว ภายใต้ชื่ออย่าง “ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์” แต่กระนั้นก่อนหน้านี้ก็มีการเปิดเผยออกมาว่าจะยังมีการนำแบรนด์ของ โนเกีย มาใช้ในการทำตลาดต่อไป

แต่ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับโลกครั้งแรกที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ภายหลังการเข้าควบรวมกับไมโครซอฟท์ช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่าผู้บริหารทั้งหมดแทบไม่กล่าวถึงแบรนด์โนเกียอีกต่อ ไป และหันมาใช้คำว่า ลูเมีย (Lumia) ที่เป็นชื่อรหัสสมาร์ทโฟนแทนในการเข้าสู่ตลาด จึงอาจทำให้สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นที่เปิดตัวใหม่นี้ กลายเป็น Nokia Lumia รุ่นสั่งลาในตลาดสมาร์ทโฟนก็ว่าได้

โจ ฮาร์โลว์ รองประธานกลุ่มธุรกิจสมาร์ทดีไวซ์ ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ต่อจากนี้ไปแบรนด์โนเกีย จะใช้ทำตลาดในโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนในตลาดเกิดใหม่ หรือเป็นเครื่องแรกของผู้บริโภคเท่านั้น ซึ่งก็คือจะเป็นเครื่องที่เน้นการใช้งานโทรศัพท์เป็นหลัก โดยทางไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ สามารถนำชื่อแบรนด์ โนเกีย มาใช้ได้ต่อไปอีก 10 ปี

ในขณะที่การทำตลาดสมาร์ทโฟน ลูเมีย ทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายใต้แบรนด์ของไมโครซอฟท์ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ในขณะเดียวกัน จะเป็นการช่วยให้ผู้บริโภครับรู้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของ ไมโครซอฟท์ในอนาคตจะสามารถทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด

สิ่งที่เกิดขึ้นจากแนวคิดในการผสานรวมเทคโนโลยีทั้งหมดของไมโครซอฟท์เข้าด้วยกันทำให้จากเดิมที่โนเกีย เน้นพัฒนาฮาร์ดแวร์ (ตัวเครื่อง) ให้ล้ำสมัย เพื่อนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใส่เข้าไปในการทำตลาด จะเปลี่ยนมาเป็นทีมนักพัฒนาที่เน้นสร้างฮาร์ดแวร์ที่เข้ากับแพลตฟอร์มของ วินโดวส์ให้ได้มากที่สุดแทน

“เรามองถึงความสำคัญของผู้บริโภคที่จะได้เข้าถึงการใช้งานบนเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนในระดับราคาใดก็ตาม ดังจะเห็นได้ว่าตอนนี้สมาร์ทโฟน Lumia ทุกรุ่น สามารถอัปเกรดระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 8.1 ได้ทุกรุ่น ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของไมโครซอฟท์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาในท้องตลาด”

ส่วนชื่อของแบรนด์ โนเกีย จะยังนำมาใช้กับฟีเจอร์โฟน อย่าง โนเกีย 130 โนเกีย 225 ซึ่งในอนาคตถ้าผู้บริโภคเริ่มรับรู้ว่าไมโครซอฟท์คือ โนเกีย ก็อาจจะมีการเปลี่ยนผ่านให้เร็วขึ้นก็เป็นได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วชื่อของแบรนด์โนเกียยังถือว่ามีอิทธิพลต่อผู้ใช้งานในกลุ่มนี้อยู่จึงยังไม่เปลี่ยนมาใช้ไมโครซอฟท์

อย่างไรก็ตาม แนวทางการทำตลาดของโนเกียก็เปลี่ยนไป ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Lumia 830 Lumia 730 และ Lumia 735 ในช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ มองว่า การเพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น สำคัญกว่าการผลักดันสินค้าระดับไฮเอนด์เข้าสู่ตลาดในช่วงเวลานี้

ขณะเดียวกัน ในส่วนของชื่อระบบปฏิบัติการจากเดิม ที่ใช้เป็นวินโดวส์โฟน ล่าสุด ก็พบว่าในโฆษณาชิ้นใหม่ของ Lumia ได้ตัดคำว่าโฟนทิ้งไป เพื่อให้เหลือเฉพาะระบบปฏิบัติการวินโดวส์แทนไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งทำให้แสดงให้เห็นว่าทางไมโครซอฟท์ กำลังมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์แบรนด์ในส่วนของสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ เพื่อให้กลายเป็นการทำงานภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกันอย่างวินโดวส์

คริส เวเบอร์ รองประธานฝ่ายขายอุปกรณ์สื่อสาร มองว่า ตอนนี้การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนค่อนข้างสูง และหลายแบรนด์เลือกที่จะให้ความสำคัญต่อตลาดระดับบนเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดช่องว่างในตลาดระดับกลาง ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ เห็นถึงช่องว่างดังกล่าวจึงเลือกที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ถือว่ามีคุณภาพสูงออกมาวางจำหน่ายในช่วงระดับราคาดังกล่าว และถือเป็นการเติมไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงระดับราคาไปในเวลาเดียวกัน

“ไลน์สินค้าของ Lumia ในตอนนี้จะมีตั้งแต่เครื่องระดับราคาต่ำกว่า 200 เหรียญ (ราว 6,000 บาท) ขึ้นไป และที่สำคัญคือ ลูกค้าในทุกระดับราคาสามารถใช้งานแอปพลิเคชันดังๆ ที่ตอนนี้อัตราการเติบโตของแอปบนวินโดวส์สโตร์มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นเดียวกัน”

โดยถ้ามองไปในตลาดสมาร์ทโฟนขณะนี้ ผู้นำในท้องตลาดกำลังเลือกทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล ที่จะมีไอโฟนรุ่นใหม่ออกมา หรือ ซัมซุง ที่เปิดตัว Galaxy Note 4 และ Galaxy Note Edge ออกมาจับตลาดเครื่องไฮเอนด์

ทำให้ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ เลือกที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาในระดับราคากลางๆ แทน เพื่อจับตลาดกลุ่มที่ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนมาใช้งานเป็นเครื่องแรก รวมถึงตลาดที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากการใช้งาน 2G เป็น 3G อย่างในประเทศไทย

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่มีเพียงไมโครซอฟท์ ดีไวซ์เพียงเจ้าเดียวที่มองถึงช่องว่างในตลาดดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ ทางเอชทีซี ก็มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนอย่าง Desire 820 มาจับตลาดในระดับราคากลางๆ เช่นเดียวกัน ไม่นับรวมกับแบรนด์จีนอีกหลายแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในตลาดระดับกลางล่างด้วยเช่นเดียวกัน

***ผสานจุดเด่นไมโครซอฟท์ดีไวซ์

สิ่งที่ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ มองว่า มีความสำคัญในตลาดขณะนี้ไม่ใช่แค่ในเรื่องของฮาร์ดแวร์ แต่เป็นซอฟต์แวร์ภายในที่ช่วยเสริมสร้างการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ ให้ได้มากที่สุด โดยดึงจุดเด่นของไมโครซอฟท์ อย่างระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 ที่ผสานการใช้งานเข้ากับเทคโนโลยีของโนเกียเดิมภายใต้แนวคิดที่จะรวมทุกอย่างให้อยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน

ดังจะเห็นได้จากการที่พยายามชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพ ด้วยเทคโนโลยี Pureview ที่นำมาใส่ในรุ่น Lumia 830 ทำให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้อง Pureview ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ที่มีความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร หรืออย่างในรุ่น Lumia 730 ก็พยายามจับจุดการถ่ายภาพตนเอง (Selfie) ด้วยการนำกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาใส่เป็นกล้องหน้า

โดยภายในงานเปิดตัว Lumia 830 และ Lumia 730 ทางไมโครซอฟท์ได้เลือกที่จะนำภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนคู่แข่งอย่าง iPhone 5s มาเทียบกับรูปจาก Lumia 830 ในการถ่ายภาพในสถานที่แสงน้อย ซึ่ง Lumia เก็บรายละเอียดภาพได้มากกว่าในระดับราคาที่ต่ำกว่า

ล่าสุด ทางไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ ประเทศไทย ก็ได้มีการเปิดจอง Lumia 830 ในราคา 13,990บาท จะได้รับแผ่นรองชาร์จแบตไร้สาย DT-601มูลค่า1,590บาทฟรี ส่วนLumia 730 ในราคา 8,790 บาทจะได้รับ หูฟัง Coloud Knock (WH-520)มูลค่า 950 บาทฟรี จนถึงวันที่ 23 กันยายน 2557ที่โนเกีย ชอป

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการถ่ายภาพ Selfie บน Lumia 730 ก็ล้อเลียนการถ่ายภาพหมู่ของ อัลเลน ในงานออสการ์ครั้งที่ผ่านมาว่า ภาพที่อัลเลน ถ่ายจากกล้องของซัมซุง Galaxy Note 3 มีอาการเบลอ ผิดกับภาพที่ถ่ายจากกล้องหน้าของ Lumia 730 ที่นอกจากจะมีเลนส์มุมกว้างแล้ว ความคมชัดของภาพที่ได้ก็ดีกว่าด้วย

พร้อมกันนี้ ยังมีการออกแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพ Slefie ภายใต้ชื่อแอป Lumia Selfie ที่ตัวแอปจะอำนวยความสะดวกในการหันกล้องหลังมาใช้ถ่ายภาพ โดยมีระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติ ทำให้ภาพที่ได้จากการหมุนกล้องหลังมาถ่ายมีความคมชัด และอยู่ในมุมที่ต้องการ

นอกจากนี้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างหนึ่งในการอัปเกรดระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 รุ่นใหม่ของไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ ในชื่อรหัส Denim คือการเปลี่ยนชื่อแอปเกี่ยวกับกล้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Nokia Camera Nokia Creative Studio Nokia GlamMe กลายเป็นชื่อ Lumia Camera Lumia Creative Studio Lumia GlamMe แทนทั้งหมด

รวมไปถึงการเพิ่มความเร็วในการเปิดใช้งานกล้องที่ใช้เวลาแค่ 1.5 วินาที พร้อมกับความสามารถใหม่อย่างการกดปุ่มถ่ายภาพค้างเพื่อบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที เฉพาะในรุ่น Lumia 830 Lumia 930 และ Lumia 1520 เพื่อให้ผู้ใช้เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากวิดีโอเพื่อแปลงออกมาเป็นภาพนิ่ง ความละเอียด 8.5 ล้านพิกเซล

ยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะอย่าง Cortana ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่นการสั่งตั้งแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงสถานที่ที่กำหนด (ใช้ความสามารถของ GPS ควบคู่ไปด้วย) สั่งโทรศัพท์ผ่าน Skype ที่เป็นแอปของไมโครซอฟท์ ตั้งปฏิทินล่วงหน้าผ่านคำสั่งเสียง รวมถึงการใช้เสียงอย่าง Hello Cortana เพื่อเรียกใช้งานได้ขณะที่เครื่องวางอยู่เฉยๆ ได้ด้วย

ทั้งนี้ Cortana จะเริ่มเปิดให้ใช้งานเวอร์ชันเบต้า (Beta) ในสหรัฐฯ อังกฤษ และจีน ส่วนเวอร์ชัน อัลฟา (Alpha) จะเริ่มใช้งานได้ใน แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย และยุโรป และเมื่อเปิดเป็นเวอร์ชันปกติก็จะสามารถใช้งานได้ทั่วโลก ส่วน Lumia Denim จะเริ่มทยอยอัปเดตให้แก่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Lumia ทุกรุ่นในช่วงไตรมาส 4 โดยเริ่มจากรุ่นในระดับไฮเอนด์อย่าง Lumia 930 และ Lumia 1520 ก่อนจะทยอยไปยังรุ่นอื่นๆ ต่อไป ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดครั้งที่ 2 สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 8.1 ในชื่อรหัส Cyan ก่อนหน้านี้