Show
GAT ย่อมาจาก General Aptitude Test เป็นการทดสอบความถนัดทั่วไป เพื่อวัดศักยภาพของนักเรียนที่จะเรียนมหาวิทยาลัย โดยข้อสอบจะเน้นวิเคราะห์เป็นหลัก เนื้อหา -> การอ่าน เขียน คิดวิเคาระห์และการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 50% -> การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ 50% ลักษณะข้อสอบ GAT จะเป็นแบบปรนัยและอัตนัย -> คะแนน 300 คะแนน เวลาสอบ 3 ชั่วโมง -> ข้อสอบเน้น Content Free และ Fair -> เน้นความซับซ้อน (Complexity) มากกว่าความยาก -> มีการออกข้อสอบเก็บไว้เป็นคลังข้อสอบ จัดสอบปีละ 3 ครั้ง (มีนาคม , กรกฎาคม, ตุลาคม ) -> คะแนนใช้ได้ 2 ปี เลือกใช้คะแนนที่ดีที่สุด (สอบได้ตั้งแต่ม.4) PAT ย่อมาจาก Professional Aptitude Test เป็นการสอบวัดความถนัดเฉพาะทางวิชาชีพ แบ่งเป็นทั้งหมด 6 ชุด ประกอบด้วย PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร์ -> เนื้อหา เช่น Algebra, Probability and Statistics, Conversion, Geometry, Trigonomentry, Calculus ฯลฯ -> ลัษณะข้อสอบ Perceptual Ability, Calculation skills, Quantitative Reasoning, Math Reading Skills PAT 2 วัดศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ -> เนื้อหา ชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์, Earth Sciences, Environment, ICT ฯลฯ -> ลักษณะข้อสอบ Perceptual Ability, Sciences Reading Ability, Science Problem Solving Ability ฯลฯ PAT 3 วัดศักยภาพทางวิศวกรรมศาสตร์ -> เนื้อหา เช่น Engineering Mathematics,Engineering Sciences, Life Sciences, IT ฯลฯ -> ลักษณะข้อสอบ Engineering Aptitude i.e. Multidimensional Preceptual Ability, Calculation Skills, Engineering Reading Ability, Engineering Problem Solving Ability PAT 4 วัดศักยภาพทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ -> เนื้อหา เช่น Architectural Math and Sciences ฯลฯ -> ลักษณะข้อสอบ Space Relations, Multidimensional Perceptual Ability, Architectural Problem Solving Ability PAT 5 วัดศักยภาพทางครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ -> เนื้อหา เช่น ความรู้ในเนื้อหาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา สุขศึกษา ศิลปะ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ -> ลักษณะข้อสอบ ครุศาสตร์ (Pedagogy), ทักษะการอ่าน (Reading Skills), ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการศึกษาของประเทศไทย การแก้ปัญหาที่เกิดจากนักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ฯลฯ PAT 6 วัดศักยภาพทางศิลปกรรมศาสตร์ -> เนื้อหา เช่น ทฤษฎีศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) ความรู้ทั่วไปทางศิลป์ ฯลฯ -> ลักษณะข้อสอบ ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ PAT 7 วัดศักยภาพทางภาษาต่างประเทศ -> เนื้อหา จะเป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น Grammar, Vocabulary Culture, Pronunciation Functions -> ลักษณะข้อสอบ Paraphasing, Summarizing Applying Concepts and Principles, Problem Solving skills, Critical Thinking skills, Questioning skills, Analytical skills ลักษณะข้อสอบ PAT – จะเป็นปรนัย และอัตนัย – เน้นความซับ ซ้อน (Complexity) มากกว่า ความยาก – มีการออกข้อสอบเก็บไว้ในคลังข้อ สอบ จัดสอบ – เมื่อนักเรียนอยู่ชั้น ม.6 โดยจัดสอบปีละ 2 ครั้ง – คะแนนใช้ได้ 2 ปี เลือกใช้คะแนนที่ดีที่ สุด ขอขอบคุณขอมูลดีๆจาก blog.eduzone.com เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าอภิปราย หากคุณมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณสามารถช่วยปรับปรุงเนื้อหาได้ทันที โดยการกดปุ่ม แก้ไข ด้านบน ซึ่งเมื่อตรวจสอบและแก้ไขแล้วให้นำป้ายนี้ออก การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย (เรียกสั้น ๆ ว่า ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา) เป็นระบบการรับสมัครบุคคลที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า และคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษามีการพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 :3 ระบบเริ่มแรกเป็น (ปี 2543 - 2548) ซึ่งมักเรียกกันว่า องค์การและหน่วยงานในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ปัจจุบัน) และสถาบันอุดมศึกษาของไทย ก็ได้ร่วมมือกันปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่องเป็น ระบบแอดมิสชันส์กลาง ซึ่งสามารุถแบ่งออกเป็น 3 เวอร์ชันตามกระบวนการรับสมัคร และเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา คือ (ปี 2549 - 2552), (ปี 2553 - 2560) และ (ปี 2561 - ปัจจุบัน) ประวัติ[แก้]การพัฒนาระบบคัดเลือกกลาง19611962รวม 6 สถาบัน คือ จฬ. มธ. มก. มม. มศก. และ มจธ.19631964รวม 8 สถาบัน คือเพิ่ม มช. และ มข.196519661967รวม 10 สถาบัน คือเพิ่ม มอ. และ สจล.196819691970197119721973ทบวงมหาวิทยาลัย รับงาน197419751976197719781979198019811982198319841985198619871988198919901991199219931994199519961997199819992000200120022003มีพรบ. สกอ.20042005ก่อตั้ง สทศ.2006200720082009เริ่มสอบ GAT/PAT201020112012201320142015201620172018 ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย ผ่านการพัฒนาตั้งแต่ปีการศึกษา 2504 จนถึงปัจจุบัน โดยมีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ สกอ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (OHEC) ทบวง ทบวงมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2515 - 2546 ปัจจุบันคือ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC) สำนักงานปลัด สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (OPS-MOE) สกศ. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา หรือ สภาการศึกษาแห่งชาติ (ONEC) ทปอ. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (CUPT)... สทศ. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (NIETS) ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง CUAS[แก้]ประวัติ[แก้]ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา CUAS (Central University Admissions System) เป็นการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย มีพัฒนาการในช่วงปีการศึกษา 2504 – 2542
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง UCAS (2543 - 2548)[แก้]ระบบคัดเลือก UCAS ถูกใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย ในช่วงปีการศึกษา 2543 - 2548 ทบวงมหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบ และพัฒนาการนำผลการเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาใช้ในการคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา จึงได้ผลเป็นระบบคัดเลือกใหม่และทบวงให้ใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2542 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ระบบคัดเลือกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาได้ผู้เรียนที่มีความรู้ความสามารถและความถนัดตรงกับสาขาวิชาที่ต้องการเข้าเรียน การคัดเลือกใช้องค์ประกอบ 2 ส่วนในการพิจารณา คือ ผลการเรียนตลอดหลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (ค่าน้ำหนัก 10%) และผลการสอบวิชาหลักและวิชาเฉพาะ (เรียกรวมว่า การสอบวัดความรู้ ) (ค่าน้ำหนัก 90%) และมีการดำเนินการสอบวัดความรู้ ปีละ 2 ครั้ง แล้วนำคะแนนครั้งที่มากมาคำนวณและจัดลำดับผลการสอบของผู้สมัครแต่ละคน ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง ระยะที่ 1[แก้]ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง หรือ ระบบ Admissions ระยะที่ 1 ได้ประกาศใช้โดย สกอ. และ ทปอ. ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 ระบบคัดเลือกนี้ใช้ GPAX, GPA (กลุ่มสาระฯ ), O-NET และ A-NET เป็นองค์ประกอบของเกณฑ์การคัดเลือก ในที่นี้ คำว่า ผลการเรียน หมายถึง ผลการเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า, การรับเข้าศึกษาต่อ : การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย, สถานศึกษา : มหาวิทยาลัยหรือสถาบันผู้รับเข้าศึกษา, การคัดเลือก : การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ความเป็นมาของระบบกลาง (Admissions) ระยะที่ 1
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง ระยะที่ 2[แก้]ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง หรือ ระบบ Admissions ระยะที่ 2 ได้ประกาศใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 โดยใช้ GPAX, GPA (กลุ่มสาระ), O-NET, และ PAT เป็นองค์ประกอบของเกณฑ์การคัดเลือก เนื่องจาก ได้รับเสียงวิจารณ์เรื่องการให้สัดส่วนผลการเรียนมากเกินไป การรับเข้าศึกษาด้วยระบบ Admissions มีเป้าหมายว่า เมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบ สถานศึกษาจะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณารับเข้าและประกาศเกณฑ์อย่างทั่วถึง ผู้ที่สนใจจะสมัครเข้าศึกษาต่อสถาบันศึกษาใดจะต้องนำผลการสอบที่ สทศ. จัดสอบเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและต้องไม่เพิ่มภาระแก่ผู้สมัคร ที่สามารถจะนำผลการสอบไปยื่นสมัครที่หน่วยคัดเลือกกลางที่มีกลไกดำเนินงานที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ Admissions ระยะที่ 2: องค์ประกอบ GPAX 20% GAT 10–50% O-NET (8 กลุ่มสาระ) 30% PAT 0–40% ในการปรับปรุงระบบ ทปอ. ได้มอบให้กลุ่มเสวนาการรับบุคคลเข้าศึกษาและการวัดผล (Admissions and Assessment Forum) ดำเนินการ โดยมีหลักการซึ่ง ทปอ. ให้พิจารณานำผลการเรียนและการสอบ PAT เป็นองค์ประกอบของการคัดเลือก ผลการเรียนประกอบด้วย GPAX และผลการสอบ O-NET ส่วน PAT จะแทนที่การสอบ A-NET และ/หรือวิชาเฉพาะ เนื่องจากหลักการของ PAT เป็นการทดสอบความถนัดทางการเรียนซึ่งไม่เน้นเนื้อหาวิชา จึงสามารถจัดสอบได้หลายครั้งในแต่ละปี ทปอ. เห็นชอบองค์ประกอบการคัดเลือกปีการศึกษา 2553 ดังตารางทางขวามือ ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง TCAS[แก้]ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง TCAS (Thai university Central Admission System) เป็นการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 ความเป็นมา
เกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการ[แก้]ระเบียนสถาบันอุดมศึกษา[แก้]การสอบเอ็นทรานซ์[แก้]การสอบเอ็นทรานซ์ (Entrance Examination) เป็นส่วนหนึ่งของ การสอบเอ็นทรานซ์เป็นการวัดความรู้เป็นหลัก โดยสำนักทดสอบกลาง ทบวงมหาวิทยาลัย ต่อมาคือ สำนักทดสอบกลาง สกอ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ในปัจจุบัน) การจัดสอบเอ็นทรานซ์มีรายวิชาหลัก (วิชาความรูพื้นฐานวิชาการ) และวิชาเฉพาะ (วิชาพื้นฐานวิชาชีพ) จัดสอบปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2541 ผลของการสอบเอ็นทรานซ์ถูกใช้ในการนำคะแนนครั้งที่มากมาคำนวณจัดเรียงลำดับที่ของผู้สมัครแต่ละคน คะแนนของการสอบเอ็นทรานซ์มีอายุ 3 ปี วิชาสอบเอ็นทรานซ์[แก้]การสอบวิชาหลักและวิชาเฉพาะ (เรียกรวมว่า การสอบวัดความรู้ ) มีรายวิชาที่กำหนดไว้ตามความต้องการของแต่ละคณะหรือสาขาวิชาต่าง ๆ ในระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย
เกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการ TCAS[แก้]หลักเกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการที่สำคัญ
เกณฑ์การคัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง[แก้]ระบบการตัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง (Admissions) เป็นระบบที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) รับผิดชอบในการจัดการทดสอบวัดความรู้พื้นฐาน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 เกณฑ์การคัดเลือก จากการสอบมีการเปลี่ยนแปลงในชนิดการทดสอบ และค่าน้ำหนัก ดังตารางข้างล่างนี้ ในช่วงปีการศึกษา 2549 - 2561 ตามข้อมูลต่อไปนี้
ค่าน้ำหนักกลุ่มสาขาวิชา TCAS 4[แก้]ค่าน้ำหนักขององค์ประกอบ (GPAX, O-NET, GAT, PAT) ตามกลุ่มสาขาในการคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษา เมื่อปีการศึกษา 2561 PAT 1: คณิตศาสตร์ 2: วิทยาศาสตร์ 3: วิศวกรรมศาสตร์ 4: สถาปัตยกรรมศาสตร์ 5: วิชาชีพครู 6: ศิลปกรรมศาสตร์ 7.1: ภาษาฝรั่งเศส 7.2: ภาษาเยอรมัน 7.3: ภาษาญี่ปุ่น 7.4: ภาษาจีน 7.5: ภาษาอาหรับ 7.6: ภาษาบาลี 7.7: ภาษาเกาหลี ระบบกลาง TCAS รอบ 4 : กลุ่มสาขาวิชาและค่าน้ำหนัก# กลุ่มสาขา สาขา GPAX O-NET GAT PAT หมายเหตุ 01 วิทยาศาสตร์สุขภาพ | - ดูรายชื่อสาขาในคอลัมน์ 'สาขา' 20% 30% 20% 30% PAT 2 - ทันตแพทยศาสตร์ 20% 30% 20% 30%
- เภสัชศาสตร์ 20% 30% 10% 40% PAT 2 02 วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ - วิทยาศาสตร์, ทรัพยากรธรรมชาติ 20% 30% 10% 40%
- เทคโนโลยีสารสนเทศ 20% 30% 10% 40%
03 วิศวกรรมศาสตร์ 20% 30% 15% 35%
04 สถาปัตยกรรมศาสตร์ 20% 30% 10% 40% PAT 4 05 เกษตรศาสตร์ 20% 30% 10% 40%
06 บริหารธุรกิจ พาณิชย์ศาสตร์ การบัญชี การจัดการ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์ - บริหารธุรกิจ |พาณิชยศาสตร์ การบัญชี เศรษฐศาสตร์ 20% 30% 30% 20% PAT 1 - การท่องเที่ยวและการโรงแรม รูปแบบที่ 1 20% 30% 50% - การท่องเที่ยวและการโรงแรม รูปแบบที่ 2 20% 30% 40% 10% PAT 7 (เลือก 1 วิชา) 07 ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ - รูปแบบที่ 1 20% 30% 20% 30% PAT 5 - รูปแบบที่ 2 20% 30% 20% PAT 1/2/3/4/6/7 (เลือก 1 วิชา) 08 ศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์ 20% 30% 10% 40% PAT 4 หรือ PAT 6 (เลือก 1 วิชา) 09 สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ - พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 20% 30% 30% 20% PAT 1 - พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1 20% 30% 50% - พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 20% 30% 30% 20% PAT 7 (เลือก 1 วิชา) ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้[แก้]ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือ GPA กลุ่มสาระฯ คือ ผลการเรียนเฉลี่ยของวิชาพื้นฐาน และวิชาเลือก ที่ได้เรียนมาตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย เฉพาะในสาระการเรียนรู้นั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้'
เช่น หากได้เรียนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม ก็จะนำผลการเรียนไปคิดอยู่ในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ หรือหากเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานและวิชาภาษาเยอรมัน ก็จะนำไปคิดอยู่ในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ เป็นต้น แต่ละคณะจะกำหนดกลุ่มสาระและค่าน้ำหนัก (เป็น %) ของกลุ่มสาระที่จะนำ GPA มาพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับสาขาที่จะศึกษาต่อ โดยส่วนใหญ่จะนำ GPA ของวิชาภาษาไทย สังคมศึกษาฯ ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มาใช้ แต่คณะมนุษยศาสตร์ก็มักจะไม่ใช้ GPA คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาในการพิจารณา เมื่อนักเรียนจบ () จะได้รับใบแสดงผลการเรียน (ปพ.) ซึ่งบอกทั้ง GPAX และ GPA กลุ่มสาระอยู่แล้ว จึงไม่ต้องคำนวณเอง การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน[แก้]หรือ โอเน็ต (O-NET) โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ จัดสอบตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ โอเน็ต วัดผล ใน จัดสอบ 5 กลุ่มสาระ ได้แก่
แต่ละปีมีการจัดสอบโอเน็ตเพียงครั้งเดียว เวลาสอบวิชาละ 2 ชั่วโมง การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง[แก้]การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นสูง (Advanced National Educational Test; A-NET) เป็นการสอบความรู้ขั้นสูง 6 ภาคเรียน ทดสอบเฉพาะนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาสถาบันอุดมศึกษาในระบบแอดมิชชั่น จำนวนวิชาสอบ 11 วิชา ตามแต่ละคณะที่กำหนด มีช่วงเวลาสอบในเดือนตุลาคมและเดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2553 ได้ยกเลิกการสอบเอเน็ตแล้วเปลี่ยนไปใช้ (GAT-PAT) แทน รวมมีการจัดสอบเอเน็ตทั้งหมด 4 ครั้ง เอเน็ต (A-NET) เป็นการสอบสำหรับผู้ประสงค์จะเข้าศึกษาสถาบันอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 () การสอบวิชาเฉพาะ[แก้]วิชาเฉพาะ' ภาษาต่างประเทศ
ความถนัด
วิชาเฉพาะมีลักษณะเดียวกับ A-NET คือ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคณะหรือสาขาวิชา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาษาต่างประเทศ และความถนัด
ขั้นตอนของระบบแอดมิสชันส์[แก้]ระบบแอดมิสชันส์: กลุ่มสาขาวิชา
ขั้นตอนของแอดมิสชันส์ต่อไปนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือก และ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไปใช้
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา โดยรับตรง[แก้]ระบบรับตรง เป็นวิธีคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา โดยจะใช้ระเบียบของแต่ละสถาบันในการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะทาง และเปิดโอกาสทางการศึกษา โดยทั่วไปสถาบันแต่ละแห่งมักจะพิจารณาด้วยเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นกับความต้องการของคณะหรือสาขาวิชา อาทิเช่น
เชิงอรรถ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
|