15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

ปัจจุบันคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า โทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟน กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุยสื่อสาร, การทำงาน หรือแม้แต่การจองตั๋วภาพยนตร์ ทุกอย่างจบลงที่ สมาร์ทโฟน เพียงเครื่องเดียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนในยุคดิจิตอลนี้ จะเกิดอาการ ติดมือถือ กันอย่างงอมแงม ถึงขนาดที่ สมาร์ทโฟน กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายไปโดยปริยาย

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ตัวว่า ตนเองติดมือถือหรือไม่ ให้ลองเช็กอาการเบื้องต้นกันเสียหน่อยว่า ตอนตื่นนอน สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกคืออะไร? และก่อนจะนอน สิ่งที่ทำเป็นอันดับสุดท้ายคืออะไร? ถ้าหากคำตอบของคุณคือ การเล่นสมาร์ทโฟน แล้วล่ะก็ นั่นคือสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่า คุณกำลังติดมือถือ อย่างแน่นอนครับ รวมไปถึงบุคคลที่ชอบถ่ายรูป, ชอบอัปเดต หรือแชร์ภาพต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ รวมไปถึงชอบเช็กมือถือบ่อยๆ ถึงขนาดที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนเป็นไม่ได้ จะต้องหยิบขึ้นมาเช็กตลอดเวลา ก็เป็นสัญญาณว่า กำลังติดมือถือเช่นกัน

ส่วนใครที่สงสัยว่า ตนเองกำลังติดมือถือหรือเปล่า ลองมาตรวจสอบกันเสียหน่อยว่า มีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่

1. รู้สึกกังวลตลอดเวลา เมื่อมือถืออยู่นอกสายตา
2. รู้สึกเครียดแบบสุดๆ ถ้าหากลืมมือถือไว้ที่บ้าน
3. นอนหลับไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์ข้างตัว
4. อ้างเหตุผลที่ต้องอยู่มือถือตลอดเวลาเพราะ "กลัวอีเมลงานเข้า แล้วไม่เห็น"
5. แม้มือถือจะหน้าจอแตก แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไรต่อการใช้งาน

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

6. เคยตกใจแบบสุดๆ เพราะหาโทรศัพท์ไม่เจอ แต่จริงๆ แล้วถืออยู่ในมือ
7. การปิดโทรศัพท์ตอนอยู่บนเครื่องบิน เป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ
8. รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถ้าเปิดเครื่องมา แล้วเจอข้อความแจ้งเตือนเต็มไปหมด
9. สามารถพิมพ์ไป เดินไป หรือ พิมพ์ไป ฟังไปได้ ในเวลาเดียวกัน

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

10. ปุ่มเปิดปิดเครื่อง มีไว้ในตอนอยู่บนเครื่องบินเท่านั้น
11. รู้สึกเซ็งสุดขีด ถ้าหากเปิดเครื่องมาแล้วไม่มีข้อความแจ้งเตือนเลย
12. ภาวนาให้รถติดไฟแดง จะได้โพส Facebook
13. หยิบมือถือเพื่อดูนาฬิกา แทนที่จะดูนาฬิกาข้อมือ
14. การส่งโทรศัพท์ไปซ่อม เป็นอะไรที่เจ็บปวดสุดๆ
15. ตั้งใจจะไม่เล่นมือถือสัก 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องหยิบมาเล่นทุกที

จากอาการติดมือถือ 15 ข้อข้างต้น ถ้าหากใครมีอาการดังกล่าว 1-5 ข้อ แสดงว่าคุณยังไม่ติดมือถือ สบายใจได้ครับ แต่ถ้า 6-10 ข้อ แสดงว่า คุณเริ่มมีอาการติดมือถือแล้ว ให้ลองเว้นจากการเล่นบ้าง หรือลองตั้งใจไม่เล่นมือถือในบางช่วงเวลา เช่น เวลาทานข้าว เป็นต้น แต่ถ้าหากตรงกับตัวคุณ 10-15 ข้อ นั่นหมายความว่า คุณกำลังเสพติดมือถือขั้นรุนแรงครับ

สำหรับอาการ เสพติดมือถือ นั้น ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของโรคที่มีชื่อว่า โนโมโฟเบีย (Nomophobia) ซึ่งย่อมาจาก No Mobile Phone Phobia นั่นเอง ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าว จะมีอาการหงุดหงิดง่าย มือสั่น หรือกระวนกระวายเวลาที่ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัว หรืออยู่ในที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง อีกทั้งยังมีนิสัยหมกมุ่นอยู่กับ โทรศัพท์มือถือ อยู่ตลอดเวลา ต้องคอยเช็กว่า มีคนส่งข้อความมาหาหรือไม่ มีใครโทรเข้ามาหรือเปล่า เป็นต้น แต่ว่าอาการจะหนักมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยครับ

นอกจากอาการของโรค โนโมโฟเบีย แล้ว อาการติดมือถือ ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อีกด้วย เช่น

  • ปัญหาด้านสายตา เกิดจากการเพ่งหน้าจอเป็นเวลานานเกินไป ทำให้ดวงตาเหนื่อยล้า มีอาการตาแห้ง ซึ่งอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้
  • นิ้วล็อก เกิดจากการจิ้มหน้าจอเวลาเล่นเกมมากเกินไป ทำให้เส้นเอ็นข้อมือเกิดการอักเสบ
  • ปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ เกิดจากเวลาที่ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดไหล่ ซึ่งบางราย อาจเกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร เนื่องจากนั่งเล่นมือถือผิดท่านั่นเอง
  • โรคอ้วน คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ร่างกายจะไม่เกิดการเผาผลาญ บางคนก็นั่งเล่นไปด้วย กินขนมไปด้วย ทำให้เกิดโรคอ้วนแบบไม่รู้ตัวครับ

---------------------------------------
เรียบเรียงจาก : cnn.com , buzzfeed.com

Update : 18/07/2015

smartphone ติดมือถือ

ขอกล่าวสวัสดีมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ย! สาวซิสต้าที่น่ารักทุกคน *_* ใครที่กำลังคบกับแฟนอยู่ เคยแอบตั้งข้อสงสัยไหมว่าจะคบกันไปได้อีกนานแค่ไหน จะไปถึงจุดมุ่งหมายหรือประตูวิวาห์เลยหรือเปล่า ถ้าคบแล้วมีแต่ข้อขัดแย้ง ไปไม่รอดก็ไม่อยากเสียเวลาต่อ จะได้เลิกไวๆ ( จริงเร้อออ )

ธรรมชาติของมนุษย์สองคนที่มาอยู่ด้วยกัน ไม่มีทางที่จะมีความสุขได้ตลอดเวลาหรอก! กระทบกระทั่งกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราสามารถค้นหาสัญญาณบางอย่างที่บอกได้ว่า เธอและแฟนเข้ากันได้ พร้อมจะคบกันได้ไปตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน

วันนี้ลองอ่านบทความ " 15 สัญญาณที่บอกว่าเธอทั้งคู่เหมาะสม เข้ากั๊น เข้ากัน " เพื่อดูว่าเธอและเขาจะเป็นคู่รักในฝัน เป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อติดของกันและกันหรือเปล่า Let's go!

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

เธอรู้ใจตัวเองดีว่า " รัก " ผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจ และรู้ด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามก็คิดแบบนั้นเช่นกัน! ไม่มีการติดใจสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวในเรื่องนี้ เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยและมีความสุขในความสัมพันธ์

แม้บางครั้งเธอจะรู้สึกวิตกกังวลไร้สาระไปบ้าง แต่เธอก็แน่ใจได้ว่าผู้ชายคนนี้รักเธอ ก็เพราะเธอทั้งคู่รักกัน จึงคบกันได้นานถึงตอนนี้ยังไงล่ะ

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

ความลับที่ว่าก็เช่น เรื่องอับอาย เรื่องแปลกๆ หรือแม้แต่เรื่องน่ากลัวในสมัยเด็กที่จำฝังใจของแต่ละฝ่าย ในทางจิตวิทยาแล้ว ถ้าเราตัดสินใจเล่าเรื่องที่ส่งผลกับเราในทางลบให้คนอื่นฟัง แปลว่าเราเริ่มไว้ใจและอยากสนิทกับฝ่ายตรงข้าม

ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นแฟนของเธอเอง แปลว่าเขาชอบเธอมากๆ และไว้ใจว่าเธอจะไม่นำความลับของเขาไปเผยแพร่ที่ไหนแน่นอน ถ้าเป็นคนจริงจังและซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์อาจจะแปลว่า เขาตั้งใจใช้ชีวิตอยู่กับเธอเลยล่ะ

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

ทั้งเธอและเขาต่างรับได้ในตัวตนของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านร้าย เธอก็พร้อมจะให้อภัยเพราะเขาก็แค่ " มนุษย์คนหนึ่ง " เธอไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเขาให้เป็นอย่างที่เธอต้องการ เพราะแบบนี้เธอก็รักหมดหัวใจแล้วนี่นา

เขาอาจมีข้อเสียที่คนอื่นต้องส่ายหน้า เช่น กินมูมมามไปบ้าง นอนกรน ชอบแคะสิว เดินขาโก่ง แต่ในที่สุดแล้วเธอก็รักทุกสิ่งที่เป็นเขาอยู่ดี เพราะเธอพร้อมจะมองข้ามและรับมือได้เสมอ

วิธีง่ายๆ ที่พิสูจน์ว่าเธอเข้ากับเขาได้ไหม ลองตอบคำถามตัวเองในใจว่า " เธออยากเปลี่ยนบุคลิกหรือรูปร่างหน้าตาของแฟนหรือเปล่า " ถ้าคำตอบคือใช่ แปลว่าเขายังไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเธอค่ะ

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

ถ้าเธอกับแฟนคบกันอย่างมีความสุข เธอทั้งคู่จะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แค่จะห่างกันไปเข้าห้องน้ำสักห้านาทียังอาลัยอาวรณ์จะเป็นจะตาย คู่รักข้าวใหม่ปลามันก็เป็นอย่างนี้แหละ เราเข้าใจ  -.-

แต่ถ้าเธออยากคบกันยืดในระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องมีการเว้นระยะให้กันบ้าง! เพราะความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องมีสักวันที่ถึงจุดอิ่มตัว และอยากใช้เวลาส่วนตัวของแต่ละฝ่ายบ้าง เช่น ไปเที่ยวกับเพื่อน ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว หรือไปทำตามความฝันของตัวเอง

สิ่งสำคัญคือ เธอและเขาไม่จำเป็นต้องมีความชอบเหมือนกันไปเสียทุกอย่าง แต่ไม่ก้าวก่ายเวลาส่วนตัวของกันและกัน ความสัมพันธ์ก็ไปได้ยาวๆ

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

แม้ว่าการมีเวลาส่วนตัวกับงานอดิเรกและความชอบ ความฝันของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องชอบเหมือนกันทุกอย่างก็จริง แต่ถ้าสไตล์ต่างกันสุดขั้ว ไม่มีอะไรเข้ากันได้เลยก็ไปไม่รอดเหมือนกันนะ!

อย่างน้อยก็ต้องมีสักอย่างสองอย่างที่เธอและเขาชอบตรงกันบ้าง เช่น เล่นวิดีโอเกมหรือเล่นกีฬาสักชนิด การใช้เวลาร่วมกัน ยิ้มและหัวเราะด้วยกันจะทำให้เธอทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น จูงมือกันไปฟิตเนสหรือร้านเกมบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุด นั่งดูรายการทีวีโปรดด้วยกันก็ฟินแล้ว

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

ถ้ารักกันจริง ต้องพร้อมเผชิญและปะทะกับอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะมาในด้านดีหรือร้ายแค่ไหนก็ตาม เธอต้องไม่กลัวที่จะทะเลาะกับเขาถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ และเขาก็เช่นกัน!

ถ้าเธอบอกแฟนว่า " ไม่เห็นด้วย " กับความคิดของเขา เขาต้องฟังเหตุผลของเธออย่างจริงจัง และแม้ว่าเขารับฟังแล้วก็ยังยืนยันความคิดเดิม เขาจะเคารพความเห็นของเธอและไม่ดื้อดึงดันให้มาเป็นฝ่ายเดียวกับเขาค่ะ

ทะเลาะส่วนทะเลาะ ความรักส่วนความรัก ไม่เอามาปนกัน ถึงเห็นต่างกันในบางเรื่องแต่ความรักก็ยังไม่จางหายไปไหน

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

" ปัญหาสำคัญ " ที่ว่าคือเรื่องใหญ่ในชีวิตที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ในระยะยาว เช่น ปัญหาด้านการเงิน, ด้านความเห็นทางศาสนา หรือสถานที่อยู่ของทั้งสองฝ่าย ( หากอยู่ห่างกันมาก ) ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ถ้าเธอและเขาเข้ากันได้ดี พร้อมคุยกันเพื่อประนีประนอมหากเกิดอุปสรรคใดๆ ขึ้นระหว่างทางค่ะ

หากมีเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาร่วมกัน เธอทั้งคู่จะก้าวผ่านไปได้จนถึงการตัดสินใจที่ทั้งสองฝ่ายมีความสุข ( เรียกง่ายๆ ว่าพบกันครึ่งทาง ) ทั้งเธอและเขาพร้อมจะหาจุดลงตัวเพื่อจับมือกันเดินต่อไป นี่แหละคนที่ใช่!

15 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม

แม้ว่าจะฟังดูเลี่ยนๆ เหมือนประโยคในเพลงที่เธอได้ยินจนชินหูกับคำว่า " เธอทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ " แต่ก็เป็นเรื่องจริง! คู่รักที่เป็น " คนที่ใช่ " ของกันและกันจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นคนที่ดีที่สุดของอีกฝ่ายไงล่ะ

เมื่อไหร่ที่เธอรู้สึกว่า เธออยากจะเพิ่มทักษะการเข้าครัวของตัวเอง อยากขยันทำงานเพื่อจะได้เพิ่มเงินเดือน เลื่อนตำแหน่งให้ฐานะมั่นคงกว่านี้ แฟนของเธอก็ควรสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ ในทางกลับกัน ถ้าแฟนของเธอพยายามเป็นผู้ชายที่ดีเพื่อเธอ เธอก็ควรสนับสนุนเขาด้วยเช่นกันค่ะ

===========================

จบลงไปแล้วกับภาคแรกของ " 15 สัญญาณที่บอกว่าเธอและเขาเหมาะสมกัน เข้ากั๊น เข้ากัน " ลองตรวจสอบแล้วตรงกับข้อไหนบ้างเอ่ย ( หรือตรงหมดทุกข้อเลย ฮิ้ววว~~ ) 

ความรักคือการตามหาอีกครึ่งที่หายไป กว่าจะเจอคนคนนั้นก็แสนยากเย็น แต่หากได้เจอคนที่ใช่ เข้ากันได้ทุกเรื่องและพร้อมจะสนับสนุน เป็นกำลังใจให้กันและกันแล้วล่ะก็ ถือว่าโชคดียิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอีกนะ >< ถ้าเธอเจอชายหนุ่มคนนั้นแล้วก็ขอให้คบกันไปยาวๆ เลยค่ะ 

ในทางกลับกัน ถ้าเธออ่านครบทุกข้อแล้วพบว่าแฟนตรงกันข้ามแทบทุกข้อ ก็คงได้เวลามาทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่แล้วล่ะ ถ้าจับเข่าคุยแล้วพบว่าไปไม่รอด ก็รีบจบความสัมพันธ์ก่อนอะไรๆ จะสายเกินไปนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้คู่รักทุกคู่ค่ะ ^^

===========================

Cr. 15 Signs You And Your Partner are Compatible [ lifehack.org ]