นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

  • Podcast
  • เพลย์ลิสต์แนะนำ
  • เพลย์ลิสต์ของคุณ
  • เพลง
  • บทความ
  • ข่าวและกิจกรรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เครือข่ายวิทยุไทยพีบีเอส
  • แผนที่วิทยุเครือข่าย

  • Podcast
  • หน้าหลัก
  • รายการ
  • ผู้จัดรายการ
  • เกี่ยวกับเรา
  • รู้จักเรา
  • ติดต่อเรา
  • เครือข่ายวิทยุไทยพีบีเอส
  • แบบฟอร์มขอเชื่อมโยงสัญญาณ
  • ข่าวและกิจกรรม
  • Podcast
  • Radio
  • บทความ
  • Podcast
  • Radio

ดาวน์โหลด Thai PBS Podcast Application

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ
นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

Ⓒ 2020 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย

เข้าสู่ระบบ

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

Podcast / รายการ / Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน / EP. 113: พลังเเห่งการเสียสละ

56:01

EP. 113: พลังเเห่งการเสียสละ

ฟังรายการ

ชื่นชอบ

EP. 113: พลังเเห่งการเสียสละ

วันที่เผยแพร่ : 05 มิ.ย. 63

การฟัง 27 ครั้ง

ชื่นชอบ 1 ครั้ง

เพิ่มในเพลย์ลิสต์

ดาวน์โหลด

แชร์

ณ ท้องทะเลแห่งหนึ่ง ในวันธรรมดา ๆ ขณะที่ปลาฉลามกำลังจะตกเป็นอาหารของปลาวาฬ แต่ด้วยคุณธรรมของฉลาม ทำให้วาฬต้องยอมปล่อยเหยื่อไปด้วยความเต็มใจ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามรับฟังพร้อมกันได้เลย

ผู้จัดรายการ

วรรญา ไชยโย

ทะเล

นิทาน

เล่านิทาน

นิทานเด็ก

ซื่อสัตย์

รายการเด็ก

สื่อเด็ก

นิทานสุภาษิต

ความดี

นิทานเด็กดี

ปลาฉลาม

ปลาวาฬ

ความคิดเห็น ()

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

ตอนถัดไป

56:01

ฟังรายการ

EP. 114: เสื้อตัวใหม่ให้เพื่อนยาก

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 115: ส่งเจ้าตูบกลับบ้าน

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 116: เม่นผู้ตื่นสาย

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 117: เหมือนกัน แต่ไม่เท่ากัน

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 118: หมาจิ้งจอก ไฮยีน่า และชาวประมง

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 119: หอยทากมากไหวพริบ

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

ตอนที่เกี่ยวข้อง

56:01

ฟังรายการ

EP. 198: เทคโนโลยีกับเด็กในยุคปัจจุบัน

MOM & MOUTH

56:01

ฟังรายการ

EP. 969: นักบินอวกาศกินอาหารอะไรนะ

พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง

56:01

ฟังรายการ

EP. 17: ปลอมตัวเป็นหมี

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

ประโยชน์ของธรรมชาติ

Kids Hour - ชั่วโมงนิทาน

56:01

ฟังรายการ

EP. 849: ช่วยลูกค้นพบแรงบันดาลใจได้อย่างไร

MOM & MOUTH

56:01

ฟังรายการ

EP. 778: ตรวจบ้านก่อนโอน สำคัญอย่างไร

MOM & MOUTH

นิทาน เกี่ยว กับความเสียสละ สั้น ๆ

กระต่ายผู้เสียสละ

กาลครั้งหนึ่ง กลางป่าซึ่งเขียวขจีด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ มีทั้งไม้ดอกและไม้ผล นอกจากนี้ยังมีเหวลึกและมีแม่น้ำสายใหญ่ ไหลเชี่ยวกรากตลอดเวลา ในป่าแห่งนั้น มีสัตว์ ๔ สหาย อาศัยอยู่ด้วยกัน คือ กระต่าย ๑ ตัว ลิง ๑ ตัว สุนัขจิ้งจอก ๑ ตัว และนาก ๑ ตัวสัตว์ทั้ง ๔ ตัวนี้ ตั้งอยู่ในศีลธรรม และอยู่ด้วยกันด้วยความสมานฉันท์ มีกระต่ายเป็นหัวหน้า ทุกเย็นสัตว์ทั้งหมดจะไปประชุมกัน ฟังโอวาทจากกระต่าย และนำมาปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอคืนวันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังให้โอวาทแก่สัตว์ทั้งสามอยู่ กระต่ายได้มองขึ้นไปยังท้องฟ้า ท้องฟ้ายามราตรีกำลังสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ กระต่ายรู้ว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถศีล คือวันพระจันทร์เต็มดวง กระต่ายจึงกล่าวเตือนแก่เพื่อนสัตว์ทั้งสามว่า“วันพรุ่งนี้ พวกท่านจงพากันรักษาศีล และให้ทานเถิด เพราะจะมีอานิสงส์อย่างสูง พวกท่านจงเตรียมอาหารไว้เพื่อเป็นทานแก่คนอื่นๆ เถิด”สัตว์ทั้งสามพากันรับคำด้วยความยินดี จากนั้นก็กลับไปยังที่อยู่ของตนพอรุ่งเช้า…

พรานเบ็ดคนหนึ่งได้มาตกปลาที่ริมฝั่งน้ำใกล้ๆ บริเวณที่พวกสัตว์ทั้ง ๔ อาศัยอยู่ เขาตกได้ปลาตะเพียน ๗ ตัว เมื่อเขาปรารถนาจะย้ายที่ตกปลาไปยังที่แห่งใหม่ เขาจึงขุดทรายให้เป็นหลุม แล้วเอาปลาตะเพียนทั้งเจ็ดตัวซ่อนไว้ แล้วเกลี่ยทรายกลบ ทำเครื่องหมายให้ตนเองจำที่นั้นได้ แล้วย้ายไปยังที่แห่งใหม่นากออกมาอาหารในที่แห่งนั้น คุณหนูๆ ควรทราบไว้ว่า นากมีจมูกที่สามารถสูดดมหากลิ่นปลาได้ดีมาก คงเหมือนจมูกมดนั่นแหละ นากจึงรู้ว่าบริเวณแห่งนั้นมีปลาอย่างแน่นอน มันทำจมูก ฟืดๆ สูดดมตามผืนทรายไม่กี่ครั้ง มันก็รู้ว่า มีปลาซ่อนอยู่ใต้ผืนทราย…มันคุ้ยผืนทรายไม่กี่ครั้ง ปลาตะเพียนทั้งเจ็ดตัวก็อวดเกล็ดขาวๆ แก่สายตาของมัน มันร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น

“โอ้โห…ปลาตะเพียนตัวสวยๆ ตัวอ้วนๆ ตัวสดๆ เพิ่งตายใหม่ๆ หมาดๆ น่าอร่อยดีนักเชียว แต่เอ…มีใครเป็นเจ้าของปลาพวกนี้รึเปล่าหนอ”นากตัวนั้นแม้มีความยินดี ที่มันค้นหาอาหารเจอ แต่มันเป็นนากที่ยึดมั่นในโอวาทของกระต่ายอย่างมั่นคง มันจึงไม่ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร และไม่ต้องการขโมยปลาของคนอื่นด้วย มันจึงส่งเสียงร้องถามไปว่า

“มีใครเป็นเจ้าของปลาตะเพียนเหล่านี้รึเปล่า”

เงียบ…ไม่มีเสียงตอบ เพราะนายพรานเบ็ดเดินเลยไปไกลแล้ว

“มีใครเป็นเจ้าของปลาตะเพียนทั้งเจ็ดตัวนี้หรือเปล่า” มันร้องถามเป็นครั้งที่สอง

เงียบ…มีแต่เสียงน้ำไหล และเสียงใบไม้ต้องลม

“ฉันขอถามอีกครั้งว่า มีใครเป็นเจ้าของปลาตะเพียนทั้งเจ็ดตัวนี้หรือไม่” มันร้องถามเป็นครั้งที่สาม

เงียบ…ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของปลาตะเพียนเหล่านั้น นากยืนมองปลาตะเพียนอยู่ครู่ใหญ่ มันจึงตัดสินใจคาบปลาทั้งเจ็ดตัวกลับไปยังที่อยู่ของตน จากนั้นจึงนอนรักษาศีลด้วยความสบายใจฝ่ายเจ้าลิงก็ตื่นแต่เช้า เข้าไปยังป่าลึก เก็บมะม่วงสุกมาเต็มหอบ ก่อนนอนรักษาศีลอยู่ในที่อยู่ของตัวเอง ส่วนกระต่ายเอาแต่รักษาศีลอย่างเคร่งครัด เลยไม่ได้ออกไปหาอาหารเตรียมไว้ แต่กระต่ายไม่ได้มีความกังวลว่าจะไม่มีอะไรเป็นทาน…

กระต่ายมีอะไรตุนเอาไว้อย่างนั้นหรือ…เปล่าหรอกคุณหนูๆ กระต่ายกินแต่หญ้า หญ้ามีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในป่า กระต่ายจึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนอะไรไว้เลย กระต่ายไม่มีความวิตก เพราะกระต่ายได้ตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ไว้แล้ว คุณหนูคงอยากรู้ใช่ไหมว่า กระต่ายจะทำอย่างไร…

กระต่ายตัดสินใจแล้ว จึงนอนรักษาศีลและภาวนาต่อไปอย่างสงบ

อ้อ…คุณหนูๆ ครับ นิทานเรื่องนี้ยังมีสัตว์อยู่อีกตัวหนึ่ง เจ้าสุนัขจิ้งจอกอย่างไรเล่า…คุณหนูๆ คงคิดล่วงหน้าเอาไว้แล้วนะซิ สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ต้องเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ เหมือนสุนัขจิ้งจอกในนิทานเรื่องอื่นๆ อย่างนั้นใช่ไหมครับ…

ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับ ที่คุณหนูๆ จะคิดอย่างนั้น เพราะนิทานทั้งหลายชอบยกบทผู้ร้ายให้สุนัขจิ้งจอกเสมอๆ เช่น สุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ สุนัขจิ้งจอกจอมตะกละ สุนัขจิ้งจอกจอมลวงโลก เป็นต้น สมญานามของสุนัขจิ้งจอกในนิทานมักเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ

สุนัขจิ้งจอกดีๆ มีความซื่อตรง ไม่เอาเปรียบผู้อื่นไม่มีเลยหรือ…

มีแน่นอน…

ก็สุนัขจิ้งจอกผู้แสนใจดีในเรื่องนี้แหละ คุณหนูๆ  สุนัขจิ้งจอกตัวนี้แหละที่อาสากู้หน้าสุนัขจิ้งจอกในนิทานทั้งหลายเอาไว้

คุณหนูๆ โปรดจำเอาไว้นะ สุนัขจิ้งจอกแสนดียังมีอยู่

สุนัขจิ้งจอกผู้แสนดีของเรา เก็บตุนอาหารไว้เยอะ จึงไม่ต้องออกไปหาอาหารในวันอุโบสถ มันจึงนอนรักษาศีลอย่างสบายอารมณ์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพระอินทร์หรือท้าวสักกะเป็นใหญ่แห่งสวรรค์ ท่านชอบออกมาประทับนั่งพัก และบริหารงานปกครองเมืองสวรรค์บนบัลลังก์ประจำตัวของท่าน แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร บัลลังก์ของท่านเกิดแข็งกระด้างและร้อนเร่าดังมีกองเพลิงสุมอยู่ตลอด ท่านไม่อาจประทับนั่งบนบัลลังก์นั้นได้แม้แต่วินาทีเดียวท่านจำต้องเสด็จจากเมืองสวรรค์มาสู่โลกมนุษย์ มุ่งตรงไปยังป่าที่สัตว์สี่สหายอาศัยอยู่ เพราะแรงอานุภาพแห่งศีลของสัตว์สี่สหายนั้นท้าวสักกะปลอมแปลงตนเป็นนักบวชชราผู้น่าสงสาร มีท่าทางอิดโรย และมีความหิวโหยเหลือเกิน ท่านเดินไปยังที่อยู่ของนากเป็นแห่งแรก ร้องขอด้วยเสียงสั่นเทาว่า

“พ่อนาก มีอาหารใดๆ พอให้ชายชราผู้น่าสงสารอย่างข้ากินบ้างไหมหนอ”

ฝ่ายนากนั้นสุดแสนจะดีใจ รีบบอกแก่พราหมณ์ว่า

“พ่อฤาษีเอ๋ย เรามีปลาตะเพียนอยู่เจ็ดตัว เชิญพ่อนำไปบริโภคเถิด”

นักบวชชรารับปลาตะเพียนจากนากแล้ว บ่ายหน้าไปยังที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอกทันที ทั้งยังซ่อนปลาตะเพียนทั้งเจ็ดตัวไว้ด้วยฤทธานุภาพ พอไปถึงที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก ก็ร้องขออาหารด้วยท่าทางน่าสงสารเช่นเดิมสุนัขจิ้งจอกผู้แสนใจดี…เห็นไหมเล่าครับคุณหนูๆ สุนัขจิ้งจอกของเราใจดีมากๆ เลย มันรีบพานักบวชชราเข้าไปยังที่เก็บอาหารของมัน ชี้ให้ดูอาหารทั้งหลายด้วยความเต็มใจ และบอกว่า

“ข้าพเจ้าเป็นสุนัขจิ้งจอกใจดี วันนี้ ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง ๒ ไม้ มีเหี้ย ๑ ตัว มีนมส้ม ๑ หม้อ เชิญพ่อผู้หิวโหยรับไปบริโภคตามสบายเถิด”

นักบวชชรารับเอาอาหารเหล่านั้นทั้งหมด แล้วบ่ายหน้าไปยังที่อยู่ของลิง ร้องขออาหารจากลิงด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ลิงจึงมอบอาหารของตนให้ทั้งหมด เมื่อรับอาหารนั้นแล้ว ก็เดินทางไปยังที่อยู่ของกระต่ายขอย้ำกับคุณหนูๆ อีกครั้งว่า นักบวชชราซ่อนอาหารเหล่านั้นไว้ ด้วยอำนาจของท่านท้าวสักกะผู้ยิ่งใหญ่ กระต่ายจึงไม่เห็นว่ามีอาหารจำนวนมากแล้ว

นักบวชชราได้ร้องขออาหารจากกระต่ายด้วยอาการอันน่าสงสารอย่างยิ่ง กระต่ายสงสารที่เห็นท่าทางหิวโซขนาดนั้น จึงบอกว่า

“ท่านฤาษีเอ๋ย เชิญท่านก่อไฟเถิด เราไม่มีอะไรให้ท่าน นอกจากเนื้อของเรานี้เท่านั้น ขอเชิญท่านบริโภคเนื้อของเราเถิด”

นักบวชชรามีความสงสัย  กระต่ายจึงกล่าวต่อไปว่า

“กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภคเรา ผู้กลายเป็นกระต่ายย่างแล้ว เจริญภาวนาอยู่ในป่านี้เถิด”

นักบวชชราก่อกองไฟขึ้นด้วยฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ แล้วบอกแก่กระต่ายว่า ก่อกองไฟเรียบร้อยแล้ว กระต่ายลุกขึ้นด้วยความดีใจ ทำท่าทางสลัดขนเพื่อขับไล่สัตว์อื่นๆ ที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น กระต่ายไม่มีความหวาดกลัวต่อความตาย กระโดดเข้ากองไฟทันที

แต่แปลกอย่างยิ่ง….กองไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ ไม่มีความร้อนเลย มีแต่ความเย็นซ่านไปทั่วร่างกระต่าย แม้ขนเส้นเดียวของกระต่ายก็ไม่ถูกไฟไหม้ กระต่ายจึงหันไปถามนักบวชชราว่า

“ทำไมไฟของท่านจึงเย็นนัก”

นักบวชชราจึงกล่าวว่า

“ท่านบัณฑิต เราไม่ใช่นักบวชธรรมดา เราคือท้าวสักกะ ที่ครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรามาเพื่อทดสอบศีลของพวกท่าน”

กระต่ายกล่าวว่า

“ท่านท้าวสักกะผู้สูงส่ง ท่านมาเพื่อทดสอบศีลของข้าพเจ้าเท่านั้นหรือ แล้วชาวโลกเล่า พวกเขาจะรู้ว่าข้าพเจ้าให้ชีวิตเป็นทานแก่ท่านได้อย่างไรกันเล่า”

ท้าวสักกะจึงกล่าวว่า

“คุณความดีของการให้ทานชีวิตในครั้งนี้ของท่าน จะปรากฏตลอดไป”

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว พราหมณ์จำแลงจึงเขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ให้คุณหนูๆ เห็นจนตราบเท่าทุกวันนี้ จากนั้นพราหมณ์ก็หายวับไป…

คุณหนูๆ ออกไปดูกระต่ายบนดวงจันทร์ดูซิ ใช่วันข้างขึ้นหรือเปล่า…เห็นกระต่ายบนดวงจันทร์ไหม นั่นแหละสัญลักษณ์ของกระต่ายผู้เสียสละชีวิตให้เป็นทาน.

 http://www.oknation.net/blog/sarattatham/2008/07/14/entry-1