Show iOS15 ระบบปฏิบัติการ Apple เวอร์ชั่นใหม่สำหรับผู้ใช้งาน iPhone ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเวอร์ชั่นใหม่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นปล่อยตามหลังการเปิดตัว iPhon13 เมื่อไม่นานมานี้ โดยระบบปฏิบัติการในเวอร์ชั่นก่อนช่วยระวังเฝ้าการติดตามของผู้ใช้งาน iPhone จนถึงขนาดที่แบรนด์และโซเชียลมีเดียรายใหญ่อย่าง Facebook ต้องออกมาโวยวายถุงการป้องกันการติดตามพฤติกรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจ การอัพเกรดในครั้งนี้ยังคงมีฟีเจอร์การป้องกันการติดตามอยู่ แต่เพิ่มเติมระบบความปลอดภัยอื่นๆ เข้ามา ซึ่งผู้ใช้ควรปรับการตั้งค่าความปลอดถัยทันทีหลังการอัพเกรดเสร็จสิ้น บล็อกการติดตาม e-Mailโดยปกติอีเมล์ที่ส่งมาให้จากเพื่อนหรือที่ทำงานสามารถเปิดใช้งานได้ปกติ แต่อีเมล์ที่ต้องระวังส่วนใหญ่เป็นอีเมล์ที่ไม่รู้จัก หรืออีเมล์ที่มาเสนอขายสินค้า อีเมล์เหล่านี้จะมีระบบติดตามตัวผู้ใช้งานแฝงมากับอีเมล์ ซึ่งเป็นระบบติดตามที่เล็กมากจนหลุดรอดระบบความปลอดภัยได้ แถมยังติดมากับทั้งหัวจดหมาย ท้ายจดหมาย เมื่อทำการเปิดอีเมล์ระบบติดตามจะเข้าสู่ระบบมือถือและคอยตรวจสอบการใช้งานเพื่อรายงานพฤติกรรมต่างๆ ไปยีงต้นทาง รวมไปถึงไวรัสและการแฮกข้อมูล แต่ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยใน iOS15 จะบล็อคการมองเห็น IP Address แถมระบบจะทำการสุ่ม IP Address หลอกขึ้นมา หากมีระบบติดตามหลุดมา ซึ่งจะทำให้ต้นทางไม่ทราบว่ากำลังติดตามใคร และจะไม่มีทางรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานสามานถเข้าไปที่การตั้งค่า แล้วเลือกจดหมาย จากนั้นเข้าไผที่หัวข้อ “คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” แล้วเปิดตัวเลือกสำหรับกิจกรรมจดหมายป้องกัน ส่องดูแอปฯ แอบเจาะข้อมูลนอกจากอีเมล์ที่สามารถเข้ามาในเครื่องได้แล้ว ยังมีแอปพลิเคชั่นที่เข้ามาในเครื่องจากการกดดาวน์โหลดเพื่อใช้งาน ซึ่งบางแอปฯ อาจจะแอบฝังตัวในระบบต่างๆ เพื่อดูข้อมูลหรือแอบส่องพฤติกรรมผู้ใช้ โดยเฉพาะแอปฯ ที่บังคับให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ กล้อง GPS เป็นต้น มิเช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งานแอปฯ นั้นได้ ซึ่งเท่ากับผู้ใช้อนุญาตให้มีการติดตาม ซึ่งเบื้องต้นแอปฯ เหล่านี้ผู้ใช้งานสามารถต้องสงสัยและปฏิเสธการใช้แอปฯ ได้ แต่ในแอปฯ ที่จำเป็นต้องใช้แต่ต้องการตรวจสอบการทำงานว่าเป็นแอปฯ ที่เข้ามสเจาะข้อมูลหรือไม่ สามารถทำได้ ด้วยการไปที่การตั้งค่าแล้วเลือกความเป็นส่วนตัว ในหัวข้อรายงานความเป็นส่วนตัวของแอปฯ ในส่วนของบันทึกกิจกรรมแอปฯ สามารถเลือกเปิดฟีเจอร์นี้ได้ ซ่อน IP ไว้ท่องเน็ตปลอดภัยในบางครั้งการท่องเน็ตก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงเพราะผู้ใช้งานไม่มีทางรู้เลยว่ามีการฝังระบบติดตามไว้หรือไม่ หรือในปัจจุบันจะมีการขอติดตามสำหรับเว็บที่ต้องการเข้า (ส่วนใหญ่จะทำการขออนุญาตผู้ใช้ในการติดตาม ตามข้อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่เริ่มใช้ทั่วโลก) และบางเว็บหากไม่ให้อนุญาตในการติดตามก็จะไม่สามารถเข้าเว็บนั้นได้ ในระบบปฏิบัติการ iOS15 ก็มีฟีเจอร์สำหรับการซ่อน IP Address เพื่อป้องกันการติดตามได้ โดยเว็บไซต์จะรู้ว่าผู้ใช้มี IP แต่ไม่สามารถระบุหมายเลข IP ได้ ทำให้เว็บไม่สามารถติดตามหมายเลข IP ดังกล่าวได้ ด้วยการเข้าไปที่เมนูตั้งค่า แล้วเลือก Safari จากนั้นเลือก “ซ่อน IP Address” แล้วเปิดสำหรับการติดตามและเว็บไซต์ ตรวจสอบยืนยันรหัสผ่านหลายแห่งมักจะมีให้ตรวจสอบรหัสผ่าน ด้วยการส่ง SMS ยืนยัน แน่นอนว่าการส่ง SMS เป็นระบบที่ช่วยป้องกันการเจาะข้อมูล แต่บางครั้งผู้ที่ต้องการเจาะข้อมูลก็มักจะฉลาดด้วยการไม่ใช้วิธีตรงๆ ที่เรียบง่าย แต่ใช้วิธีที่ซับซ้อนทำให้ผู้ใช้งานเชื่อมั่นและยอมให้เจาะข้อมูลโดยที่ตัวเองไม่รู้ นั่นเพราะ SMS ที่ส่งมายืนยันอาจมีการฝากระบบเจาะข้อมูลติดมาด้วย ซึ่งเมื่อ SMS ยืนยันมาถึงยังไงผู้ใช้งานก็ต้องเปิด เท่ากับผู้ใช้งานเปิดประตูต้อนรับให้เข้ามาเจาะข้อมูลได้เลย แต่ด้วยฟีเจอร์ใหม่ใน iOS15 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบยืนยันตัวตนของ Apple เป็นการยืนยันรหัสผ่านแทน โดยไม่ต้องใช้ SMS เข้ามาช่วยยืนยัน ด้วยการเข้าไปที่การตั้งค่า เลือกรหัสผ่าน iCloud+ ช่วยท่องเว็บปลอดภัยมากขึ้นสำหรับ iCloud+ เป็นระบบที่ผู้ใช้งานต้องสมัครสมาชิก โดยใน iCloud+ จะมีระบบ iCloud Private Relay ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน VPN ซึ่งจะทำให้เกิด IP Address จำลองขึ้นมาเป็นจำนวนมาก กระจายตัวผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในระบบพันธมิตร ทำให้เว็บไซต์หรือใครก็ตามที่ต้องการติดตาม IP Address ไม่สามารถติดตามได้เนื่องจากมีการกระจายตัวเข้าใช้งานเซิร์ฟเวอร์ในหลายแห่งพร้อมกัน โดยปัจจุบัน Apple กำลังมองหาพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในการกระจายเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ใน iCloud+ ยังมีฟีเจอร์การซ่อนอีเมล์ส่วนตัวไว้ด้วย โดยผู้ใช้สามารถไปที่การตั้งค่า แล้วเปิดใช้งาน iCloud Private Relay ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวก่อนที่จะทำการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ iPhone ควรตรวจสอบตัวเลือกให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากหลายฟีเจอร์อาจกลายเป็นการแชร์ข้อมูลกับแอพและบริษัทมากกว่าที่คุณจำได้ และมีขั้นตอนด่วนที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวในอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยการไปที่การตั้งค่าแล้วเลือกความเป็นส่วนตัว จากนั้นเลือก “Location Services” ผู้ใช้งานสามารถปิดบริการตำแหน่งได้ การปิด Location Services อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากบางแอปฯ จำเป็นต้องทราบตำแหน่งของผู้ใช้ เช่น แอปฯ แผนที่ที่ใช้เพื่อหาทิศทางการเดินทาง หรือกล้องเพื่อบันทึกตำแหน่งที่ถ่ายภาพ โดยฟีเจอร์ระบุตำแหน่งสามารถเลือกให้ใช้งานได้เฉพาะในแต่ละแอปฯ ที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วน “ความเป็นส่วนตัว” ยังสามารถตรวจสอบในการดูว่าแอปฯ ใดบ้างที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงส่วนต่างๆ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ รูปภาพ เป็นต้น Source: Wired
|