การสร้างภูมิปัญญาไทยสมัยอยุธยานั้นมีอยู่มากมายหลายชนิดที่ทำให้คนไทย สมัยอยุธยาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อม ที่มีความหลากหลาย ซึ่งภูมิปัญญาไทยสมัยอยุธยาเน้นให้เห็นถึงความสามารถ และสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาสำหรับการดำรงชีวิต ของคนไทยสมัยนั้น ภูมิปัญญาไทย เหล่านั้นมีทั้งสิ่งที่เป็นนามธรรม และสิ่งที่เป็นรูปธรรม และมีมากมายหลายประเภท เช่น ด้านการเมือง การปกครอง ด้านภาษาและวรรณกรรม และด้านศิลปกรรม เป็นต้น ในพัฒนาการทางด้านต่างๆ ก็มีภูมิปัญญาแฝงอยู่ด้วย เช่น 1. ภูมิปัญญาที่เป็นนามธรรม ซึ่งเป็นคติความเชื่อของข้อห้าม ข้อปฏิบัติในวิถีชีวิตของผู้คน เช่น - ความเชื่อทางไสยศาสตร์ ซึ่งปรากฏในวรรณกรรม เรื่องลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย - ความเชื่ออันเนื่องมาจากศาสนา เช่น เรื่องบุญ-กรรม การประพฤติในศีลในธรรม การทำบุญกุศลเพื่อการเกิดใหม่ที่ดีในภพหน้า เป็นต้น 2. ภูมิปัญญาในด้านการเมืองการปกครองในสมัยอยุธยา คือ ก) การสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นศูนย์รวมของคนไทย ให้มีความเข้มแข็ง และมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพของราษฎร เมื่อพระเจ้าอู่ทองทรงนำลัทธิเทวราชา เอาจากเขมรมาดัดแปลงกับสังคมไทย ทำให้สถานะ ของพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือน เป็นสมมติเทพ ขณะเดียวกันพระมหากษัตริย์ก็ยังทรง เป็นธรรมราชา ตามแบบอย่างสุโขทัย ข) การควบคุมกำลังคนสำหรับป้องกันราชอาณาจักร และสำหรับราชการแผ่นดิน การที่อาณาจักรมีอาณาเขตกว้างขวางมาก และมีผู้คนจำนวนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีศึกสงครามกับอาณาจักร ใกล้เคียงกำลังไพร่พลจึงมีความสำคัญต่ออาณาจักรอยุธยา การจัดระบบไพร่ในสมัยอยุธยาจึงเป็นภูมิปัญญาไทย ที่สำคัญคือชายฉกรรจ์ทุกคนที่เรียกว่า "ไพร่" ต้องสังกัดมูลนาย มิฉะนั้นไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เมื่อลงทะเบียนสักเลกสังกัดมูลนายแล้ว ต้องมีการกำหนดระยะเวลา ในการใช้แรงงานของชายฉกรรจ์เหล่านี้ทั้งในยามสงบ และในยามสงครามที่เรียกว่า "การเข้าเวร" โดยมีกำหนดเวลาปีละ 6 เดือน คือใช้แรงงานให้กับหลวง 1 เดือน และออกเวรมาอยู่กับครอบครัว 1 เดือนสลับกันไป การจัดระบบไพร่ทำให้ทางราชการ ทราบจำนวนของไพร่พลผ่านทางมูลนาย และสามารถเกณฑ์ผู้คนที่เป็นไพร่พลเหล่านี้ได้ 3. ภูมิปัญญาด้านศิลปกรรม ส่วนใหญ่เนื่องมาจากพระพุทธศาสนาของผู้คนในอาณาจักร ซึ่งแบ่งเป็นด้านต่างๆ คือ ก) ประติมากรรม เกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูป แบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะที่ 1 นิยมสร้าง พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองที่ได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย ปางมารวิชัยและสมาธิ ประดิษฐานไว้กลางแจ้งเช่นที่วัดมงคลบพิตร วัดพนัญเชิง และวัดธรรมิกราช ลักษณะของพระพุทธรูปแบบอู่ทอง คือ มีไรพระศกและชายจีวรปลายตัดเป็นเส้นตรง ระยะที่ 2 นิยมสร้างพระพุทธรูปประทับยืน ทรงเครื่อง เช่นที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ และระยะที่ 3 ข) สถาปัตยกรรม ระยะแรกนับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จนถึงแผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถ นิยมสร้างแบบศิลปะลพบุรีหรืออู่ทองเป็นพระปรางค์ เช่น พระปรางค์ที่วัดพุทไธศวรรย์ วัดพระราม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดราชบูรณะ ระยะที่ 2 เมื่อสมเด็จพระบรมไตร-โลกนาถ เสด็จขึ้นไปเมืองพิษณุโลกจึงได้รับแบบอย่างสถาปัตยกรรม ศิลปะสุโขทัยเข้ามาด้วย โดยมักสร้างพระสถูปอันเป็นหลักของพระอาราม เป็นเจดีย์แบบทรงลังกา มากกว่าการสร้างพระปรางค์ เช่น เจดีย์ใหญ่ 3 องค์ ในวัดพระศรีสรรเพชญ พระเจดีย์ใหญ่วัดชัยมงคล ระยะที่ 3 ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ทรงนิยมถ่ายแบบอย่างพระปรางค์ และสถาปัตยกรรมของขอมมาสร้างในอยุธยา เช่น ที่วัดไชยวัฒนาราม และนิยมสร้างพระเจดีย์เหลี่ยมหรือเจดีย์ย่อมุม ไม้สิบสองขึ้นด้วย องค์ที่งดงามมากคือที่วัดชุมพลนิกายาราม และในสมัยพระนารายณ์มหาราช มีชาวฝรั่งเศสเข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยา จึงมีการสร้างตำหนักและอาคาร 2 ชั้นที่ก่อด้วยอิฐ ซึ่งมีความมั่นคงและถาวรมากขึ้น ต่างจากเดิมที่ใช้อิฐ หรือศิลาเฉพาะการสร้างศาสนสถานเท่านั้น ระยะที่ 4 ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจนถึงเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2310 การสร้างเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองยังเป็นที่นิยมกัน เช่น เจดีย์วัดภูเขาทอง โบสถ์วิหารสมัยอยุธยาตอนปลาย มักทำฐานและหลังคาเป็นเส้นอ่อนโค้ง มักใช้เสากลมก่ออิฐสอปูน ตรงหัวเสาจะมีบัวทำเป็นบัวตูม เป็นต้น ค) จิตรกรรม จิตรกรรมในสมัยอยุธยา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา ในระยะแรกได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบลพบุรี สุโขทัยและลังกา โดยมีบางภาพที่มีลักษณะแข็งและหนัก ใช้สีดำ ขาว เหลือง และแดง มีการปิดทองบนภาพบ้างเล็กน้อยเช่นภาพเขียนบนผนังในกรุพระปรางค์วัด ราชบูรณะ ระยะต่อมามักเป็นภาพวาดเกี่ยวกับเรื่องไตรภูมิมีภาพพุทธประวัติประกอบนิยม ใช้สีเบญจรงค์บนพื้นขาวหรือสีอ่อน ในสมัยสมเด็จพระเชษฐาธิราช จนสิ้นสุดสมัยอยุธยาจิตรกรรมอยุธยา แสดงให้เห็นถึงลักษณะของจิตรกรรมไทยบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ สีที่วาดนิยมใช้หลายสี นิยมปิดทองลงบนรูป และลวดลาย แต่การเขียนภาพต้นไม้ ภูเขา และน้ำ แสดงให้เห็นอิทธิพลของศิลปะจีนอยู่บ้าง การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยธนบุรี
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการพิจารณาทำเลที่ตั้งของราชธานี ด้านการปกครอง
ด้านศิลปวัฒนธรรม
2.การสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
4.การรวบรวมพระพุทธรูปโบราณ 5.การตรากฎหมายสงฆ์ |