ยาแก้อักเสบ ดํา แดง กิน ยัง ไง

ยาแก้อักเสบ เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ แก้ปวด รวมทั้งยังมีฤทธิ์ในการลดไข้เช่น แอสไพริน ไดโคลฟิแนค และไอบรูโพนเฟน เป็นต้น ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส

ยาแก้อักเสบใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบ ได้แก่

ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อาการเคล็ดขัดยอก เส้นเอ็นอักเสบ และกล้ามเนื้ออักเสบ เนื่องจากอาการอักเสบส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แต่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม การอักเสบของข้อจากโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือ กล้ามเนื้ออักเสบจากการยกของหนัก

ส่วนยาฆ่าเชื้อเป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้แก่

เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น เพนนิซิลิน และอะม็อกซีซิลิน ไม่มีฤทธิ์แก้ปวด หรือลดการอักเสบ ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เช่น ตอมทอนซิลอักเสบเป็นหนอง มีปัสสาวะแสบขัดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น

ดังนั้น หากเรียกยาฆ่าเชื้อว่า ยาแก้อักเสบจะทำให้เข้าใจผิด คิดว่ายาฆ่าเชื้อสามารถรักษาอาการอักเสบได้ทุกชนิด หรือในทางกลับกันที่คิดว่ายาแก้อักเสบสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ จะทำให้ใช้ยาผิดประเภทหรือรักษาโรคผิดได้

ยาแก้อักเสบที่คุ้นเคย มีผลข้างเคียงกับร่างกาย อ่านผลกระทบเพื่อทำความเข้าใจ และกินยาแก้อักเสบอย่างถูกวิธี

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 เม.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

แชร์บทความนี้

ยาแก้อักเสบ ดํา แดง กิน ยัง ไง

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • “ยาแก้อักเสบ” มีอีกชื่อเรียกว่า “ยาปฏิชีวนะ” แต่ให้สรรพคุณที่ต่างกัน ยาแก้อักเสบใช้รักษาอาการอักเสบที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ส่วนยาปฏิชีวนะ ใช้รักษาเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บคอ
  • คุณต้องระมัดระวังอย่ารับประทานยา 2 กลุ่มนี้สลับกัน เพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
  • ยาแก้อักเสบมีวิธีรับประทานที่ถูกต้องอยู่ เช่น ต้องดื่มน้ำตามมากๆ หลังรับประทานยา หากลืมรับประทาน ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ตับ ไต หรือมีแผลในกระเพาะอาหารต้องระวังการใช้ยา 2 กลุ่มนี้
  • ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาแก้อักเสบมีความแตกต่างกันตามชนิดยา รวมถึงปริมาณการรับประทานจะแตกต่างไปตามอาการป่วยด้วย ซึ่งผู้ป่วยต้องให้แพทย์ หรือเภสัชกรเป็นผู้แนะนำ และสั่งจ่ายยา
  • หากคุณพบว่า ตนเองมีอาการหายใจไม่ออก ปากบวม แน่นหน้าอก ซึ่งคล้ายกับอาการแพ้ยา ให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กอาการทันที (ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะได้ที่นี่)

หากรู้สึกเจ็บคอ หรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ควรต้องใช้ยาอะไรระหว่าง "ยาแก้อักเสบ" กับ "ยาปฏิชีวนะ"  ถ้ายังลังเลไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้ยาชนิดไหน แนะนำให้อ่านบทความนี้ เพราะหากเลือกใช้ยาผิดอาจทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาได้ 

ยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อต่างกันอย่างไร?

  1. ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) หรือยาฆ่าเชื้อ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในลำคอ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอเนื่องจากการเป็นโรคหวัด
  2. ยาแก้อักเสบชนิดเม็ดรับประทาน และชนิดฉีด (Anti-Inflammatory drugs) ใช้สำหรับรักษาอาการอักเสบที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ หรือข้ออักเสบ โดยสามารถหาซื้อยากลุ่มนี้ได้ตามร้านขายยาทั่วไป

ดังนั้นคุณต้องระมัดระวังอย่าจำสับสนกันระหว่างการใช้ตัวยาทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นอันขาด เพราะการรับประทานยาผิด นอกจากจะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ

ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 25650 บาท

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

กด

ยาแก้อักเสบ ดํา แดง กิน ยัง ไง

วิธีการกินยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง

  • ยาแก้อักเสบมีฤทธิ์ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรรับประทานยาหลังอาหารเท่านั้น และหลังจากกินยาจะต้องดื่มน้ำตามมากๆ 
  • เมื่ออาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นทุเลาลงหลังรับประทานยา ต้องหยุดรับประทานทันที เพราะว่ายาแก้อักเสบเป็นยาที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการเท่านั้น
    หากกินติดต่อกันไปนานๆ จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เกิดภาวะความดันโลหิตสูงตามมา และนำไปสู่ภาวะไตวายได้ในที่สุด
  • เมื่อเป็นหวัด และมีอาการเจ็บคอจะต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อ หรือ "ยาปฏิชีวนะ" (Antibiotics) เท่านั้น อย่าจำสับสนกันเด็ดขาด
  • ผู้ที่มีโรคแผลในกระเพาะอาหาร หัวใจวาย โรคตับ โรคไต หรือความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังในการใช้ยา เพราะจะทำให้อาการแย่ลงได้
  • เมื่อรับประทานยาชนิดใดก็ตาม แล้วมีอาการผื่นคันขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก ปากบวม ตาบวม หายใจลำบาก ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการของการแพ้ยา
  • ยาแก้อักเสบชนิดเม็ดรับประทาน และชนิดฉีดมีคุณสมบัติแบบเดียวกัน แต่มีราคาไม่เท่ากัน โดยชนิดฉีดจะมีราคาที่แพงกว่าชนิดรับประทานถึง 10 เท่า
  • หากลืมรับประทาน ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม แต่ก็ยังดีกว่าการไม่ได้กินยาเลย

ควรกินยาแก้อักเสบกี่วัน

หากมีไข้ ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อนานเกิน 3 วัน และไม่ควรใช้ยาแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการปวดเป็นเวลานานเกินกว่า 10 วัน เว้นแต่เป็นคำสั่งจากแพทย์

เพราะการใช้ยาแก้อักเสบติดต่อนานเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้นควรสอบถามวิธีการใช้ยา และระยะเวลาในการใช้ยาจากแพทย์ หรือเภสัชกรให้แน่ใจทุกครั้งที่ใช้

ระยะเวลาในการใช้ยาแก้อักเสบขึ้นอยู่กับชนิดของยา จุดประสงค์ของการรักษา และภาวะสุขภาพของผู้ป่วย 

ตัวยาแก้อักเสบอาจออกฤทธิ์ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจใช้เวลานานกว่านั้น คือ ประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่าจะเห็นผล ขึ้นอยู่กับประเภทของยาที่แพทย์สั่งให้ใช้ ซึ่งจะพิจารณาตามอาการ สุขภาพ อายุ และปัจจัยอื่นๆ ของผู้ป่วย 

โดยยาที่ออกฤทธิ์เร็วนั้นมักต้องรับประทานทุก 4-6 สัปดาห์ ซึ่งมักแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อบาดเจ็บเฉียบพลัน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานอาจแนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น

ยาแก้อักเสบเป็นยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่อย่าลืมว่า การกินยาแก้อักเสบจะต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ที่สำคัญผู้ป่วยต้องระบุถึงอาการที่เป็นอยู่ให้ชัดเจนเพื่อที่แพทย์ หรือเภสัชกรจะได้รักษาและจ่ายยาให้ได้อย่างถูกต้อง

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


2 แหล่งข้อมูล

กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

แพทย์และกองบรรณาธิการ Uptodate, Patient education: Nonsteroidal antiinflammatory drugs (NSAIDs) (The Basics)(https://www.uptodate.com/conte...)

Daniel H Solomon, MD, MPH, Patient education: Nonsteroidal antiinflammatory drugs (NSAIDs) (Beyond the Basics) (https://www.uptodate.com/conte...), March 2019


บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ยาแก้อักเสบดําแดงแก้อะไรบ้าง

ข้อบ่งใช้ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียรักษาโรคติดเชื้อ ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน

แก้อักเสบดำแดงกินตอนไหน

“ยาแก้อักเสบ” มักระคายเคืองทางเดินอาหาร ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตามมากๆ

ยาแก้อักเสบทานตอนไหน

- ยาแก้ปวดแก้อักเสบ (Non-steroidal Anti-inflammatory drugs; NSAIDs) เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac ยากลุ่มนี้จะกําหนดให้รับประทานหลังอาหารทันทีเนื่องจากยาเหล่านี้มีผลระคายเคืองกระเพาะอาหาร - ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic) ควรรับประทานยาต่อเนื่องจนยาหมดหรือตามแพทย์สั่ง

ยาแก้อักเสบ กินกี่ชั่วโมง

ตัวยาแก้อักเสบอาจออกฤทธิ์ด้านในไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจใช้เวลานานกว่านั้น เป็นประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่าจะเห็นผล ขึ้นกับชนิดของยาที่หมอสั่งให้ใช้ ซึ่งจะตรึกตรองตามอาการ สุขภาพ อายุ แล้วก็สาเหตุอื่นๆของผู้ป่วย โดยยาที่ออกฤทธิ์เร็วนั้นมักจะต้องกินทุก 4-6 สัปดาห์ ซึ่งมักชี้แนะให้ใช้ในผู้เจ็บป่วยที่กล้ามบาดเจ็บฉับพลัน ส่วนคนไข้ ...