โรคความดันโลหิตสูงถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหัวใจของเรา ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา ไม่ว่าจะเป็น ภาวะหัวใจวาย โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูงคือ เป็นโรคที่มักไม่มีอาการ และจะเป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรงถ้าไม่สามารถควบคุมโรคได้ Show อาการความดันโลหิตสูงเป็นอย่างไร? ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการแต่อย่างใด อาจมีอาการปวดมึนท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ เวียนศีรษะ บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะตุบๆ เหมือนไมเกรน ในผู้ป่วยที่เป็นมานาน อาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น นอนไม่หลับ และเมื่อมีอาการมากอาจโคมา และเสียชีวิตได้ หากปล่อยไว้นาน ไม่รักษา! อาจส่งผลเสียต่อร่างกายดังนี้
ระดับความดันโลหิตเท่าไรเสี่ยงเป็นความดันโลหิตสูง เราสามารถเช็คว่าเป็นความดันโลหิตสูงได้หรือไม่ ด้วยวิธีการวัดความดันโลหิต หากมีค่าความดันซิสโตลี (ค่าความดันตัวบน) มากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท (mm/Hg) หรือ ค่าความดันไดแอสโตลี (ค่าความดันตัวล่าง) มากกว่าหรือเท่ากับ 90 (mm/Hg) โดยวัดในขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะพัก นั่นหมายถึงคุณกำลังมีอาการของโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูง เพชฌฆาตเงียบทำลายหัวใจ 1. โรคความดันโลหิตสูง คือ ภาวะแรงกดดันในหลอดเลือดแดงที่มีค่าสูงเกินปกติ (140/90 มิลลิเมตรปรอท) 2. ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัวและถ้าไม่ได้รักษาอย่างถูกต้อง ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดหัวใจโต และหัวใจวายได้ ดังนั้นถ้าป้องกันความดันโลหิตสูง ก็สามารถป้องกันอันตรายจากโรคหัวใจได้ 3. ความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติหรือสัญญาณเตือน ยกเว้นผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระยะรุนแรงก็อาจมีอาการแสดง เช่น ปวดศีรษะรุนแรง หายใจได้สั้นลง เลือดกำเดาไหล 4. นอกจากโรคความดันโลหิตสูงที่เสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น หากเป็นโรคเบาหวาน โรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคอ้วน ก็สามารถเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน 5. สามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้ด้วยการ ลดกินเกลือ (โซเดียม) เพิ่มการรับประทานผักผลไม้(รสหวานน้อย) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยลง งดสูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ ระดับความดันโลหิตปกติควรอยู่ที่เท่าไร? ความดันโลหิตที่ “เหมาะสม” ของคนอายุ 18 ปี ขึ้นไป วิธีการวัดความดันด้วยตนเองที่บ้าน
ค่าบนเครื่องวัดความดัน หมายถึงอะไร? 1. Systolic blood pressure (SBP) ตัวบน คือ ความดันของเลือดสูงสุดขณะหัวใจห้องล่างบีบตัว 2. Diastolic blood pressure (DBP) ตัวล่าง คือ ความดันเลือดที่ต่ำสุดขณะหัวใจห้องล่างคลายตัว
**ความดันโลหิตสูงระดับอ่อนหรือปานกลาง มักจะไม่มีอาการอะไร แต่มีการทำลายอวัยวะต่างๆ ไปทีละน้อยอย่างช้าๆ จนผู้ป่วยเกิดผลแทรกซ้อนเช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด ไตเสื่อมสมรรถภาพ หรืออัมพาต อัมพฤกษ์ มีความดันสูงบางครั้งขึ้นถึง200 และทานยาลดความดันตามแพทย์สั่ง ซึ่งไม่ทราบสาเหตุค่ะ จะเป็นแค่บางครั้ง ตอนเป็นจะมีอาการแน่นหน้าอกด้วย ระยะหลังฉี่บ่อยและกระหายน้ำ ออกกำลังกายเหนื่อยง่ายและแน่นหน้าอก หมอตรวจคลื่นหัวใจปกติ และเอานิ้วจิ้มขาไม่บวม จะเป็นโรคอะไรได้บ้างคะอยากหายแต่ได้แค่ยาลดความดันค่ะ แพทย์หญิงรุ่งนภา แพทย์ Jul 30, 2017 at 04:49 PM
สวัสดีค่ะ คุณ Jutira
อาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ อ่านต่อได้ ..ที่นี่
หากเป็นอาการที่เกิดขึ้นกะทันหัน อาจเกิดจาก
ปัจจัยทางสภาวะแวดล้อม เช่น การออกกำลังกายหรือใช้แรงอย่างหนัก , อากาศร้อนหรือเย็น , อยู่ที่สูงซึ่งมีความกดอากาศต่ำ , อารมณ์ตกใจหรือวิตกกังวล เป็นต้น
ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อทางระบบหายใจ เยื่อหุ้มปอดผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เป็นต้น
หากเป็นเรื้อรัง อาจมีสาเหตุจาก โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ความผิดปกติที่เนื้อปอด ภาวะอ้วน การตั้งครรภ์ โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน เป็นต้น
ส่วนอาการปัสสาวะบ่อย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น การดื่มน้ำมาก อาการเย็น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาการของโรคเบาหวาน อาการของโรคเบาจืด ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เป็นต้น
การรักษาความดันโลหิตสูง แพทย์จะพิจารณาตั้งแต่ ความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง, สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง, โรคร่วมอื่น เช่น เบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง โรคไขมันในเลือดสูง และรวมถึงภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดที่ไต โรคหลอดเลือดที่สมอง เป็นต้น เพื่อตั้งเป้าหมายการคุมระดับความดันโลหิตและการให้การรักษา ซึ่งการรักษาจะแบ่ง 2 ส่วนหลัก คือ
· การรักษาโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต ได้แก่ งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย การจำกัดโซเดียมในอาหาร เป็นต้น
· การรักษาโดยการใช้ยาลดความดันโลหิต
นอกจากนี้แนะนำให้ผู้ป่วยวัดความดันโลหิตเองที่บ้านโดยใช้เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ โดยแนะนำให้วัดวันละ 2 ครั้ง โดยช่วงเช้าก่อนรับประทานยาให้วัดความดันโลหิต 2 ครั้ง และ ช่วงเย็นอีก 2 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง เป็นเวลา 3-7 วันก่อนพบแพทย์แล้วนำผลดังกล่าวไปให้แพทย์เพื่อประกอบการรักษา
ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณ Jutira สังเกตอาการแน่นหน้าอก และปัสสาวะบ่อย ว่าหากดูแลตนเองเบื้องต้น ตอนที่มีอาการแน่นหน้าอกว่านั่งพักในพื้นที่เปิดโล่ง อากาศไม่เย็นหรือร้อนจัด หรือหาวิธีผ่อนคลายอารมณ์
|