โทรไลน์ปลายสายไม่ได้ยินเสียงเรา iphone

นอกจากเราจะใช้ LINE ในการแชทพูดคุย หรือส่งสติ๊กเกอร์แล้ว หลายๆ คนก็ยังเลือกใช้โทรหากันผ่าน LINE หรือที่เรียกกันว่า LINE Call อีกด้วย เนื่องจากไม่เสียค่าโทรศัพท์ เสียแค่ค่าเน็ตที่เราจ่ายไปในแพ็คเกจอยู่แล้ว หรือไม่ก็ใช้ผ่าน WiFi แบบสบายๆ แต่บางทีการคอลไลน์ มันก็ไม่เหมือนกับการโทรคุยปกติทั่วไป เพราะมันอาจจะมีปัญหาบ้างบางที อาทิ การโทรแล้วดีเลย์ บางครั้งก็ไม่ได้ยินเสียงซึ่งกันและกัน บางคนคิดว่าเป็นที่เครื่องหรือที่แอป แต่จริงๆ มันมีวิธีเช็คและแก้ไขได้นะ

ทำไมโทรผ่าน LINE แล้วเสียงไม่ชัด คุยไม่ได้ยิน

อาการนี้เห็นกันบ่อยสุด คือปลายสายของเราไม่ได้ยินสิ่งที่เราพูด หรือบางทีพอเปิดลำโพง อีกฝั่งกลับบอกว่าเราพูดเบามาก ราวกับอยู่ห่างจากโทรศัพท์เป็นเมตรๆ ทั้งที่แทบจะเอาปากจ่อตะโกนกันอยู่แล้ว ซึ่งตอนแรกทีมงานก็คิดว่าเป็นที่แอปหรือมือถือเหมือนกัน แต่พอลองทดสอบกับเพื่อนที่ใช้รุ่นเดียวกันแล้ว กลับไม่มีอาการอะไรเลย เลยลองเข้าไปดูในการตั้งค่า ถึงได้เห็นว่าค่า Default ถูกกำหนดเอาไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราลองมาดูวิธีแก้ตามนี้เลยครับ

วิธีตั้งค่า LINE Call ให้คุยชัด ไม่ต้องตะโกน

เริ่มแรกให้เข้าไปที่การตั้งค่า จากนั้นเลือกกด Calls มองหาหัวข้อ Advanced call setting หรือการตั้งค่าขั้นสูง

การตั้งค่า > Calls > Advanced call setting

ซึ่งมือถือบางเครื่องอาจจะมีการตั้งค่า Default ที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเทาหมดเลย ไม่มีการติ๊กเขียวใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร) ซึ่งนั่นแหละคือปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาคอลไลน์ เพราะปัจจุบันมันมีระบบเสียงแบบ HD กันแล้ว เราก็ลองมาปรับการตั้งค่าให้มันได้เสียงคมชัดตามนี้ดู

โทรไลน์ปลายสายไม่ได้ยินเสียงเรา iphone

ตั้งค่า Voice Call

ส่วนแรกคือ Voice Call หรือการโทรเสียงล้วนๆ รวมถึงการประชุมสายโทรเป็นกลุ่มด้วย ให้เลือก

  • เปิด Full HD
  • ใช้ Communicatuion Mode
  • เปิดการทำงาน Open SL

เสร็จแล้วลองโทรออกดูครับ อันนี้น่าจะแก้ปัญหาการโทรแล้วไม่ได้ยินหรือเสียงอยู่ไกลได้แล้ว

โดยทาง LINE ได้มีการระบุเอาไว้ชัดเจนว่า หากเปิด Full HD, ใช้ Communication Mode หรือเปิดการทำงานของ Open SL แล้วการคอลไลน์มีปัญหาติดขัด หรือไม่ได้ยินเสียงปลายสาย อีกฝั่งไม่ได้ยินเสียง ให้ติ๊กการใช้งานออกไปเลย แต่ถ้าใครติ๊กเขียวแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ค้างเอาไว้แบบนั้น เพราะตามทฤษฎีแล้ว การตั้งค่าแบบนี้น่าจะทำให้ปลายสายได้ยินเสียงเราชัดเจน

ตั้งค่า Video Call

ส่วนนี้จะเป็นการใช้งานวิดีโอคอล ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าความคมชัดของภาพเวลาใช้งานได้ โดยเลือกปรับ High Quality แต่ก็จะมีการใช้งานเน็ตที่เพิ่มขึ้นด้วย หากกลัวว่าเน็ตจะไหลเวลาอยู่ข้างนอก ก็สามารถเลือกใช้งาน HD on Wi-Fi Only ได้ คือถ้าไม่มี WiFi ใช้ มันก็จะลดความคมชัดลงมาเอง

โทรไลน์ปลายสายไม่ได้ยินเสียงเรา iphone
แต่ถ้าอยากได้ภาพชัดๆ เวลา Video Call ก็ไปกดติ๊ก HD on WiFi only ออกได้ 

หรือใครที่กังวลว่าคอลไลน์ไปนานๆ เครื่องจะร้อนหรือเปล่า อันนี้ก็ไปเปิดใช้งาน Video Codec ของเครื่องได้ จะเข้ามาช่วยความร้อน และทำให้แบตเตอรี่ไม่ค่อยไหลเป็นน้ำเวลาคอลหรือวิดีโอคอลไลน์นานๆ นั่นเอง

สำหรับใครที่ลองปรับการตั้งค่าตามนี้ดูแล้ว ได้ผลในการโทรเป็นยังไง เสียงชัดเจนขึ้นมั้ยก็มาบอกกันด้วยนะครับ

ปล. ทั้งนี้การโทรผ่าน LINE นั้นใช้เน็ตเป็นหลัก ถ้าเน็ตไม่ค่อยวิ่งหรือสัญญาณไม่ดีก็อาจจะเกิดอาการเสียงขาดๆ หายๆ หรือดีเลย์ได้เช่นกันครับ

โทรไลน์ปลายสายไม่ได้ยินเสียงเรา iphone

ปัญหาการโทร/วิดีโอคอล

  • Android
  • iOS
  • Windows
  • Mac
  • Chrome
  • iPad

โทรและวิดีโอคอลไม่ได้ toggle

ปัญหาการโทรและวีดีโอคอล อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

- ใช้งานแอปพลิเคชัน LINE เวอร์ชันเก่า
- ถูกบล็อคหรือบล็อคอีกฝ่ายเอาไว้
- ปิดการตั้งค่า "อนุญาตให้โทรเข้า" ของ LINE เอาไว้
- คุณหรืออีกฝ่ายไม่ได้เป็น "เพื่อน" กัน
* หากเป็นเพื่อนเพียงฝ่ายเดียวจะไม่สามารถใช้บริการได้
- อุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่รองรับการใช้งาน
- อีกฝ่ายไม่ได้ใช้งาน LINE

หากตรวจสอบสาเหตุข้างต้นแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กรุณาลองดำเนินการตามคำแนะนำด้านล่างนี้
- อัปเดตแอปพลิเคชัน LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ที่นี่
- ปิดและเปิดอุปกรณ์ที่ใช้งานอีกครั้ง

หน้านี้เป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่

ใช่ ไม่

ไม่ได้ยินเสียงตนเอง/ฝ่ายตรงข้าม toggle

*หน้าช่วยเหลือนี้สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS หากคุณใช้งานอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ Android เลือก ที่นี่

การโทรด้วยเสียงหรือวิดีโอคอลของ LINE ใช้งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จึงอาจพบปัญหาไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหรือเสียงขาดหายจากสาเหตุด้านล่าง
ขอแนะนำให้คุณใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหา
- มีผู้อื่นใช้งาน Wi-Fi เครือข่ายเดียวกับคุณอยู่เป็นจำนวนมาก
  * ขอแนะนำให้ใช้งานผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G (ต้องเสียค่าบริการรับส่งข้อมูลผ่าน 3G/4G)
- คลื่นสัญญาณไม่ดี
- อัปเดตแอปพลิเคชัน หรืออัปโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์ระหว่างโทร
- เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า Router

กรุณาลองดำเนินการตามวิธีดังต่อไปนี้ทั้งคุณและฝ่ายตรงข้าม

วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
- อัปเดตแอปพลิเคชัน LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ที่นี่
- ปิดและเปิดอุปกรณ์ที่ใช้งานอีกครั้ง
- ปิดแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานอยู่ทั้งหมด
- ลบแอปพลิเคชันและข้อมูลที่ไม่ใช้งานออกจากอุปกรณ์
- เปลี่ยนไปใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สภาพสัญญาณดี
- ปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง (เช่น 3G, 4G, Wi-Fi เป็นต้น)
- ตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันอื่นสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตามปกติหรือไม่
- ปิดและเปิดไมโครโฟนและลำโพงอีกครั้ง
- ปรับระดับเสียง
- ตรวจสอบการตั้งค่า "ไมโครโฟน" ของอุปกรณ์

หน้านี้เป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่

ใช่ ไม่

การแจ้งเตือนสายเข้าหรือการโทรมีปัญหา toggle

การแจ้งเตือนสายเรียกเข้าและโทรออกของบริการโทรฟรีและวิดีโอคอลอาจแสดงผลไม่ถูกต้อง โดยมีสาเหตุจากสถานะของคลื่นสัญญาณที่คุณใช้งาน
ขอแนะนำให้คุณใช้งานในบริเวณที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร

นอกจากนี้ การตั้งค่าการแจ้งเตือนอย่างไม่ถูกต้องก็อาจเป็นสาเหตุได้เช่นกัน กรุณาตรวจสอบหน้าช่วยเหลือด้านล่างเพิ่มเติม

- วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนทั้งหมดใน LINE
- วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ใช้งาน

หน้านี้เป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่

ใช่ ไม่

ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS 14 หรือ 15 แล้วไม่ได้รับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า / หน้าจอสายเรียกเข้าไม่แสดง toggle

ปัญหาไม่ได้รับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า หรือหน้าจอสายเรียกเข้าไม่แสดงในระบบปฏิบัติการ iOS 14 และ 15 อาจมีสาเหตุมาจาก iOS หรือ CallKit
* CallKit คือฟังก์ชันที่รวมแอปพลิเคชันการโทรของ iPhone และฟังก์ชันการโทรบางส่วนของแอปพลิเคชัน LINE ไว้ด้วยกัน

กรุณาลองอัปเดตเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ iOS เมื่อมีการออกอัปเดต

นอกจากนี้ กรุณาลองดำเนินการตามรายการด้านล่างประกอบกันด้วย

วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น :
- เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" > "ตั้งค่า" (ไอคอนรูปเกียร์) > "โทร" > ปิดการตั้งค่า "ใช้ฟังก์ชันโทรร่วมกับ iPhone"
- อัปเดตแอปพลิเคชัน LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ปิดและเปิดอุปกรณ์อีกครั้ง
- ปิดแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานอยู่ทั้งหมด
- ลบแอปพลิเคชันและข้อมูลที่ไม่ใช้งานออกจากอุปกรณ์
- เปลี่ยนไปใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สัญญาณดี
- ปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง (เช่น 3G, 4G, 5G, Wi-Fi)

หน้านี้เป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่

ใช่ ไม่