ไอโฟนสามารถเพิ่มพื้นที่ได้ไหม

จริงอยู่ที่ iPhone มีขนาดความจุให้เลือกสูงสุดถึง 1TB แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อย เลือกรุ่นที่มีขนาดความจุเริ่มต้น เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็เสี่ยงที่ตัวเครื่องจะเต็มเร็ว เพราะ iPhone ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกได้ มาดูกันว่า วิธีการเพิ่มพื้นที่ให้กับ iPhone แบบที่ไม่ต้องล้างเครื่อง ไม่ต้องรีเซ็ต iPhone มีอะไรบ้าง

1. เคลียร์ Cache บน Safari

หลาย ๆ คนอาจจะไม่ได้สังเกตว่า ทุก ๆ ครั้งที่มีการเข้าใช้งานเบราว์เซอร์อย่าง Safari จะมีการเก็บข้อมูล Cache และบันทึกไว้ใน iPhone และยิ่งเวลาผ่านไป ข้อมูล Cache เหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พื้นที่จัดเก็บในเครื่องเต็ม ซึ่งวิธีการเพิ่มพื้นที่ iPhone ง่าย ๆ ก็คือ การเคลียร์ Cache บน Safari นั่นเอง ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Safari แล้วเลื่อนลงมาจนเจอคำว่า Clear History and Website Data

ทั้งนี้ หลังจากเคลียร์ Cache แล้ว การเข้าใช้งานเบราว์เซอร์ในครั้งต่อไป ผู้ใช้จะต้องกรอกข้อมูลใหม่ อย่างเช่น รหัสผ่าน, ที่อยู่ หรือข้อมูลอื่น ๆ

2. ตั้งค่าให้ลบข้อความอัตโนมัติ

แอปฯ Messages คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ iPhone เต็มเร็วแบบไม่รู้ตัว เพราะนอกเหนือจากข้อความแล้ว บางทีก็มีการส่งทั้งภาพและคลิปวิดีโอแนบมา วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ลบข้อความเก่า ๆ ออกไป ซึ่งสามารถลบเองแบบแมนนวล หรือตั้งค่าให้ลบอัตโนมัติ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Messages เลื่อนไปจนเจอหัวข้อ Keep Messages ให้เลือกว่า จะเก็บข้อความนี้ไว้ 30 วัน, 1 ปี หรือเก็บไว้ตลอดไป

3. ใช้ฟีเจอร์ Offload Apps

แอปฯ ที่ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว หลายคนเลือกที่จะลบแอปฯ ทิ้งไป จริงอยู่ที่วิธีนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่ให้กับ iPhone แต่ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ในแอปฯ ดังกล่าวก็จะถูกลบออกไปด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีอีกวิธีที่ผู้ใช้สามารถลบแอปฯ ออกไปได้ แต่ข้อมูลยังอยู่ กับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Offload Apps ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับแอปฯ เกมที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ แต่ไม่ค่อยได้เล่น

สำหรับการใช้งานฟีเจอร์ Offload Apps ให้เข้าไปที่ Settings > General > iPhone Storage แล้วเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการให้เปิดใช้ Offload Apps

4. ลบแอปฯ แล้วติดตั้งใหม่

การลบแอปฯ แล้วติดตั้งใหม่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการเพิ่มพื้นที่ให้กับ iPhone ซึ่งง่ายและเร็ว เหมาะกับแอปฯ ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการเก็บข้อมูลเดิมแล้ว

5. ลบเพลงที่ดาวน์โหลดเพื่อฟังแบบออฟไลน์ แทนการลบรูป

เพลงหรือคลิปวิดีโอที่ดาวน์โหลดมาไว้เพื่อฟังหรือดูแบบออฟไลน์ ไฟล์เหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในเครื่อง ซึ่งบางคนอาจจะลืมไปว่าเคยโหลดเอาไว้ หนังบางเรื่องก็ดูจบไปแล้ว หรือเพลงบางเพลงก็อาจจะเลิกฟังแล้ว ฉะนั้น ก่อนจะตัดสินใจลบรูปเพื่อเพิ่มพื้นที่ iPhone ให้เข้าไปดูไฟล์พวกนี้ก่อน เพราะเพลงเมื่อลบไปแล้วก็สามารถหาโหลดมาฟังใหม่ได้ แต่รูปลบไปแล้ว ไม่สามารถหาคืนได้

หากพื้นที่บน iPhone เต็ม จะมีวิธีบริหารจัดการพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง วันนี้ทีมงานมีคำแนะนำสำหรับการจัดสรรพื้นที่ iPhone มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย

7 วิธีง่าย ๆ ในการเคลียร์พื้นที่ iPhone เต็มยังไง ให้ได้เนื้อที่กลับมาใช้เพียบ!

เราสามารถเข้าไปเช็คพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone

วิธีที่ 1 ลปแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นออก

เราสามารถลบแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือไม่จำเป็นออกได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใน iPhone หากต้องการใช้งานก็ดาวน์โหลดกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งทำได้ด้วยการ แตะที่แอปค้างไว้ > เอาแอปออก > ลบแอป

วิธีที่ 2 จัดการแอปพลิเคชัน LINE

บางคนอาจไม่ทราบว่าแอปพลิเคชัน LINE เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พื้นที่ iPhone เต็ม โดยเฉพาะกลุ่มแชทที่จะมีการส่งรูปภาพและวิดีโอมาค่อนข้างเยอะ ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลของแอปพลิเคชัน LINE เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับวิธีการลบข้อมูลออกจาก LINE ทำได้โดยเข้าไปที่ หน้าหลัก > ตั้งค่า > แชท > ลบข้อมูล > แตะ “รูปภาพ” > ลบข้อมูลที่เลือก โดยเฉพาะรูปภาพจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลค่อนข้างเยอะ สามารถเก็บรูปภาพที่ต้องการไว้ในอัลบั้ม และทำการลบออกได้เลย ซึ่งจะทำให้ได้พื้นที่การใช้งานกลับคืนมา

วิธีที่ 3 เปิดฟีเจอร์ Offload หรือ เอาแอปที่ไม่ใช้ออก

หลักการทำงานของฟีเจอร์ Offload หรือเอาแอปไม่ใช้ออก หากแอปพลิเคชันไหนที่ไม่ได้ใช้งานนาน ๆ ตัวแอปพลิเคชันจะถูกลบออกไปโดยอัตโนมัติ แต่ข้อมูลต่าง ๆ ภายในแอปจะยังคงอยู่ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone > เปิดใช้งาน เมนู “เอาแอปที่ไม่ได้ใช้ออก”

สามารถทำ Offload ได้ด้วยตนเอง เลือกแอปพลิเคชัน > เลือก “เอาแอปที่ไม่ได้ใช้ออก” เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้แล้วจะเห็นเครื่องหมาย iClound เป็นลูกศรดาวน์โหลด หากต้องการติดตั้งแอปอีกครั้งก็แตะที่ “ติดตั้งแอปอีกครั้ง” ได้เลย

ถ้าไปดูที่หน้าจอหลักจะเห็นเครื่องหมาย iClound เป็นลูกศรดาวน์โหลด นั่นหมายความว่าแอปนี้ไม่ได้อยู่บนเครื่องเรา หากต้องการใช้งานก็แตะที่ไอคอน แล้วตัวแอปก็จะทำการดาวน์โหลดอีกครั้ง หากเราทำลักษณะนี้กับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเหล่านั้นกลับคืนมา

วิธีที่ 4 ลบไฟล์แนบ

เรายังอยู่ในหมวดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone > เลือก “ตรวจดูไฟล์แนบขนาดใหญ่” จะเห็นข้อมูลต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามา จากนั้นก็ตรวจสอบไฟล์ที่มีขนาดใหญ่แล้วทำการลบไฟล์เหล่านั้นได้เลย โดยทำการสไลด์ไฟล์ที่เลือก > แตะ “ลบ” เพียงเท่านี้ไฟล์ต่าง ๆ ที่ถูกส่งมาใน iMessage ก็จะถูกลบออกจากตัวเครื่องทันที

วิธีที่ 5 สำรองรูปภาพใน Google Photos

เมื่อเราสำรองรูปภาพต่าง ๆ ไว้ใน Google Photos เรียบรอยแล้ว ก็สามารถลบรูปภาพที่อยู่ในเครื่องได้เลยซึ่งจะได้พื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมา รูปที่ถูกลบคือรูปที่อยู่บนเครื่อง แต่รูปที่อยู่บน Google Photos จะยังคงอยู่ สามารถเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Google Photos แล้วดาวน์โหลดรูปเหล่านั้นลงมาได้ สามารถดาวน์โหลด Google Photos มาใช้งานได้ฟรีทั้ง iOS และ Android

โดยเข้าไปที่แอป Google Photos > คลังภาพ > ไอคอนผู้ใช้ > การตั้งค่า Google Photos > จัดการพื้นข้อมูลอุปกรณ์ > เพิ่มพื้นที่ว่าง > แตะ “ลบ”

จากนั้นให้ไปที่แอป Photos บนเครื่อง > เลือก “อัลบั้ม” > แตะ “ที่เพิ่งลบล่าสุด” > ลบรูปทั้งหมด

วิธีที่ 6 ลบไฟล์ที่เพิ่งถูกลบล่าสุดใน แอป “ไฟล์”

เมื่อเราโหลดไฟล์เอกสาร, ไฟล์ PDF หรือไฟล์ Powerpiont ลงเครื่องแล้ว ไฟล์เหล่านั้นจะถูกจัดเก็บไว้ในแอป “ไฟล์” หากเราลบไฟล์ออก ไฟล์นี้จะไม่ถูกลบออกจากเครื่องในทันที จะต้องเข้าไปเคลียร์ในถังขยะก่อน โดยไปที่ เลือกหา > ที่เพิ่งลบล่าสุด > แตะค้างที่ไฟล์ > เลือก “ลบในตอนนี้” เพียงเท่านี้ก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลคืนมาแล้ว

วิธีที่ 7 ซื้อเครื่องใหม่

หากทำตามวิธีที่ 1 ถึงวิธีที่ 6 แล้วยังจัดการปัญหาพื้นที่ iPhone เต็มไม่ได้แล้วต้องการประสิทธิภาพหรือพื้นที่ในการใช้งานเพิ่มขึ้น ทีมงานแนะนำทางออกที่ดีที่สุดนั่นก็คือการซื้อเครื่องรุ่นใหม่ ถ้ารู้ว่าใช้งานเยอะควรซื้อ iPhone ความจุ 256 GB ขึ้นไป หากใช้งานพื้นฐานทั่วไปความจุ 64 GB หรือ 128 GB ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและกำลังซื้อของผู้ใช้

เพิ่มพื้นที่ไอโฟนทำยังไง

เพิ่มความจุไอแพดได้ไหม