“จีนมีความสัมพันธ์กับเมืองไทยมาช้านานไม่ยิ่งหย่อนกว่าทางอินเดีย… ขณะที่ประชาชนในประเทศไทยสัมพันธ์กับอินเดียในทางวัฒนธรรมนั้น ก็มีความสัมพันธ์กับจีนในทางสังคมและเศรษฐกิจ คนจีนเข้ามาค้าขายในดินแดนนี้มาแต่ต้นคริสตกาล การจดบันทึกของชาวจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังลงมาทำให้เราทราบถึงบ้านเมือง แว่นแคว้น การปกครอง ศาสนา และขนบธรรมเนียมของคนในประเทศไทยดีกว่าเอกสารหรือหลักฐานในด้านอื่นๆ" Show ในบทความเรื่อง “จีนในไทย” โดย อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ได้นำเสนอมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน จากการศึกษาด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ทั้งที่ปรากฏในนิทาน ตำนาน พงศาวดาร ตลอดจนหลักฐานจากการสำรวจและขุดค้น ความสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับดินแดนไทยนั้น เริ่มเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนปลายสมัยราชวงศ์ซ้อง ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ลงมา อันเป็นช่วงเวลาที่จีนขยายกิจการค้าขาย แต่งเรือสำเภาเดินทางมายังบ้านเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการตั้งหลักแหล่งการค้าตามเมืองต่างๆ รวมทั้งได้แต่งงานปะปนกับคนพื้นเมืองด้วย ชายชาวจีนและหญิงพื้นเมืองในภาพจิตรกรรมฝาผนังอุโบสถ วัดตะปอนน้อย จังหวัดจันทบุรี จากตำนาน พงศาวดาร และนิทานท้องถิ่นหลายเรื่อง พบว่ามีการกล่าวถึงการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในดินแดนไทยมาตั้งแต่ก่อนสมัยการสร้างกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะการแต่งงานระหว่างชาวจีนกับกลุ่มชนชั้นปกครอง ซึ่งเป็นคนพื้นเมือง ดังเช่น ตำนานพระเจ้าสายน้ำผึ้ง-พระนางสร้อยดอกหมาก นอกจากนี้ยังมีนิทานพื้นบ้านอีกหลายเรื่อง ที่กล่าวถึงพระราชโอรสหรือพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีนที่เข้ามาแต่งงานกับเชื้อสายของกษัตริย์พื้นเมือง ตำนานพระเจ้าอู่ทอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทย ใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวันวลิต ได้กล่าวถึงพระโอรสของกษัตริย์ในดินแดนจีนองค์หนึ่ง ได้ถูกเนรเทศออกจากบ้านเมือง จึงเสด็จโดยกองเรือสำเภามาตั้งบ้านเมืองในดินแดนไทยหลายแห่ง แม้เป็นเพียงตำนาน แต่ก็แสดงถึงการคลี่คลายทางสังคม การขยายตัวของบ้านเมืองและรัฐในดินแดนไทย ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ลงมา อันเนื่องมาจากการติดต่อทางการค้ากับจีน ตลับดินเผาทรงกลม เคลือบขาว อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส สงขลา ทางด้านหลักฐานทางโบราณคดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ลงมา พบสินค้าประเภทเครื่องถ้วยชามสมัยราชวงศ์ซ้องแพร่หลายอยู่แทบทุกภาคของประเทศไทย และยังเป็นไปได้ว่ามีการถ่ายทอดอิทธิพลในด้านรูปแบบและเทคนิควิธีการมาจากเครื่องปั้นดินเผาจีนสมัยราชวงศ์ซ้อง เช่น แหล่งเตาเครื่องปั้นดินเผาที่พบในเขตอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งพบเครื่องปั้นดินเผาชนิดเคลือบและไม่เคลือบจำนวนมาก เป็นไปได้ว่าได้รับอิทธิพลมาจากเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ซ้อง ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ได้เกิดแหล่งเครื่องปั้นดินเผาขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น สุโขทัย ศรีสัชนาลัย สันกำแพง เมืองพาน เวียงกาหลง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลวดลายปูนปั้นและภาพจิตรกรรมประดับศาสนสถานที่ได้รับอิทธิพลจีน เช่น ลวดลายเครือเถา ใบไม้ ดอกไม้ ภูเขา เป็นต้น สิงโตศิลาจีน เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส สงขลา ส่วนสินค้าที่มาจากจีนจะได้รับการยกย่องว่าเป็นของมีค่าและเป็นเครื่องแสดงฐานะ ดังจะเห็นได้จากความนิยมนำเครื่องสังคโลกของจีนมาใช้เป็นผอบบรรจุอัฐิก่อนนำไปไว้ภายในพระสถูปเจดีย์ และการสั่งซื้อ-สั่งทำเครื่องปั้นดินเผาจากจีน เช่น เครื่องลายคราม เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องลายน้ำทอง เป็นต้น ตุ๊กตาศิลาจีน สลักเป็นรูปบุคคล ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ ส่วนบทบาทของชาวจีนในสมัยอยุธยานั้น นอกจากเป็นพ่อค้าวานิชแล้ว บางคนยังเข้ารับราชการเป็นขุนนาง หรือเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ งานช่าง ตลอดจนอาชีพทางการเกษตรกรรม เช่น ทำสวน ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด เลี้ยงหมู ตลอดจนรับจ้างเป็นกรรมกรในกิจการต่างๆ ด้วย ซึ่งบทบาททางสังคมของชาวจีนดังที่กล่าวมานี้ คงสืบเนื่องมาถึงยุคสมัยต่อมาคือ กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ และถูกหลอมรวมผสมผสานจนเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทยจวบจนปัจจุบัน อ่านบทความเรื่อง “จีนในไทย” โดย อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ใน วารสารเมืองโบราณ ปีที่ 5 ฉบับที่ 6 (สิงหาคม-กันยายน 2522) หน้า 39-43 ฉบับเต็มใน “10 ปีแรก วารสารเมืองโบราณ” คลิก https://issuu.com/muangboranjournal/docs/0506-2522/40 ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่า อารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือการสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อ ประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไปในบางครั้งก็ถูกปกครอง โดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ
ในทวีปเอเชีย ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพการค้าและการยึดครอง อิทธิพลของอารยธรรมจีนที่มีต่อไทยมีอะไรบ้างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดินแดนไทยได้รับ อารยธรรมจีนมานานแล้ว โดยผ่านทางการค้า การเผยแผ่ ศาสนา การศึกษา อิทธิพลของอารยธรรมจีนที่มีต่อโลก และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประการ ดังนี้ - ด้านศาสนาและความเชื่อ - ด้านอาหาร - ด้านภาษา - ด้านอักษรศิลปวิทยากร - ด้านการแต่งกาย - ด้านวิถีชีวิต ด้านศาสนาและความเชื่อ
อารยธรรมจีนเข้ามาในไทยได้อย่างไรชาวจีนรุ่นแรกๆ ที่อพยพเข้ามาในไทยจะเข้ามากับเรือสินค้า และส่วนมากเป็นชาวจีนที่อาศัยทำกินอยู่ในดินแดนทางใต้แถบชายทะเลมาก่อน ต่อมาเมืองกวางโจวมีเมืองท่าใหม่แถบชายทะเลทางใต้ยิ่งทำให้ดินแดนทางใต้มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีก เช่น เมืองท่าจางหลิน ที่ซัวเถาของเมืองแต้จิ๋ว จึงทำให้ชาวจีนกลุ่มภาษาต่างๆ อพยพออกนอกประเทศมากขึ้น (เกาะ ...
อารยธรรมที่โดดเด่นของชาวจีนมีอะไรบ้างประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่า อารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือการสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อ ประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักร ...
อิทธิพลวัฒนธรรมจีนเข้ามาตั้งแต่สมัยใดวัฒนธรรมจีนได้เข้ามาผสมผสานอยู่ใน สังคมไทยมาอย่างยาวนาน จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ พบว่ามีร่องรอยการติดต่อ สัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนมาตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ฮั่น (汉朝) หลักฐานเอกสารทาง ประวัติศาสตร์ที่ส าคัญของจีน ได้แก่ “ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นฉบับหลวง” (汉书) แต่งโดย ปันกู้ (班固) เป็นบันทึก ประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่น ...
|