คดีแพ่ง สมัคร ใจ ทะเลาะ วิวาท

มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควร แก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้น ไม่มีความผิด

มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 8347/2554 ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีเรื่องทะเลาะโต้เถียงกับจำเลยซึ่งนั่งดื่มสุราอยู่ที่ร้านใกล้ที่เกิดเหตุ จึงเชื่อว่าเป็นสาเหตุให้จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายเป็นอย่างมาก ในวันเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายออกจากร้านไปแล้ว ผู้เสียหายร้องตะโกนท้าทายจำเลยให้ออกไป จะฟังให้คอขาด จำเลยจึงรีบวิ่งไปหาผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กับผู้เสียหาย และเป็นการกระทำที่จำเลยเข้าสู้ภัยทั้งที่ยังไม่มีภยันตรายมาถึงตน จึงเป็นการกระทำโดยที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ แม้ผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลยก่อน ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่จำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจวิวาทกัน ดังนั้น จำเลยจึงไม่อาจที่จะอ้างสิทธิป้องกันได้ตามกฎหมาย และแม้จำเลยมีความไม่พอใจผู้เสียหายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อจำเลยสมัครใจที่จะไปต่อสู้กับผู้เสียหายเองก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงไม่อาจอ้างเหตุบันดาลโทสะได้เช่นเดียวกัน การกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายมาตรา 68 และไม่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะมาตรา 72

สรุป

จำเลยไม่อาจอ้างป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อยกเว้นความผิด หรืออ้างเหตุบันดาลโทสะเพื่อให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

           การกระทำของโจทก์ร่วมเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทจึงไม่ใช่ผู้เสียโดยนิตินัยและไม่มีอำนาจขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ในส่วนของการเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งไม่ได้คำนึงว่าจะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยหรือไม่

คดีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ และถกเถียงกันในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก คือ มือมีดจะสามารถอ้างเหตุป้องกันตัว เพื่อให้พ้นผิดจากคดีอาญาได้หรือไม่

หากพิจารณาจากคลิปวิดีโอตามข่าว จะพบว่าฝ่ายมือมีดวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับมีด และมีคำพูดประมาณว่า “มาดิวัยรุ่น” และมีอีกหลายคลิปที่เผยแพร่อยู่ในโลกโซเชียล เช่น คลิปวิดีโอที่ฝ่ายวัยรุ่น 1 ใน 6 คนก้มกราบ มือมีด หรือคลิปวิดีโอที่มือมีดถูกชายทั้งหกคนรุมตี และอีกหลายคลิป ทั้งจากโทรศัพท์มือถือและกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ

จากข้อเท็จจริง การวิ่งออกจากบ้านไป เพื่อต่อสู้กับอีกฝ่าย กรณีนี้ถือได้ว่า เป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท หากจะอ้างป้องกันตัว น่าจะฟังไม่ขึ้น แต่ถ้าจะอ้างเรื่องบันดาลโทสะ ก็น่าจะเป็นไปได้ครับ เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นทั้งหกคน ตะโกนด่า ท้าทาย โยนสิ่งของเข้าบ้าน และยังถูกโดนรุมตี 6 ต่อ 1 ผู้ที่ถูกกระทำเช่นนั้น ก็ย่อมต้องโกรธเป็นธรรมดา ดังนั้น จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ศาลจะพิจารณาพิพากษาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด

มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

คดีแพ่ง สมัคร ใจ ทะเลาะ วิวาท

การที่จะอ้างป้องกันตัวได้ ผู้กระทำความผิดจะต้องไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หรือสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาท

เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกา 474/2516 จำเลยโกรธผู้เสียหาย ถือปืนไปท้ายิงผู้เสียหายที่เรือนผู้เสียหาย ผู้เสียหายเดินถือเสียมลงจากเรือนมาหาจำเลยในลักษณะที่จะต่อสู้กับจำเลย ต่อจากนั้นจำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายเช่นนี้ เป็นเรื่องสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้

มีคำพิพากษาตัวอย่างให้ศึกษาครับ คดีนี้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยไปด่าแม่จำเลย ด้วยถ้อยคำรุนแรงและพูดท้าทายจำเลยเป็นทำนองให้ไปต่อสู้กัน ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะ

เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5232/2556

เมื่อโจทก์ร่วมเป็นฝ่ายก่อเหตุโดยด่าว่ามารดาจำเลยด้วยถ้อยคำรุนแรงและพูดท้าทายจำเลยเป็นทำนองให้ไปต่อสู้กันในที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพราะถูกโจทก์ร่วมข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม อันเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ดังนี้ โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำความผิด และไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยสำหรับความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) ม. ผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ร่วมย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนโจทก์ร่วมได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5 (2) และไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการกับยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 30 และ มาตรา 44/1

สุดท้ายอยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนมาพิจารณาพิพากษาว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ หากเป็นความผิดจริง ศาลจะลงโทษสถานใด แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ จะได้รับความเมตตาจากศาล ด้วยการลงโทษสถานเบาครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” [email protected] ได้เลยครับ