จดทะเบียนบริษัท ทุนเท่าไหร่ดี Show ตอบ ทุนจดทะเบียนอย่าเกิน 5 ล้านบาท เพราะ ถ้าทุนจดทะเบียนมากกว่า 5 ล้านบาท บริษัทที่จดทะเบียนนั้นจะเสียภาษีในอัตรร้อยละ 20% ของกำไรสุทธิทั้งจำนวน ส่วนบริษัทที่จดทะเบียนต่ำกว่า 5 ล้านบาทและรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี จะเสียภาษีจากกำไรสุทธิที่ 300,000 บาทแรกยกเว้นภาษี และ 300,000 - 3,000,000 บาทก็ยังคงเสียภาษีแค่ 15% ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่ถูกกว่าทุนจดทะเบียนที่มากกว่า 5 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำน้อยกว่า 1 ล้านบาท ตอบ คือค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์มีอัตราขั้นต่ำซึ่งอัตราขั้นต่ำนั้นถูกกำหนดไว้สำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาทพอดี คือ หากคุณจดทะเบียนทุนต่ำกว่า 1 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมที่เสีย จะเสียเท่ากับคนที่จดทะเบียน 1 ล้านบาท และอีกเหตุผลหนึ่งคือ กรณีอนาคตบริษัทเจริญเติบโต ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน บริษัทจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเพิ่มทุนอีกรอบ เช่นจดไว้ 200,000 บาท แต่อยากปรับเป็น 1 ล้านบาท บริษัทต้องเสียภาธรรมเนียมของส่วนทุนที่เพิ่มขึ้นอีกรอบหนึ่ง เรียกชำระค่าหุ้นตามเงินลงทุนที่แท้จริง ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำไม่ควรน้อยกว่า 1 ล้านบาท เหตุผลคือ ประหยัดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน บริษัทที่จดทะเบียน 1 ล้านบาทมักแจ้งว่าเรียกชำระค่าหุ้นแล้ว 1 ล้านบาทเท่ากัน (จดทะเบียน 1 ล้านและเรียกชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว) (สิ่งที่กฏหมายให้ทำได้คือ บริษัทสามารถเรียกชำระค่าหุ้นเพียง 25% ของทุนจดทะเบียนก็ได้) เมื่อเรียกชำระค่าหุ้นไม่ตรงกับเงินลงทุนที่แท้จริง ผลที่ตามมาคือ ตัวอย่างจากข้อมูลข้างต้น เมื่อบริษัทไม่ได้มีเงินสดถือไว้ 1 ล้านบาทตามที่จดแจ้งไปทำให้เวลาผู้ตรวจสอบบัญชีมาตรวจสอบ ลูกค้าส่วนใหญ่จึงตอบว่า "เงินสดอยู่กับกรรมการ" จึงทำให้มีการบันทึกบัญชีเงินสด ดังกล่าวไว้ในบัญชีเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ เพื่อให้งบการเงินสะท้อนความเป็นจริงต่อไป ในด้านภาษีสิ่งที่ตามมาคือ เมื่อบริษัทเอาเงินของบริษัทไปให้กู้ยืม (เกิดลูกหนี้เงินกู้ยืมกรรมการ) กรมสรรพากรสามารถประเมินรายได้ดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินกู้ยืมตรงนั้นได้ (เสียภาษีนิติบุคคลเพิ่ม) และภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 3.3% ของรายได้ดอกเบี้ยดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยส่งผลให้บริษัท เสียภาษีจากตรงนั้นโดยไม่จำเป็น การคิดเงินเพิ่ม / เบี้ยปรับ ในการยื่น ภงด. และ ภพ.30 การคิดเงินเพิ่มกรณียื่น ภ.ง.ด. กรณียื่นเพิ่มเติม กรณียื่นปกติ (เกินกำหนดเวลา) การคิดเบี้ยปรับ เงินเพิ่มในการยื่น ภ.พ. 30 กรณียื่นปกติ (เกินกำหนดเวลา) (ยื่นเพิ่มเติมแต่ยื่นปกติครั้งแรกเกินกำหนดเวลา) กรณียื่นเพิ่มเติม (ยื่นปกติครั้งแรกภายในกำหนดเวลา) ปิดงบการเงิน ได้รู้อะไรเมื่อสิ้นรอบบัญชี ตอบ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ เจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว โดยทั่วไปกระบวนการทำธุรกิจประกอบด้วย การซื้อสินค้า การขายสินค้าหรือการให้บริการ และการรับจ่ายเงิน ทำให้บัญชีที่แทบทุกธุรกิจจะต้องมีเหมือนๆ กันคือ บัญชี 5 ประเภท (หรือในทางบัญชีเรียกว่า สมุดบัญชี 5 เล่ม) ได้แก่ ซื้อ ขาย จ่าย รับ และทั่วไป แต่ละบัญชีจะมีหลักฐานทางการเงิน ซึ่งนักบัญชีหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานของบัญชีแต่ละประเภทเหล่านี้มาแยกรายได้ ค่าใช้จ่าย แบบภาษีต่างๆ ที่เสียไป มาทำบัญชีด้วยตัวเอง แต่ถ้าเจ้าของธุรกิจยังไม่มีนักบัญชี ก็จ้างสำนักงานบัญชีทำ โดยนำเอกสารทุกประเภทที่มีมาลงบัญชีได้เลย โดยมีการบันทึกข้อมูลจากเอกสารลงในแต่ละบัญชีแยกประเภท ถ้าเจ้าของธุรกิจจัดการเอกสารทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอและเป็นระบบ จะทำให้ได้ข้อมูลทางการเงินที่ทันต่อการตัดสินใจ และส่งผลให้การจัดทำงบการเงินตอนสิ้นปีเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว บริษัท กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต่างกันอย่างไร บริษัทจำกัด บริษัท แบ่งเป็น 2 ประเภท 2.1 บริษัทจำกัด คือ คนเข้าร่วมหุ้นทำธุรกิจ และ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด ต่อกระทรวงพาณิชย์ ตามขั้นตอนและวิธีการตามกฎหมาย ซึ่งมีระเบียบที่มากกว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดเป็นนิติบุคคล แยกตัวจากผู้เป็นหุ้นส่วน ( ผู้ก่อการ / ผู้ถือหุ้น ) เช่นกัน มีรูปแบบวิธีการจัดการบริษัทอย่างรัดกุมเป็นระเบียบ
ตามที่กฎหมายกำหนด มีการประชุมผู้ถือหุ้น , มีการจัดตั้งคณะกรรมการให้เป็นผู้บริหารจัดการกิจการของบริษัท , หุ้นสามารถโอนให้แก่กัน หรือ โอนให้แก่บุคคลภายนอกได้ , ฯลฯ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วน แบ่งเป็น 3 ประเภท 1.1 ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
เมื่อมีผลกำไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจะนำกำไรมาแบ่งปันกันตามส่วน เมื่อมีหนี้สิน ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ต้องร่วมกันรับผิดต่อเจ้าหนี้อย่างไม่จำกัดจำนวน (ตามหนี้ที่เกิดขึ้นจริง) และ เมื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้ว ระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันมีสิทธิมาไล่เบี้ยกันเองเพื่อให้เป็นไปตามส่วน 1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล คือ คนเข้าร่วมหุ้นทำธุรกิจ และ จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ต่อกระทรวงพาณิชย์ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งแยกตัวออกมาเป็นบุคคลใหม่จากคนที่เข้าร่วมทุน โดย ผู้เป็นหุ้นส่วนจะเข้าบริหารจัดการ ดำเนินการ และเมื่อมีกำไรจะนำมาแบ่งให้ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนตามส่วน ข้อมูลที่จะทะเบียนนิติบุคคลต่อกระทวงพาณิชย์ ถือเป็นข้อมูลที่ประชาชนทราบได้ และ มีความชัดเจนต่อสาธารณชนว่าใครเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้น เมื่อมีผลกำไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจะนำกำไรมาแบ่งปันกันตามส่วน ตามกำหนด เมื่อมีหนี้สิน ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ต้องร่วมกันรับผิดต่อเจ้าหนี้อย่างไม่จำกัดจำนวน (ตามหนี้ที่เกิดขึ้นจริง) และ เมื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้ว ระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันมีสิทธิมาไล่เบี้ยกันเองเพื่อให้เป็นไปตามส่วน 1.3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด
คนเข้าร่วมหุ้นทำธุรกิจ และ จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ต่อกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นนิติบุคคล แยกตัวจากผู้เป็นหุ้นส่วนเช่นกัน แต่ หุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด มี 2 ประเภท คือ หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด กับหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ( ต้องมีอยู่ทั้งสองจำพวก ไม่ใช่มีเพียงจำพวกเดียว ) ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัทกี่บาท"ตามกฎกระทรวงฯ นี้ การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดจะมีอัตราค่าธรรมเนียมเพียง 5,500 บาท จากเดิมที่จะมีอัตราระหว่าง 5,000 - 275,000 บาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีอัตราค่าธรรมเนียมเพียง 1,000 บาท จากเดิมจะมีอัตราค่าธรรมเนียมระหว่าง 1,000 - 5,000 บาท หรือการเปลี่ยนแปลง/การเพิ่มทุนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดมีอัตราค่าธรรมเนียม ...
ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนที่มีทุนกำหนดไว้ 1,000,000 บาท คือข้อใด1.1 ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,000,000 บาท 1,000.- 1.2. ทุนจดทะเบียนทุก 1,000,000 บาท ที่กําหนดไว้ 1,000.- (เศษของ 1,000,000 บาท ให้คิดเป็น 1,000,000 บาท) 1.3 ทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 50,000,000 บาท ขึ้นไป 50,000.- 2.
ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนพานิชย์มีอัตราค่าธรรมเนียมเท่าไรการขอดำเนินการตาม พ.ร.บ. ทะเบียนพาณิชย์ฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประเภทของการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1 จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งใหม่ 50 บาท 2 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ครั้งละ 20 บาท 3 จดทะเบียนเลิกประกอบพาณิชยกิจ 20 บาท
เปิดหจก.ใช้เงินกี่บาทในการจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้น สามารถ กำหนดว่า ทุนจะทะเบียน 1,000,000 บาท แต่มีการลงหุ้นกันเพียง 200,000 บาท ได้หรือไม่ ผมเข้าใจว่า จำนวนหุ้นที่ลงทั้งหมด 200,000 บาท ทุนจดทะเบียนก็จะเท่ากับ 200,000 บาท
|