ท้องเสีย ปวดบิด กินอะไรได้บ้าง

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าหากมี  “อาการท้องเสีย” หรือ  “อาหารเป็นพิษ” สามารถซื้อยากินเองโดยไม่มีอันตรายใดๆ เบื้องต้นอาการดังกล่าวสามารถหายได้เองซึ่งเราสามารถเพิ่มน้ำให้กับร่างกายด้วยการดื่มเกลือแร่ หากมีอาหารถ่ายเป็นมูกเหลวหรือมีเลือดปนควรใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของเภสัชกรหรือแพทย์

เมื่อพูดถึงอาการท้องเสีย ท้องร่วง เรามักพบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่จะเป็นวัยเด็กทารก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ จนถึงวัยผู้สูงอายุ ซึ่งอาการท้องเสียเกิดจากการกินอาหารไม่ปรุงสุก และปนเปื้อนแบคทีเรียต่างๆ หากทานเข้าไปแล้วจะมีอาการท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว คลื่นไส้ บางรายก็ปวดท้องจนเป็นไข้ขึ้นสูงเลย แล้วแบบนี้เวลาท้องเสียต้องทําไงล่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะ วันนี้เพนกวินได้รวมวิธีแก้โรคท้องเสียไว้ให้แล้ว มาอ่านกันเลย!!

อาการท้องร่วงท้องเสีย

ท้องเสีย คืออะไร? มีอาการอย่างไรบ้าง

โรคท้องเสีย (Diarrhea) หรืออาการท้องเสีย คือ อาการที่ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ซึ่งจำนวนครั้งที่ถ่ายบ่อยขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน บางคนอาจจะถ่ายเหลวเป็นมูกปนเลือด หรือบางรายก็อาจมีอาการอื่นแทรกซ้อนด้วย ได้แก่ ปวดท้องบิด ท้องอืด อาหารเป็นพิษ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เป็นต้น  ถึงแม้โรคท้องร่วงท้องเสียจะไม่น่ากลัวเหมือนโรคร้ายแรงอื่นๆ แต่ถ้าร่างกายขาดน้ำจนเกินไปก็อาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นเราควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบว่าตัวเองมีอาการท้องเสียบ่อย ดังนี้

  • มีอาการท้องเสีย มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • ท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว
  • ขับถ่ายพบเหยื่อมูกหรือเลือดปน
  • อาการท้องเสีย คลื่นไส้
  • แน่นท้อง ปวดท้องบิด
  • คอแห้งหิวน้ำบ่อย
  • หน้ามืด อ่อนเพลีย 
  • เป็นไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส

อาการท้องร่วงท้องเสีย

อาการท้องเสียเกิดจากอะไรบ้าง?

เนื่องจากอาการท้องเสียเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสต่างๆ เวลาทานเข้าไปแล้วสารอาหารจะไม่ดูดซึม และถูกขับออกมาเป็นอุจจาระเหลว โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง ท้องเสียจะเเบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้

เกิดมาจากสารพิษ Enterotoxin แบคทีเรียที่ปนเปื้อนอาหาร และจะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อทิ้งอาหารไว้นานๆ ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับสารชนิดเข้าสู่ร่างกายจะมีอาหารท้องร่วง ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษภายใน 1-6 ชั่วโมง บางรายก็จะมีอาการเป็นไข้ และถ้ารุนแรงหนักอาจถึงขั้นช็อกได้

  • ท้องเสียที่ถ่ายเป็นมูกเลือด

เกิดจากเชื้อ Shigella, Enteroinvasive E.coli, Entamoeba histolytica และ Salmonella เข้าไปในบริเวณเยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบได้ง่าย หรือผู้ป่วยบางรายจะมีอาการไข้ขึ้นสูง และถ่ายมูกเป็นเลือด เมื่อร่างกายของผู้ป่วยติดเชื้อและเกิดอาการขาดน้ำอย่างหนัก ก็ส่งผลให้เสียชีวิตตามมาได้เช่นกัน

ทั้งนี้อาการท้องเสียอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ แทรกซ้อน เช่น อาการวิตกกังวล การดื่มเเอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป การแพ้สารอาหาร เป็นต้น ท้องเสียบ่อยส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ  เลยทำให้รู้สึกคอแห้งตลอดเวลา รวมถึงเกิดภาวะแทรกซ้อนไตวายฉับพลันด้วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอ เด็ก และผู้สูงอายุ

อาการท้องร่วงท้องเสีย

วิธีแก้ท้องเสีย สามารถทำได้ตามนี้

หากสังเกตอาการท้องเสียใกล้เคียงดังกล่าว สิ่งสำคัญเลยคือ เราต้องรักษาร่างกายไม่ให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำหรือเกิดอาการช็อค โดยมีวิธีแก้โรคท้องเสียเบื้องต้น ตามนี้

1. ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ

สำหรับวิธีแก้ท้องเสียอย่างแรก เราจะต้อง ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป  เพื่อป้องกันอาการกระหายน้ำ ตาแห้ง อ่อนเพลีย และวิงเวียนศีรษะตามมา

2. กินยาแก้ท้องเสีย

ถ้าคุณยังมีอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำบ่อยๆ ก็สามารถกินยาแก้ท้องเสียได้ด้วย เช่น ยาผงถ่านแก้ท้องเสีย หรือยาคาร์บอน  ถึงแม้จะไม่ใช่ยาที่ทำให้หยุดถ่ายเลย แต่ยาคาร์บอนจะช่วยดูดซับสารเคมี และเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ออกมาผ่านอุจจาระ อีกทั้งยังช่วยแก้ปวดท้องอีกด้วยนะ (ทั้งนี้เราควรเลือกกินยาแก้ท้องเสียให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์)

3. ดื่มน้ำผสมกับผงเกลือแร่

เวลาที่เราถ่ายเหลวมากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายของเราสูญเสียน้ำ แนะนำให้ลองใช้ผงเกลือแร่ผสมกับน้ำเปล่าสะอาด เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปได้

4. กินอาหารปรุงสุกและย่อยง่าย

การกินอาหารปรุงสุก และสะอาดก็สำคัญเช่นกัน รวมถึงการเลือกอาหารสำหรับคนท้องเสียที่ดูดซึมได้ง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย  อย่างเช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป เป็นต้น จะช่วยทำให้ลำไส้ไม่ทำงานหนักด้วยนะ

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อเกิดอาการท้องเสียบ่อยๆ ก็อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่าย ดังนั้น เราก็ควรนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป

6. พบแพทย์เช็กอาการ

ในกรณีพบว่ามีอาการท้องเสียเป็นน้ำเหม็นคาว ร่างกายอ่อนเพลีย หายใจไม่ออก เป็นไข้ หรือเลือดปนออกมาด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

อาการท้องร่วงท้องเสีย

ท้องเสียไม่ควรทานอะไรบ้าง?

หลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว เราต้องเลี่ยงทานอาหารที่ไม่เหมาะสำหรับคนท้องเสีย เพื่อป้องกันโรคท้องเสีย โรคท้องร่วง หรือภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ได้แก่

  • เครื่องดื่มแอลกฮอล์
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ รวมถึงน้ำอัดลม โซดา
  • อาการสุกๆ ดิบๆ
  • อาหารที่ปรุงทิ้งไว้นาน
  • อาหารที่มีไขมันสูง เช่น แกงกะทิ น้ำมันจากเนื้อสัตว์ เนย
  • อาหารที่มีรสจัด เช่น ส้มตำ ต้มยำ ผัดเผ็ด เป็นต้น
  • ผักในตระกูลผักกาด ได้แก่ ผักกะหล่ำ ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี
  • ผักหรือผลไม้ดอง 
  • อาหารทะเลไม่สะอาด
  • อาหารที่มีกลูเตน ได้แก่ แป้งสาลี ข้าวไรน์ และข้าวบาร์เลย์
  • ถั่ว
  • นม
  • ไอศกรีม

อาการท้องร่วงท้องเสีย

โดยเราจะต้องเลือกทานอาหารสำหรับคนท้องเสีย อย่างเช่น โจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด เป็นต้น เพราะจะทำให้ระบบลำไส้อาหารทำงานได้ดี รวมถึงดูแลสุขภาพตัวเอง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อความสะอาดกันด้วยนะ

ยิ่งเข้าสู่ช่วงหน้าร้อน อาหารก็บูดได้ง่าย! ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้เร็วขึ้น จึงต้องคอยดูแลอาหารการกิน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในปัจจุบันนี้ เราไม่ควรทานอาหารสุกๆ ดิบๆ หากเผลอรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนแหล่งเชื้อโรค นอกจากทำให้เกิดโรคท้องร่วง โรคท้องเสียแล้ว ยังส่งผลให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาด้วย เพราะฉะนั้นเราหันมาดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ กันดีกว่า

ทำไมท้องเสียถึงปวดบิด

โรคบิด (Dysentery) คืออาการท้องเสียอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา (Shigella) หรือเกิดจากติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวอย่างตัวอะมีบา (E. histolytica) โดยอาการหลัก ๆ ของโรคบิดที่พบได้แก่ อาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อย เมื่อถ่ายอุจจาระจะมีมูกหรือมูกเลือดออกมาด้วย และปวดท้องเป็นพักๆ

กินอะไรให้หายท้องบิด

ควรทานเกลือแร่(Oral Rehydration Salt/ORS) เพื่อชดเชยปริมาณน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป ทานอาหารย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม งดการดื่มนม/ผลิตภัณฑ์จากนม หรืออาหารกากไยอื่น ๆ และการทานยาบรรเทาอาการเช่น ยาแก้คลื่นไส้(เช่น Domperidone) ยาคลายการบีบตัวของลำไส้/ยาแก้ปวดท้อง(เช่น Buscopan หรือ Loperamide) หรือพาราเซตามอลลดไข้ ...

ทำยังไงให้หายปวดท้องบิด

การดูแลตัวเองเบื้องต้น ดื่มน้ำผสมเกลือแร่มากๆ รับประทานยาในกลุ่ม buscopam เพื่อลดอาการปวดบิดท้องได้ รับประทานยาลดไข้ รับประทานอาหารสุกสะอาดและอ่อนๆ ถ้าเป็นอาหารเป็นพิษ อาการมักค่อยๆดีขึ้นใน 3-5 วัน หากยังท้องเสียและปวดท้องเรื้อรัง ร่วมกับมีไข้สูง กินได้น้อย จนรู้สึกเพลียจากการขาดน้ำ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ

คนท้องเสียห้ามกินอะไรบ้าง

ท้องเสียต้องจิบ เกลือแร่แก้ท้องเสีย ORS ห้าม! จิบเกลือแร่สำหรับนักกีฬา ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ และรับประทานยาแก้คลื่นไส้ งดอาหารเผ็ด-เปรี้ยวจัด อาหารประเภทนม ผลไม้ อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารหมักดอง