คนรักสุขภาพลายคนหันไปสนใจเรื่องของ “ไขมัน” ที่ดีต่อร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะคนไทยที่หาซื้อ “น้ำมันมะพร้าว” มาทานกันมากมาย เพราะเชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันที่ดีต่อร่างกาย และช่วยลดน้ำหนักได้ แต่อันที่จริงแล้วน้ำมันมะพร้าวดีต่อร่างกายก็จริง แต่ก็อาจเป็นอันตรายได้หากทานไม่ถูกวิธี Show ทำไมคนถึงนิยมบริโภคน้ำมันมะพร้าว?น้ำมันมะพร้าว คือน้ำมันที่ได้จากการสกัดแยกน้ำมันจากเนื้อผลของต้นมะพร้าว หากจะหาไขมันที่ดีต่อร่างกายอย่างหนึ่ง กรดไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่ที่พบในน้ำมันมะพร้าว เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง เช่น กรดลอริก ซึ่งเมื่อรับประทานและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกเผาผลาญได้ดี จึงถูกสะสมในเนื้อเยื่อไขมันได้น้อยกว่ากรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลยาว เช่น กรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่พบมากในน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น ดังนั้นคนจึงเริ่มนิยมหันมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวมากขึ้น ด้วยเชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวทานแล้วไม่อ้วน แต่จริงๆ แล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะอันที่จริงแล้วหากทานนำมันมะพร้าวใจปริมาณมาก ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน อันตรายจากการบริโภคน้ำมันมะพร้าวจริงๆ แล้ว แม้ว่าจะเป็นไขมันจากธรรมชาติ ไม่ใช่ไขมันจากสัตว์ แต่น้ำมันมะพร้าวจัดรวมอยู่ในกลุ่มของไขมันอิ่มตัว และน้ำมันมะพร้าวยังมีปริมาณไขมันอิ่มตัวมากถึง 80% ซึ่งสูงเป็น 2 เท่าของปริมาณไขมันอิ่มตัวที่พบในไขมันหมู และมากกว่า 60% ของปริมาณไขมันที่พบในมันเนื้อ ดังนั้นหากบริโภคในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย (มากกว่า 30% ของพลังงานที่ร่างกายต้องการทั้งหมด หรือราวๆ ไม่เกิน 700 กิโลแคลอรี่ หรือไม่ถึง 100 กรัมต่อวัน) อาจมีผลเสียทำให้ไขมันเลวในร่างกายสูงขึ้น ทำให้เป็นโรคหัวใจหลอดเลือดมากขึ้น เช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัวอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ รายงาน หรือบทความหลายชิ้นที่พยายามหาประโยชน์ในด้านการลดน้ำหนักจากน้ำมันมะพร้าว ก็ยังไม่น่าเชื่อถือมากพอจนสามารถนำมายืนยันถึงประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวในด้านนี้ได้จริง ในปัจจุบันจึงยังไม่หลักฐานใดๆ ที่ชี้ชัดว่า น้ำมันมะพร้าวสามารถลดน้ำหนักได้ นอกจากมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงแล้ว น้ำมันมะพร้าวยังกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่ำ และหากทานในปริมาณมาก ยังเสี่ยงอาการท้องเสียอีกด้วย อันตรายจากน้ำมันมะพร้าวไม่ได้มีแค่การบริโภค เพราะมีคนจำนวนไม่น้อย ที่มีความเชื่อว่า “น้ำมันมะพร้าวสามารถฆ่าเชื้อโรคได้” จึงมีการใช้น้ำมันมะพร้าวมากลั้วคอ กลั้วปาก แทนการใช้น้ำยาบ้วนปาก โดยเชื่อว่าช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปากได้ ลดการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และโรคต่างๆ ในช่องปากได้ ความเชื่อในเรื่องนี้มาจากการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ทดลองนำกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวมาฆ่าแบคทีเรียในจานเพาะเชื้อได้ แต่การทดลองในครั้งนี้ยังเป็นหลักฐานที่ยังไม่น่าเชื่อถือ และเคยทำการทดลองแค่กับสัตว์ทดลองเท่านั้น ยังไม่เคยทดลองกับคนจริงๆ จึงยังยืนยันไม่ได้ว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถลดแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคต่างๆ ได้จริง นอกจากนี้การกลั้วคอด้วยน้ำมันมะพร้าว ยังเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบได้อีกด้วย ในเรื่องนี้ได้รับการอธิบายจาก นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เอาไว้ว่า การกลั้วคออาจทำให้น้ำมันมะพร้าวที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบา ไหลลงสู่คอหรือเล็ดลอดเข้าไปในปอด กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในปอดจนทำให้ปอดอักเสบได้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวกลั้วคอโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าวก็ยังมีประโยชน์ หากบริโภคอย่างถูกวิธี ประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าวน้ำมันมะพร้าวก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบางคนที่จำเป็น เช่น คนที่มีปัญหาการดูดซึม เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าไขมันประเภทอื่นๆ และยังเหมาะกับผู้ป่วยเด็กโรคลมชัก และผู้ที่กำลังลดน้ำหนักด้วยวิธีการจำกัดอาหารแบบ “คีโตเจนิค” อีกด้วย (>> "คีโตเจนิค" กินไขมันลดอ้วน แต่กินไม่ถูกวิธีอาจยิ่งอ้วน) หากให้แนะนำว่าเราควรทานน้ำมันอย่างไรให้เป็นไขมันที่ดีต่อร่างกาย นอกจากหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว แล้วหันไปทานน้ำมันที่ดีอย่าง น้ำมันมะกอก ไขมันจากปลาทะเล จากธัญพืชต่างๆ แล้ว ควรเลือกทานน้ำมันให้หลากหลายในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปในแต่ละชนิด และเลือกทานน้ำมันให้เหมาะสมกับลักษณะอาหารที่เราทาน ต้ม ผัด แกง ทอด จะทำให้เราได้คุณค่าทางสารอาหารจากไขมันในน้ำมันเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ที่สุด >> ต้ม ผัด แกง ทอด ใช้ “น้ำมัน” แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด? น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกับการลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนักได้จริงหรือ วิธีกินน้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก ข้อดีของการลดน้ำหนัก
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ลดน้ำหนัก ได้จริงหรือ มีลูกค้าหลายท่านสอบถามเข้ามามาก ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ และ คำถามยอดฮิตในปัจจุบันนี้ "น้ำมันมะพร้าว" จึงเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการ กินน้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นสารธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงและไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ และไม่โยโย่ เพราะเป็นสารธรรมชาติ มิใช่สารเคมี น้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนักได้จริงหรือ เบื้องต้นทางร้านอยากให้คุณลูกค้าอ่านบทความเอกสารวิชาการเรื่อง " น้ำมันมะพร้าวลดความอ้วนได้อย่างไร " ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวจะอธิบายในเชิงวิชาการได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และทางร้านแจกฟรีดาวน์โหลด "ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว" ไว้หลายเรื่องในเมนูซ้ายมือของหน้าเวบคะ เนื้อหาประกอบด้วยนักวิชาการผู้มีความรู้ให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับเรื่อง "วิธีกินน้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก" และอีกหลากเรื่องราวของ "ประโยชน์น้ำมันมะพร้าว" อีกหลายเรื่องเลยคะ นักวิชาการที่ทรงคุณวุฒิได้แก่ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์น้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย ซึ่งได้จัดทำหนังสือเอกสารวิชาการ " น้ำมันมะพร้าลดน้ำหนักได้จริงหรือ" หาคำตอบได้จากเอกสารวิชาการเลยคะ
เรื่องเล่าจากประสบการณ์ของตนเองและลูกค้า
" วิธีกินน้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก" * ควรกินน้ำมันมะพร้าวก่อนอาหารเพื่อให้ "น้ำมันมะพร้าว" อยู่ก้นกระเพราะอาหารเพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย เมื่อทานน้ำมันมะพร้าว เข้าไปแล้วไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงบางท่าน จะรู้สึกอยากขับถ่าย บางท่านอาจจะไม่อยากขับถ่ายเนื่องจากธาตูหนักก็เป็นได้ * ปริมาณการกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก ควรทานครั้งละไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อมื้ออาหาร สามารถทานได้ 3 มื้อ
ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ นอกจากอยากขับถ่ายมากเกินไปคะ * ควรควบคุมปริมาณอาหารในวันปกติให้น้อยลงยิ่งดีค่ะ เพราะจะช่วยให้ผลการลดน้ำหนักเห็นผลดีขึ้น เพราะลูกค้าบางท่านเคยบอกว่ายิ่งกินน้ำมันมะพร้าวแล้วทำไมอ้วน แต่เมื่อสอบถามการกินอาหารแล้วปรากฏว่ากินอาหารมากกว่าปกติ เนื่องจากคิดว่าน้ำมันมะพร้าวจะช่วยกำจัดออกหมดเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ *
วิธีกินน้ำมันมะพร้าวลดน้ำหนัก
ที่ง่าย ๆ แบบไม่ทรมาน มีหลายท่านบอกวาคุณสมบัติดีจัง แต่ติดที่ทานยาก ทางเราเลยหาวิธีการกินเพื่อลดน้ำหนักมาให้คะ คือ เทน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะในแก้วเล็ก แล้วดื่มทันทีให้หมดอย่างรวดเร็ว และรีบตามด้วยน้ำผลไม้,เครื่องดื่ม ต่าง ๆ ที่มีรสเปรี้ยวนิดหน่อยก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้เราไม่รู้สึกเลี่ยนน้ำมัน และสุดท้ายตามด้วยอาหารเลยก็ได้คะ บางท่านก็ทาน ชา กาแฟ อยู่แล้ว ก็อาจจะตามด้วยเครื่องดื่ม นั้น ๆ เพื่อง่ายต่อการรับประทาน ทางร้านก็จะจำหน่ายน้ำมันขนาด 30 มล. ไว้
เพื่อสำหรับเติมและพกพาไปทานในแต่ละที่ได้สะดวกขึ้น ซึ่งขนาด "น้ำมันมะพร้าว" 30 มล. จะเท่ากับ 2 ช้อนโต๊ะ และเมื่อทานหมดก็สามารถ เติมน้ำมันมะพร้าว ไว้ทานต่อ ๆ ไปในมื้อต่าง ๆ ได้ด้วย * สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าว สำหรับลดน้ำหนัก ลดความอ้วน คือ ช่วยชดเชยพลังงาน เปลี่ยนพลังงานสำหรับร่างกายได้เร็ว ไม่สะสมในร่างกาย ขจัดของเสียออกจากร่างกาย กระตุ้นต่อมไทรอยด์ ในส่วนของการเผาพลาญพลังงาน กระตุ้นฮอร์โมนในร่างกาย เผาผลาญพลังงานเก่าออกมาใช้
ช่วยอิ่มท้อง อิ่มนาน กระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารได้ดี * สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การขับถ่าย จากผู้ที่ท้องผูกบ่อย ก็ถ่ายง่ายขึ้น ,ผู้ที่ท้องเสียก็ลดลงเนื้อจากน้ำมันมะพร้าว มีการกำจัดไวรัสที่ฝังในลำไส้ สิ่งที่ตามมาคือ อิ่มนาน และเมื่อถึงมื้ออาหารก็ทานน้อยลง ไม่อยากกินจุกจิก มีพลังมากขึ้น จากผู้หมดแรงบ่อย ๆ ,จากผู้ไม่มีเหงื่อก็เหงื่อออกตามจุดต่าง ๆ แสดงถึงระบบการขับของเสียทางผิวหนังดีขึ้น , จากเป็นคนขี้หนาว ก็อยากอาบน้ำปกติ ไม่หนาวง่าย
เหมาะสำหรับผู้คลอดลูกที่มีปัญหาหนาวง่ายด้วยเช่นกัน , สำหรับผู้เป็นโรคริดสีดวงทวาร มีเลือดออกเวลาขับถ่ายก็ลดลงและหายไปในที่สุด
http://www.facebook.com/vannaherb LINE : Vannaherb น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกินตอนไหนลดความอ้วนควรกินน้ำมันมะพร้าวไม่เกินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะต่อมื้ออาหาร ตามด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่น 1 แก้ว สามารถทานได้ 3 มื้อ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ไม่มีผลข้างเคียง นอกจากจะอยากขับถ่ายมากเกินไป ควรกินก่อนมื้ออาหารประมาณ 30-60 นาที เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหารได้ดี กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ สร้างความร้อนได้ ...
น้ำมันมะพร้าวช่วยลดความอ้วนได้จริงไหม* สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าว สำหรับลดน้ำหนัก ลดความอ้วน คือ ช่วยชดเชยพลังงาน เปลี่ยนพลังงานสำหรับร่างกายได้เร็ว ไม่สะสมในร่างกาย ขจัดของเสียออกจากร่างกาย กระตุ้นต่อมไทรอยด์ ในส่วนของการเผาพลาญพลังงาน กระตุ้นฮอร์โมนในร่างกาย เผาผลาญพลังงานเก่าออกมาใช้ ช่วยอิ่มท้อง อิ่มนาน กระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารได้ดี
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นช่วยลดน้ำหนักอย่างไรน้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้คุณกินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น. กินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร. กินน้ำอุ่นตาม 1-2 แก้ว. ผสมน้ำมันมะพร้าวกับผลไม้ นมร้อน โกโก้ร้อน หรือกาแฟร้อนแล้วแต่ความชอบ. รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อตามปกติ. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมีไขมันไหมน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวถึง 90% ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีที่ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด โดยไม่ควรเกินร้อยละ 7 ของพลังงานรวมในแต่ละวัน
|