ลูกร้องไห้อาจเพราะหิวหรือต้องการอะไรบางอย่าง เพียงแต่เขายังไม่รู้จะสื่อสารอย่างไร ดังนั้นการฝึกทักษะด้านภาษาของลูกจึงเป็นหน้าที่ของเรา ทุก ๆ การกระทำของลูกคือ สิ่งที่ลูกพยายามบอกเรา เพียงแต่ขวบปีแรก พวกเขายังไม่รู้จักวิธีการสื่อสาร และไม่รู้ว่าเวลาที่เขาร้องไห้เพียงแต่อยากจะบอกว่าเขาหิว และถ้าหากลูกรู้ว่าสิ่งนั้นเรียกว่า "หิว" ลูกก็จะสามารถบอกพวกเราได้ ดังนั้น หน้าที่การกระตุ้นทักษะของลูกจึงเป็นหน้าที่ของเรา และนี่คือกิจกรรมที่จะช่วยกระตุ้นทักษาด้านภาษาสำหรับลูก
1. การอ่าน การที่คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังนั้น นอกจากจะเป็นการฝึกฝนให้ลูกน้อยรักการอ่านแล้ว ยังช่วยให้ลูกรู้จักคำศัพท์ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันได้ เพียงแต่หนังสือที่เราหยิบยื่นให้ลูกนั้น ควรจะเป็นหนังสือที่เหมาะสมตามวัย 2. บทสนทนา การฝึกพูดคุยกับลูกในทุก ๆ ครั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะใจเย็น ๆ อย่าคาดหวังว่า ลูกจะเข้าใจความหมายในครั้งแรก บางทีลูกอาจจะรู้สึกงุนงงกับครั้งแรกที่ได้ยิน แต่การค่อย ๆ ถามและใจเย็นเฝ้ารอคำตอบ ก็จะเป็นตัวช่วยเสริมพัฒนาการลูกได้ 3. ไม่ใช้คำพูดของเด็กเล็ก ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ จะชอบใช้คำพูดของพวกเขาเองเป็นภาษาง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่นการส่งเสียงอ้อแอ้ แน่นอนว่ามันอาจจะดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่นั่นหมายถึงการไม่ยอมใช้คำศัพท์ที่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ ดังนั้น เวลาที่ลูก ๆ ใช้คำพูดของเด็ก หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ การโต้กลับเป็นภาษาพูดของเรา อย่าใช้ภาษาของลูกเด็ดขาด 4. การร้องเพลง การกระตุ้นที่เด็ก ๆ ชอบมากที่สุดก็คือ การกระตุ้นทักษะด้วยการร้องเพลง ทำนองของเพลงจะดึงดูดลูก ๆ ให้รู้สึกสนใจ ยกตัวอย่างเพลงง่าย ๆ อย่าง Head Sholder Knee and Toes เป็นต้น เพลงนี้จะช่วยให้ลูกรู้จักอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้อีกด้วย 5. การเล่นเกมส์ คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นทักษะทางด้านภาษาของลูกได้ด้วยการเล่นเกมส์ง่าย ๆ อย่าง "นี่อะไร" ยกตัวอย่างเช่น เราชี้ไปที่น้ำ แล้วถามเขาว่า "นี่อะไรเอ่ย" ตอนแรกลูกอาจจะยังไม่รู้ แต่แน่นอนค่ะ เขาต้องตั้งใจฟังคำตอบที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมให้แน่ ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถบอกเขาได้ว่า "นี่เรียกว่าน้ำจ้ะ น้ำ" การฝึกฝนเป็นประจำจะทำให้เขาจดจำและนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง 6. ศัพท์วันละคำ เลือกศัพท์ที่น่าสนใจมาวันละคำ ให้ลูกได้ท่องและจดจำ ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้คุณอาจจะเลือกคำศัพท์ง่าย ๆ อย่าง Dog สุนัข การกระตุ้นนั้นก็สามารถชี้ไปที่ภาพ หรือสุนัขแล้วบอกเขาว่า สุนัข Dog จ้ะ พูดโดยใช้น้ำเสียงช้า ๆ ชัด ๆ ถ้าหากเขาพูดได้ ก็อาจจะมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้บ้างอย่างสติ๊กเกอร์ก็ได้ค่ะ 7. ให้เห็นและบอก การพาลูกไปตามสถานที่ต่าง ๆ อาจไม่จำเป็นจะต้องพาไปสถานที่ ๆ ไกลหรือแพง ก็สามารถส่งเสริมภาษาของลูกได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การพาลูกไปตลาด ไปเดินซื้อของ คุณแม่อาจจะบอกว่า นี่เรียกแครอท นี่เรียกส้ม เป็นต้น แต่ถ้าหากมีโอกาส เราก็สามารถพาลูกไปทะเล และค่อย ๆ สอนเขาก็ได้ค่ะ ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าคุณจะกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาของลูกอย่างไร เราสามารถทำแตกต่างจากวิธีที่กล่าวมาแล้วก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่า เราสามารถฝึกฝนลูก ๆ ได้ทุกวัน เพราะโรงเรียนของลูกอยู่ในทุก ๆ ที่ และครูที่ดีที่สุดของพวกเขาก็คือ คุณพ่อกับคุณแม่ นั่นเอง ที่มา: Justmommies บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ: กลเม็ดสอนลูกเริ่มหัดเขียน เคล็ดลับสอนลูกเป็นเด็กดี แฮปปี้กันทั้งบ้าน
บทความจากพันธมิตร พัฒนาการลูก แม่รู้ไหม? พัฒนาการสมอง ของลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสริมด้วย สารอาหารสมอง และการนอนอย่างมีคุณภาพ การศึกษา มารู้จักกับ Phenomenon-Based Learning กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าการท่องจำ ช่วงวัยของเด็ก น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว การศึกษา BASIS Bangkok โรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับโลก ที่ปูพื้นฐานความเป็นเลิศตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็ก มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้! พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และผู้ดูแลเด็กได้ส่งเสริมความสามารถทางภาษาให้กับเด็ก โดยการจัดประสบการณ์เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้คุ้นเคยในภาษาในการสื่อสารมากขึ้น โดยผ่านกิจกรรมที่เด็กชอบและสนใจ เช่น การฟังนิทาน การร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยฝึกทักษะการพูดและการฟังไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มจากคำที่ง่าย ๆ สั้น ๆ ไปสู่ประโยคที่ยาว และมีความหมายที่มากขึ้น จนกระทั่งเด็กสามารถพูดเป็นเรื่องราว และสื่อสารได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่ว |