การ กิน ดี ท็ อก

     แต่ละสูตรใช้วัตถุดิบที่หาได้ไม่ยากในบ้านเราทั้งนั้นเลย ดังนั้นจึงสามารถทำเวียนกันไปแต่ละสูตรได้ตามความชอบเลยค่ะ  และถ้าหากอยากให้ได้ผลดียิ่งขึ้นล่ะก็ ควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายหน้าท้อง เพื่อกระตุ้นลำไส้ให้ขับถ่ายได้ดี ก็จะยิ่งแฮปปี้กับผลลัพธ์แบบคูณสองเลยล่ะค่า

Show

การดีท็อกซ์ ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบ ชา กาแฟ สมุนไพร ชาผลไม้ อาหาร ผลไม้ และอาหารเสริมต่างๆ เคยสงสัยกันไหมว่า.. ทำไมคนเราถึงควรดีท็อกซ์ แล้วการดีท็อกซ์ดีอย่างไร โดยเฉพาะดีท็อกซ์ช่วยในการลดน้ำหนัก ได้หรือไม่

"Detox" มาจากคำว่า "Detoxification" แปลว่าการขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งสารพิษนี้อาจาะมาจากปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายมนุษย์ การกินยาปฏิชีวะนะ หรือการได้รับสิ่งต่างๆ จากสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เช่น การกินอาหารประเภทปิ้งย่าง ของทอดของมันมากเกินไป ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้หากสะสมในร่างกายอยู่เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทีนี้เรามาตรวจเช็คกันดูว่า เรามีอาการเหล่านี้กันบ้างหรือไม่ เช่น

• นอนหลับยาก ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น มีอาการมึนหัวในช่วงตื่นนอน
• อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัว
• ทำให้ระบบการย่อยอาหารย่อยช้า ส่งผลต่อระบบขับถ่าย ท้องผูกเป็นประจำ
• ระบบการเผาผลาญอาหารได้น้อยลง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นง่าย
• มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป จึงเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ
• มีกลิ่นตัวแรง มีกลิ่นปาก ผิวหนังแห้ง มีสิวขึ้นตามผิวหนัง เป็นสิวง่าย
• อาการต่างๆที่เกิดกับร่างกาย ที่มาจากการสะสมสารพิษในร่างกายระยะเวลานาน

การสะสมสารพิษในร่างกายส่งผลเสียต่อสุขภาพในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรดีท็อกซ์บ่อยๆ เพื่อเป็นการขับล้างสารพิษออกจากร่างกายเสมอ

การดีท็อกซ์ เราไม่ควรดีท็อกซ์มากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ควรพักการดีท็อกซ์เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอก่อนค่อยเริ่มใหม่

โดยสูตรการดีท็อกซ์ ที่ไม่ทำให้เราอ่อนเพลีย ไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน เราจะคำนวณสูตรเวลาการทำดีท็อกซ์ (ซึ่งจะดีท็อกซ์ด้วยวิธีไหนก็ได้) อย่างง่ายๆไว้ 2 แบบ ดังนี้
1. แบบ 6-1 หมายถึง ใช้เวลาดีท็อกซ์ 6 วัน และพักร่างกาย 1 วัน
2. แบบ 3-1 หมายถึงดีท็อกซ์ 3 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์
โดยวันที่เราพักเราจะทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ เพื่อสะสมสารอาหารเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานต่อไป

และในบางคนการดีท็อกซ์นั้น "อาจไม่ได้" ทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่ในช่วงแรกของการดีท็อกซ์ร่างกายอาจมีการขับไขมันที่ถูกสะสมออกไป ทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้เช่นกัน

อยากผอม อยากลดพุง อยากถ่ายคล่อง ใครๆ ก็หันหน้าเข้าหาการ “ดีท็อกซ์ลำไส้” เพราะเข้าใจว่าเป็นการขับถ่ายเอาของเสียที่อยู่ในร่างกายออกไปจนหมด รู้สึกได้ถึงความโล่งสบายท้อง ลำไส้สะอาดปราศจากเชื้อโรค

แต่จริงๆ แล้ว การดีท็อกซ์ลำไส้ไม่ได้ดีต่อร่างกายเสมอไป หนำซ้ำยังอาจเสี่ยงเสียชีวิตได้อีกต่างหาก

 

ดีท็อกซ์ลำไส้ มีวิธีไหนบ้าง?

1. สวนลำไส้ หรือสวนทวาร โดยใช้อุปกรณ์สอดเข้าไปในรูทวาร พร้อมกับฉีดน้ำอุ่น หรือน้ำอื่นๆ เช่น น้ำผสมกาแฟ เข้าไปเพื่อล้างทำความสะอาดลำไส้ และเร่งการทำงานของระบบขับถ่าย

2. การทานอาหารที่มีฤทธิ์ในการถ่าย ไม่ว่าจะเป็นยาระบาย ยาถ่าย มะนาวผสมน้ำอุ่น มะนาวผสมโซดา และอีกสารพัดสูตร

3. การนวดกดจุด (ตามแพทย์บางตำรา)

4. การอบตัวด้วยความร้อน

ดีท็อกซ์ลำไส้แบบ “สวนทวาร” นี่แหละที่เป็นตัวอันตราย

 

อันตรายจากการดีท็อกซ์ลำไส้

1. ผู้ที่ทำการดีท็อกซ์ อาจใช้อุปกรณ์ และวิธีการสวนทวารที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้ศึกษาวิธีการทำอย่างละเอียดจากแพทย์ จนทำให้เกิดบาดแผลที่รูทวาร หรือเกิดการติดเชื้อได้

2. การสวนทวารเองโดยไม่มีความจำเป็นบ่อยๆ อาจทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายไม่สามารถทำงานได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องพึ่งการสวนทวารเพื่อการขับถ่ายแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายได้เองอีกต่อไป

3. การดีท็อกซ์บ่อยๆ ร่างกายอาจสูญเสียน้ำมากเกินไป จนอาจเสี่ยงต่ออาการช็อค และเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้

4. การดีท็อกซ์ลำไส้บ่อยๆ จนเกินความจำเป็น เป็นการลดปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ออกไปด้วย ซึ่งหากร่างกายขาดแบคทีเรียกลุ่มดีที่อยู่ในลำไส้ ก็จะส่งผลร้ายต่อร่างกายในหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องระบบการย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค ที่ทำให้ร่างกายป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีจากอาหารการกินได้น้อยลง

5. นอกจากการสวนทวารเพื่อดีท๊อกซ์ลำไส้จะไม่ได้ช่วยในเรื่องของการขับล้างสารพิษ ตัวการก่อโรคต่างๆ ออกจากร่างกายแล้ว คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคที่เกี่ยวกับลำไส้ ความดันโลหิตสูง เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยช่องท้องอักเสบ และผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียอยู่แล้ว ไม่ควรดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีสวนทวารเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

 

การดีท็อกซ์ลำไส้ที่ปลอดภัย มาจากการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ที่มีกากใยอาหารตามธรรมชาติ ดื่มน้ำมากๆ ทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว เพื่อช่วยเพิ่มแลคทีเรียที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย หรือจะลองสูตรน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นทาน 2-3 อึกทุกเช้าก็ได้นะคะ

การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากมีจริงไหมคะ แต่นอกจากวิธีการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำและการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและรู้สึกสดชื่นจากภายในสู่ภายนอกได้ นั่นคือ การทำดีท็อกล้างลำไส้ เพื่อกำจัดของเสียสะสมภายในร่างกายนั่นเอง

โดยเฉพาะสาว ๆ อย่างเราที่ต้องดูแลรูปร่างอย่างสม่ำเสมอ การดีท็อกลดพุงจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแบบธรรมชาติ ที่ช่วยให้เราสามารถมีรูปร่างที่ดีได้ ดังนั้นวันนี้เราลองมาดู 9 สูตร ดีท็อกลดพุง แบบง่าย ๆ ที่จะช่วยล้างลำไส้ ให้คุณมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้นกันค่ะ

ทำความรู้จัก ดีท็อก คืออะไร

การ กิน ดี ท็ อก

ดีท็อก (Detox) หรือ Detoxification คือการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีระบบกำจัดสารพิษอยู่แล้ว เพื่อลดการสะสมของของเสียในร่างกายที่อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา

การดีท็อกเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ระบบกำจัดสารพิษภายในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย และทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งปัจจุบันการดีท็อกก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิธีลดพุงด้วยการทำดีท็อกลดพุงที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพและผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอ

การทำดีท็อกมีกี่วิธี

การ กิน ดี ท็ อก

การดีท็อกลดพุงหลัก ๆ มีอยู่ 3 วิธี ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีความแตกต่างทั้งในแง่วิธีการปฏิบัติและความเหมาะสมในแต่ละบุคคล เราไปดูกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง

1. ดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร

การดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง และทำได้ง่าย ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารที่ช่วยดีท็อกสารพิษในร่างกาย

ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานผักและผลไม้ หรือการรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย ไม่มีสารปนเปื้อน และควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารที่มีการฟอกสี ขัดขาว และอาหารสำเร็จรูป

2. ดีท็อกด้วยการสวนล้างลำไส้

การสวนล้างลำไส้เป็นวิธดีท็อกแบบแพทย์ทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งช่วยกำจัดของเสียและสารพิษตกค้างภายในลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยลดอาการท้องผูก

ข้อควรระวังคือการสวนล้างลำไส้จำเป็นต้องทำโดยผู้มีความรู้ในวิธีการทำที่ถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหรือแพทย์ เนื่องจากเป็นวิธีดีท็อกที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายนั่นเอง โดยการสวนล้างลำไส้แบ่งออกเป็น 2 ระดับ

  • การสวนล้างระดับล่าง

เป็นการสวนล้างลำไส้ช่วงปลายลำไส้ 30 เซนติเมตร ด้วยน้ำ 1 – 1.5 ลิตร ผสมกับกาแฟบริสุทธิ์สำหรับใช้ในการทำ detox ลำไส้ โดยเฉพาะ หรือใช้น้ำสมุนไพร เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มมะขาม ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล

  • การสวนล้างระดับบน

เป็นการสวนล้างทั่วทั้งลำไส้ ซึ่งมีขนาดยาวกว่า 150 เมตร ด้วยน้ำอุ่น 25 ลิตร โดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า เครื่องล้างลำไส้ (Colonic) ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิ แรงดัน และปริมาณของน้ำ และต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหรือแพทย์เท่านั้น

3. ดีท็อกด้วยการอดอาหาร

เป็นการดีท็อกลดพุงด้วยการเลียนแบบพฤติกรรมการจำศีลของสัตว์ ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักการทำงาน ลดการสะสมของเสียในลำไส้ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาอดอาหาร 1 – 2 วัน และทดแทนอาหารด้วยการดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผักผลไม้แทน

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำดีท็อก

การ กิน ดี ท็ อก

สำหรับการเตรียมตัวก่อนทำดีท็อกลดพุงนั้นมีหลากหลายวิธี โดยในบทความนี้เราจะขอเน้นไปที่การเตรียมตัวดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร ไปดูกันเลยค่า

  • ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร

โดยค่อย ๆ ลดปริมาณอาหารที่ต้องการดีท็อก โดยเฉพาะอาหารที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำตาล น้ำตาลเทียม และไขมันทรานซ์ และเริ่มเพิ่มอาหารประเภทผักเข้าไปแทนในแต่ละมื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเวียนศีรษะ ท้องอืด หรือท้องผูก จากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทัน

  • ค่อย ๆ ลดปริมาณคาเฟอีนลง

สำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรลดปริมาณคาเฟอีนที่ทานต่อวันลง อาจเลือกรับประทานกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนต่ำหรือชา

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกาย โดยเฉพาะในกระบวนการกำจัดของเสีย ซึ่งการดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ ดังนั้นในช่วงการทำดีท็อกจึงควรเริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือตามที่ร่างกายควรได้รับโดยคำนวณจากสูตร น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/30 จะได้จำนวนน้ำ (ลิตร) ที่ร่างกายควรได้รับ

  • รู้ว่าสิ่งใดไม่ควรหยุดทาน

การดีท็อกด้วยการทานอาหารไม่จำเป็นต้องอดเสมอไป เพียงคุณทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ เน้นผักและผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกที่ดี และสำหรับบางท่านที่อาจมีโรคประจำตัวและต้องทานยาเป็นประจำ ในระหว่างการทำดีท็อกหากต้องการหยุดทานยาควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายตามมาในภายหลัง

  • เสริมตัวช่วยในการล้างพิษ

เพื่อให้การกำจัดสารพิษของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสามารถเสริมการทำสปา ขัดผิว หรืออบสมุนไพร เพื่อให้ร่างกายกำจัดสารพิษออกทางผิวหนังได้ดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมการล้างพิษแล้ว ยังช่วยให้ผ่อนคลายในระหว่างการดีท็อกได้อีกด้วย

แนะนำ 9 สูตรดีท็อกลดพุง ด้วยผักและผลไม้

สูตรที่ 1 ซุปผักร้อน

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรแรกเรามาเริ่มต้นด้วยดีท็อกผักอย่างซุปผักร้อน ๆ เพื่อเพิ่มกากใยและสารอาหารให้กับร่างกาย แถมยังอิ่มท้องและดีระบบขับถ่าย ที่หากทานบ่อย ๆ ก็จะช่วยดีท็อกลำไส้ไปในตัว

โดยสามารถเลือกทำซุปผักสีเขียวที่เน้นผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็ก ไฟเบอร์สูง และแคลอรีต่ำ อย่างผักโขม ผักชีฝรั่ง บรอกโคลี กระเทียม และเพิ่มรสชาติด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ และน้ำ หรือจะทำเป็นซุปผักสีส้มที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างฟักทอง แคร์รอต หอมหัวใหญ่ กระเทียม ซึ่งมีไฟเบอร์สูงและมีน้ำที่ช่วยย่อยอาหารได้ดี

สูตรที่ 2 น้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต นมสด

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรผสมระหว่างน้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต และนมสด รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานถูกใจสาว ๆ และช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้ดี โดยสูตรนี้แนะนำให้ทานติดต่อกัน 3 วัน ช่วงเวลา 05.30 – 07.00 น. และแนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดก่อนทานสัก 1 – 2 แก้ว รับรองพุงยุบแน่นอนจ้า

สูตรที่ 3 น้ำอุ่นและน้ำมะนาว

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรดีท็อกที่ทำง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีน้ำอุ่น 1 แก้ว และมะนาวครึ่งลูกเท่านั้น โดยการผสมให้เข้ากันและดื่มก่อนนอนเป็นประจำ ซึ่งสูตรนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้แล้ว ยังมีกรดและไฟเบอร์จากมะนาวที่ช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในลำไส้ออกไปกับการขับถ่ายในยามเช้า

สูตรที่ 4 นมจืดและกล้วยน้ำว้า

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรดีท็อกที่อิ่มอร่อยด้วย นมจืด 2 กล่อง และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก นำมาปั่นรวมกัน และดื่มในตอนเช้าทันทีหลังตื่นนอน ซึ่งแนะนำให้ทำติดต่อกัน 3 วัน จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น และขับถ่ายเป็นเวลา

สูตรที่ 5 ชาขิงกับว่านหางจระเข้

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรนี้เป็นชาดีท็อกชั้นเลิศที่ช่วยให้พุงยุบได้อย่างรวดเร็ว โดยมีส่วนผสมเพียง 3 อย่าง โดยเริ่มจากเตรียมขิงหั่นแว่น 1 แว่น และนำไปต้มในน้ำร้อน จากนั้นเติมวุ้นว่านหางจระเข้เข้าไป 1 ช้อนโต๊ะ ทานตอนร้อน ๆ จะรู้สึกสดชื่นดีทีเดียว โดยสูตรนี้เป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น

สูตรที่ 6 น้ำเปล่าผสมกับเม็ดแมงลัก

การ กิน ดี ท็ อก

อีกหนึ่งสูตรดีท็อกยอดนิยมที่ช่วยลดพุงได้ดีทีเดียว กับสูตรน้ำเปล่าใส่เม็ดแมงลัก โดยเตรียมน้ำเปล่า 1 แก้ว ใส่เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา จากนั้นรอให้เม็ดแมงลักพองตัวและดื่มก่อนนอน โดยเม็ดแมงลักมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับของเสียสะสมออกจากร่างกาย ช่วยให้กระเพาะสะอาดและย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น

สูตรที่ 7 น้ำเปล่า เลมอน แตงกวา ใบสะระแหน่

การ กิน ดี ท็ อก

สูตรนี้เป็นสูตรน้ำดีท็อกที่เรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย พร้อมกับช่วยกำจัดของเสียออกมากับการขับถ่ายในตอนเช้า โดยสูตรนี้ใช้เลมอน 2 ลูก แตงกวา ½ ลูก นำมาฝานบางๆ และใบสะระแหน่ 10 – 12 ใบ ใส่ในโหลแก้วและเติมน้ำเปล่าลงไป ¾ ถ้วย จากนั้นแช่ตู้เย็นไว้ 8 ชั่วโมง และนำมาดื่มในตอนเช้าได้เลยค่า

สูตรที่ 8 น้ำเปล่า เลมอน มะนาว สตรอว์เบอร์รี แตงกวา ใบสะระแหน่

การ กิน ดี ท็ อก

อีกสูตรน้ำดีท็อกสำหรับสาวกที่ชอบความหอมจากสตรอว์เบอร์รี โดยมีส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รี 5 ลูก เลมอน 1 ลูก มะนาว ½ ลูก แตงกวา ½ ลูก นำมาฝานบาง ๆ เตรียมไว้ และใบสะระแหน่ 10 – 12 ใบ ใส่ในโหลแก้วและเติมน้ำเปล่าลงไป ¾ ถ้วย แช่เย็น 2 – 8 ชั่วโมง ทานในตอนเช้าจะช่วยดีท็อกของเสียผ่านการขับถ่ายได้ดีทีเดียวค่า

สูตรที่ 9 ดีท็อกแอปเปิ้ล

การ กิน ดี ท็ อก

ดีท็อกแอปเปิ้ลเป็นสูตรดีท็อกซ์ด้วยผลไม้ที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ด้วยการทานแอปเปิ้ลแทนมื้ออาหาร 3 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยเลือกทานแอปเปิ้ลพันธุ์ใดก็ได้ตามความชอบ และสามารถเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ อย่างน้ำแอปเปิ้ล 100% หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปได้เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์

โดยแอปเปิ้ลจะมีสารที่เรียกว่าเพ็คตินที่จะช่วยขับสารพิษที่ค้างอยู่ในลำไส้ออกมาผ่านการขับถ่ายในแต่ละวัน ซึ่งระหว่างการทำดีท็อกนี้ก็ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้ว และในวันสุดท้ายให้ปิดท้ายด้วยการทานน้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 2 ช้อนโต๊ะ อาจผสมกับน้ำองุ่นหรือน้ำส้มเพื่อให้ทานง่ายขึ้น

ข้อดีของการทำดีท็อก

  • ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ลดการสะสมของไขมัน
  • การดีท็อกลดพุงช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ผิวพรรณสดใสขึ้น จากการกำจัดของเสียที่ตกค้างภายในลำไส้ออกมา
  • ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมอาหารได้ดียิ่งขึ้น ร่างกายสดชื่นและแข็งแรงขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูก กระตุ้นระบบขับถ่ายให้กลับมาทำงานปกติ
  • ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) หรืออาการท้องผูกสลับท้องเสีย
  • อาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงมะเร็งจากของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน

ข้อจำกัดของการทำดีท็อก

  • การดีท็อกลดพุงด้วยการอดอาหารอาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อร่างกาย ทำให้หน้ามึด อ่อนเพลีย และหมดสติได้
  • สำหรับการดีท็อกโดยสวนล้างลำไส้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายจากอุปกรณ์ที่สอดเข้าไป และอาจก่อให้เกิดบาดแผลทางทวารหนัก
  • ดีท็อกลดพุงทำให้ร่างกายเสียน้ำอย่างมากในคราวเดียว โดยเฉพาะการดีท็อกโดยการสวนลำไส้ อาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลง จนถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้
  • การดีท็อกลำไส้ นอกจากจะกำจัดของเสียออกจากร่างกายแล้ว ยังทำลายแบคทีเรียประจำถิ่นที่มีประโยชน์ที่ช่วยย่อยอาหารบางประเภท สร้างสารที่จำเป็น และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย
  • การดีท็อกทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวนได้ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และต้องพึ่งพาการดีท็อกอยู่เสมอ

ใครควรหลีกเลี่ยงการทำดีท็อก

สำหรับบางท่านที่ต้องการทำดีท็อกลดพุงแต่อาจอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อความปลอดภัย และไม่ควรทำบ่อยเกินไป

โดยผู้ที่จะทำดีท็อกควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอาจทำได้โดยต้องปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการดีท็อกให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล ซึ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรทำดีท็อกได้แก่

  • เด็กและสตรีมีครรภ์
  • ผู้ที่เป็นลำไส้อักเสบ มะเร็งลำไส้
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหรือสูงผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือมีภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงในช่องท้อง เช่น ไส้เลื่อน ลำไส้อุดตัน มีเลือดออกทางทวารหนัก พึ่งได้รับการผ่าตัดช่องท้องมาไม่เกิน 6 สัปดาห์ เคยผ่านการผ่าตัดลำไส้ใหญ่และเปิดลำไส้ออกทางหน้าท้อง
  • ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด เช่น มีประวัติหัวใจล้มเหลว เป็นโรคหัวใจขาดเลือด มีภาวะเส้นเลือดโป่งพอง มีภาวะเลือดจางรุนแรง

คำถามที่พบบ่อย

ควรดีท็อกลดพุงกี่วัน

การดีท็อกลดพุงไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอน แต่สามารถทำติดต่อกันได้ระยะเวลาหนึ่ง โดยขึ้นอยู่กับสูตรดีท็อกที่ใช้และร่างกายของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปควรทำอย่างน้อย 3 วันขึ้นไป เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

ทั้งนี้ในการทำดีท็อกแต่ละสูตรควรศึกษาวิธีการและปฏิบัติอย่างถูกต้อง และไม่ทำติดต่อกันนานเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียกับสุขภาพร่างกาย และเพื่อความปลอดภัยขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ เพื่อแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับเราจะดีที่สุดค่า

น้ําดีท็อกดื่มตอนไหน

การดื่มน้ำดีท็อกลดพุงในแต่ละช่วงเวลาจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

  • ช่วงเช้า เวลา 05.00 – 12.00 น. ดื่มในขณะท้องว่างหรือก่อนมื้อเช้า จะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและลดพุงได้ดี
  • ช่วงบ่าย เวลา 13.00 – 15.00 น. ช่วยให้ระบบย่อยในลำไส้เล็กทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วงเย็น เวลาใดก็ได้ อาจดื่มก่อนเข้านอนขณะท้องว่าง จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นและช่วยลดพุง

ดีท็อกลําไส้มีที่ไหนบ้าง

การดีท็อกสวนล้างลำไส้อย่างปลอดภัยควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเราขอแนะนำ 5 อันดับ ศูนย์ดีท็อกลำไส้ 2022 เพื่อเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจกันค่ะ

  1. โรงพยาบาลวิภาวดี
  2. ศูนย์สุขภาพ La Vie
  3. โรงพยาบาลยันฮี
  4. โรงพยาบาลบุญญาเวช
  5. ชีวี ดีท็อกซ์ คลินิก

ข้อสรุป

การดีท็อกลดพุงเป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำได้ง่ายและเห็นผลจริง ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายวิธีทั้งการดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร สวนล้างลำไส้ และการอดอาหาร

ทั้งนี้การดีท็อกแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้นในการดีท็อกทุกครั้งจึงควรศึกษาวิธีการที่ถูกต้อง ปลอดภัย และเหมาะสมกับเรามากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรา

สำหรับวิธีง่าย ๆ อย่างการดีท็อกด้วยการรับประทานอาหารเราก็ได้แนะนำสูตรดีท็อกถึง 9 สูตร ที่ทั้งทำง่าย อร่อย และดีต่อสุขภาพมาให้สาว ๆ ได้ลองทำเองที่บ้าน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงยังคงต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบกันทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย ดังนั้นก็ควรทำควบคู่กันไปเพื่อให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงยืนยาว

Share:

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

การ กิน ดี ท็ อก

รวม 7 ท่าสควอท เสกหุ่นสวย สอนท่าสควอทอย่างถูกวิธี ต้องทำอย่างไร?

22/03/2022

ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ทั้งเป้าหมายด้านสุขภาพ รูปร่าง หรือการพัฒนาความสามารถด้านกีฬาเองก็ตาม และไม่ว่าเป้าหมายใด ท่าสควอทถือเป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ควรฝึก

Read More

การ กิน ดี ท็ อก

รวม 10 ท่านอนออกกำลังกาย ลดพุง ลดขาง่ายๆ แม้อยู่บนเตียง

22/03/2022

ในบางสถานการณ์การออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะหลังตื่นนอนในยามเช้า และยิ่งถ้าไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว การลุกออกจากเตียงในช่วงเช้าเพื่อไปออกกำลังกายยิ่งเป็นเรื่องที่แสนยากลำบาก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะพามาดูท่านอนออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ จะทำบนพื้นในห้องนอน

Read More

การ กิน ดี ท็ อก

7 ท่าสร้างซิกแพค วิธีสร้างกล้ามท้องฉบับง่าย ทำตามได้ เห็นผลจริง

11/03/2022

มาดูท่าสร้างซิกแพคง่ายๆ ที่ทุกคนก็ทำได้ 7 ท่าสร้างซิกแพคสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ตามสไตล์เบเบ้

Read more

Read More

การ กิน ดี ท็ อก

รวม 10 ท่าลดเอว วิธีทำให้เอวเล็กแบบเร่งด่วน ลดเอวข้าง สร้างหน้าท้องสวย!

03/03/2022

แนะนำ 10 ท่าลดเอว หุ่นฟิต บริหารหน้าท้องสวย ฉบับเบเบ้! อยากมีเอวบาง เอวเอส ต้องทำอย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ในบทความนี้

ดีท็อกซ์ควรกินตอนไหน

- ช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 5.00-12.00 น. ในขณะที่ท้องว่าง หรือก่อนมื้อเช้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน และลดพุง - ช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น. เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการช่วยในเรื่องของระบบย่อยในลำไส้เล็ก

กินดีท็อกซ์ทุกวันอันตรายไหม

แพทย์ย้ำ “ดีท็อกซ์” ล้างพิษไม่ถูกวิธี – ถี่เกินความจำเป็นเสี่ยงเสียชีวิต

ดีท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไร

ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อุจจาระไม่ออก ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) ท้องผูกสลับกับท้องเสีย อาจมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว เพราะถ่ายของเสียออกมา อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้

ดีท็อกซ์ อันตรายไหม

ความเสี่ยงของการทำดีท็อกลำไส้ การทำดีท็อกลำไส้บางวิธีต้องให้น้ำจำนวนมากเข้าไปภายในลำไส้และต้องสอดท่อเข้าไปทางทวารหนัก จึงอาจเสี่ยงเกิดบาดแผลฉีกขาดที่ทวารหนักได้ นอกจากนี้ การดีท็อกลำไส้ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น อาเจียน เวียนศีรษะ เป็นตะคริว