อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

- ชาร์จเร็วกว่าที่ชาร์จในรถทั่วไปถึง 4 เท่าด้วย Quick Charge 3.0 และ Power Delivery 30W - รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 2 ระบบ USB-C PD 3.0 PPS จ่ายไฟสูงสุด 30W และ USB-A Quick Charge 3.0 จ่ายไฟสูงสุด 30W - ปลอดภัยต่อการใช้งาน ด้วยระบบป้องกันหลายชั้น Built-in safeguards ทำให้ช่วยป้องกัน อุปกรณ์ต่อชาร์จของคุณไม่ให้เกิด ไฟรั่ว ไฟช็อต ความร้อนเกิน และการชาร์จไฟเกิน - ผลิตจากวัสดุชั้นดี คุณภาพเยี่ยม ปลอดภัย 100% ผ่านการรับรองการผลิต ได้มาตรฐาน CE , RoHS แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน - ขนาดเล็ก พอดีกับคอนโซลหน้ารถและมีที่จับพับได้สำหรับดึงออก เสียบเข้ากับที่จุดบุหรี่ได้อย่างง่ายดาย - 0-50% ใน 30 นาที ผ่านพอร์ต USB-C PD: สำหรับ iPhone 8, 8 Plus, X, XR, XS, XS Max, 11, 11 Pro, 11Pro Max 12, 12 Pro, 12 Pro Max, iPad Pro ***ชาร์จด่วน iphone ต้องใช้สายชาร์จ USB-C to Lightning ที่ผ่านมาตรฐาน MFi เท่านั้น แนะนำให้ใช้คู่ กับ สาย USB-C to Lightning for iPhone ของ AUKEY ที่ได้ MFI (AUKEY CB-CL1 /CL2,CB-AKL4)

ก่อนที่เราจะเจาะลึกแต่ละส่วนของโทรศัพท์มือถือ มาดูโครงสร้างของโทรศัพท์มือถือกัน คุณรู้หรือไม่ว่าอุปกรณ์เคลื่อนที่ภายในมีลักษณะอย่างไร? โปรดดู

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

ผู้จัดจำหน่ายหลักของชิปเซ็ตคือใคร?

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

เมนบอร์ดเป็นแผงวงจรหลักที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในโทรศัพท์มือถือ ช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ ๆ ของระบบรวมถึง CPU, ROM, RAM, WIFI, NFC, Baseband, GPRS, Antenna เป็นต้น

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

การแสดงผลบนหน้าจอช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโทรศัพท์มือถือ เป็นฮาร์ดแวร์หลัก มีจอแสดงผลหลายประเภทที่ใช้กับโทรศัพท์เช่น LCD, AMOLED, Super AMOLED และอื่น ๆ หากไม่มีหน้าจอก็เหมือนคนไม่มีมือและเท้า

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

โทรศัพท์ส่วนใหญ่มีกล้องหน้าและกล้องหลังซึ่งสามารถถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอได้ คุณภาพของกล้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่างเช่นความละเอียดและประเภทโฟกัสของเลนส์ (โฟกัสคงที่หรือโฟกัสอัตโนมัติ) เนื่องจากเทคโนโลยีกล้องโทรศัพท์มีความก้าวหน้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการออกแบบเลนส์จึงพัฒนาจาก Gauss สองเท่าหรือ Cooke triplet แบบธรรมดาไปจนถึงชิ้นเลนส์แอสเฟียร์ที่ทำจากพลาสติกจำนวนมากซึ่งมีการกระจายตัวและดัชนีการหักเหของแสงที่แตกต่างกัน

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

การสวมใส่ของโทรศัพท์มือถือครอบคลุมเป็นสิ่งที่จำเป็นเราต้องมีที่อยู่อาศัยโทรศัพท์ช่วยในการซ่อมแซมลักษณะและการทำงานของโทรศัพท์ของเรา ที่อยู่อาศัยโทรศัพท์มือถือเป็นฝาครอบป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อมีหรือสนับสนุนชิ้นส่วนเชิงกลซึ่งมีบทบาทสำคัญในองค์ประกอบของโทรศัพท์ของคุณเช่นกัน

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์

แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานสำหรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ในทางเทคนิคแล้วมันคือเซลล์ไฟฟ้าเคมีที่เปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นไฟฟ้าซึ่งให้ศักย์ไฟฟ้าสถิตย์ โทรศัพท์ส่วนใหญ่มีแบตเตอรี่โพลีเมอร์หรือลิเธียมไอออนซึ่งมักจะมีแรงดันไฟฟ้า 3.7V- 4.2V และ 3.8V- 4.35V

    4G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Real-Digital พัฒนาในเรื่องความเร็วในการรับส่งข้อมูล ที่ทำได้เร็วขึ้นถึง 100 Mpbs เลยทีเดียว สำหรับความเร็วขนาดนี้นั้น ทำให้สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือ หรือ Tablet ของคุณได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การดูไฟล์วีดิโอออนไลน์ด้วยความคมชัด และไม่มีการกระตุก, การสื่อสารข้ามประเทศ อย่างโทรศัพท์แบบเห็นหน้ากันแบบโต้ตอบทันที (Video Call) หรือจะเป็นการประชุมผ่านโทรศัพท์ (Mobile teleconferencing) ก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น แถมยังมีค่าใช้จ่ายน้อยลงอีกด้วย สามารถเชื่อมต่อข้อมูล 3 แบบ ภาคพื้นดิน CDMA PA-H และการเชื่อมต่อ ewifi และ Wi-Max เพื่อการเชื่อมภาพและเสียงเป็นข้อมูลเดียวกัน

โทรศัพท์

โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (และมีการเรียก วิทยุโทรศัพท์) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ตโฟน

โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้ว ยังมีคุณสมบัติพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้นเอสเอ็มเอส ปฏิทิน นาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ อินฟราเรด กล้องถ่ายภาพ เอ็มเอ็มเอส วิทยุ เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส

โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม[1] ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน[2] มาเป็น 4,600 ล้านคน[3]

วิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ[แก้]

  • 1G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ analog ให้บริการเสียงอย่างเดียว ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น NMT, AMPS, DataTac เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ.1980
  • 2G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GSM, cdmaOne, PDC ให้บริการทั้งเสียงและข้อมูล มีการทำงานแบบ circuit switching ที่ความเร็ว 9.6-14.4 kbps
  • 3G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความสามารถครบทั้งการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลรวมถึงวิดีโอ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น W-CDMA, TD-SCDMA, CDMA2000 1x-EVDO ความเร็ว มากกว่า 144 kbps
    • 3.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้นกว่า 3G เช่น HSDPA ใน W-CDMA
  • 4G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Real-Digital สามารถเชื่อมต่อข้อมูล 3 แบบ ภาคพื้นดิน CDMA PA-H และการเชื่อมต่อ ewifi และ Wi-Max เพื่อการเชื่อมภาพและเสียงเป็นข้อมูลเดียวกันก

ระบบปฏิบัติการมือถือ[แก้]

  • ซิมเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในค่ายโนเกีย
  • วินโดวส์โมบาย จะใช้กับโทรศัพท์มือถือที่เป็น PDA (Personal digital assistants)
  • ไอโอเอส (iOS) ใช้เฉพาะใน ไอโฟน ไอแพด และไอพอด
  • แบล็กเบอร์รีโอเอส (BB)
  • แอนดรอยด์ จากกูเกิล
  • เว็บโอเอส (webOS)
  • มีโก (MeeGo) จากโนเกีย
  • วินโดวส์โฟน
  • จาวา
  • บาดา
  • ผลกระทบต่อสุขภาพ[แก้]

    ความเชื่อที่ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวนั้น ปัจจุบันได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกแล้ว โดยองค์การฯ ได้บรรจุโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ในรายชื่อวัตถุก่อมะเร็ง[10][11] ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554[12] โดยจัดว่ารังสีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็น "วัตถุก่อมะเร็ง" และ "อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์" ได้ รายงานดังกล่าวออกมาหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทบทวนการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของโทรศัพท์เคลื่อนที่[13] งานวิจัยหนึ่งว่าด้วยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในอดีตนั้นได้ถูกอ้างอิงในรายงานซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างหนักจะมีความเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองมากขึ้นถึง 40% (รายงานการใช้โดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 10 ปี)[14] ซึ่งรายงานดังกล่าวตรงกันข้ามกับการสรุปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่คาดว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นเป็นผลมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสถานีฐาน และการทบทวนดังกล่าวไม่ได้พบหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นแต่อย่างใด