ภาษาไทยเป็นทั้งวัฒนธรรม และความภาคภูมิใจของคนไทย แต่ปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ว่าพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ในภาษาไทยมีกี่รูป กี่เสียง และยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังพูดภาษาไทยไม่ถูกต้อง มีการรวบรัดตัดตอนคำให้สั้นลง เพื่อความสะดวกจนเกิดปัญหาการสื่อสารและเข้าใจความหมายของภาษาในทางที่ผิดกซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เสน่ห์ของภาษาไทยลดลงไปกปัญหาการใช้ภาษาของเยาวชนไทยนับ วันยิ่งลุกลามจนเป็นปัญหาระดับชาติกประกอบกับผลสำรวจที่พบว่าคนไทยกว่าก60กเปอร์เซ็นต์ท่องพยัญชนะ ไทยทั้งสี่สิบสี่ตัวไม่ได้ด้วยซ้ำและด้วยวุฒิภาวะที่ไม่มากพอของเยาวชนจึงไม่เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยเรื่องเก่าๆเหล่านี้จึงยังเป็นปมที่ไม่คลายออกโดยง่าย หากแต่ยังแน่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่น และนับวันยิ่งขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากทุกภาคส่วนในสังคมยังคงนิ่งเฉยไม่เร่งรีบหาทางแก้ไข และยังคงมีการใช้บ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความเคยชิน อีกทั้งมีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนในที่สุดก็จะกลายเป็นเรื่องปกติกกซึ่งน่าหวั่นเกรงยิ่งนักว่าในอนาคตปัญหาวิกฤตภาษาไทยก็จะยิ่งยากเกินการเยียวยาแก้ไข Abstract Thai language is the pride of Thai people. But nowadays, not many Thai people know what it is and there are still many people who cannot speak Thai. Shortening of the words must be maintained for ease of communication and misunderstanding of the meaning of the language. English usage problems of orphans who have suffered from the problems that occur to many forty people together. And with the maturity that is not enough to clearly see the importance of the Thai language However, it is a problem that cannot be easily solved, but there are still problems over time, with the teenage users and the number becoming more and more widespread. Remain But do not rush to find a solution and yet There are more and more wrong language usage. It will become something that happens in the future. The Thai language crisis is even more difficult than the remedy. Referencesกวิน สินรุ่งเรือง. (2556). กด Likeภาษาไทยใช้ภาษาไทยให้ถูกให้เป็น. กรุงเทพฯ: เดอะซีนนิธอินเตอร์บุ๊คจำกัด Published 2020-12-26 How to Cite สุมโน, พระมหานรินทร์. วัยรุ่นยุคใหม่กับการใช้ภาษาไทยที่ควรรู้. วารสาร ศึกษาศาสตร์ มมร, [S.l.], v. 8, n. 2, dec. 2020. ISSN 2408-199X. Available at: <http://ojs.mbu.ac.th/index.php/edj/article/view/1134>. Date accessed: 16 jan. 2023. Citation Formats
Issue Vol 8 No 2 (2020): วารสารศึกษาศาสตร์ มมร ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2563) Section บทความวิชาการ This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License. แล้วเป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยยังไง?ความเหนื่อยของวัยรุ่นที่มีอาจจะแตกต่างจากผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่ด้วยวัยและเวลาที่ต่างกันนั้น อาจทำให้ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่าช่วงเวลาวัยรุ่นเป็นวัยที่สบายสุดๆ แล้ว ไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมาย ไม่ต้องคิดเรื่องปัญหาอะไรให้ปวดหัว ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะวัยรุ่นเองก็มีปัญหาให้ปวดหัวมากมายเช่นกัน เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยกับเรื่องเพื่อน ถึงแม้วัยรุ่นจะเป็นวัยที่รักในความสนุกสนาน แต่ปัญหาเรื่องเพื่อนก็เป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเหนื่อยให้กับวัยรุ่นเป็นอันดับต้นๆ เพราะไม่ว่าเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับเพื่อน วัยรุ่นจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ แม้แต่เรื่องยากเกินวัยที่ต้องการคำตอบ คนแรกๆ ที่พวกเขาจะคิดถึงก็คือ “เพื่อน” แต่ด้วยความใจร้อนของคนวัยนี้ เป็นวัยที่ไม่มีใครยอมใคร มักเกิดความบาดหมางกันได้ง่าย เมื่อมีเหตุการณ์ขุ่นเคืองใจกันหลายๆ กลุ่มมักจะเลือกใช้คำพูดที่รุนแรงใส่กัน โพสต์ลงโซเชียลมีเดียในด้านลบกระทบอีกฝ่ายจนเกิดการทะเลาะเบาะแว้งและทำร้ายร่างกายกันในที่สุด และสุดท้ายแล้วทำให้มองหน้ากันไม่ติด และกลายเป็นศัตรูต่อกันไปโดยปริยาย บางทีเกิดปัญหาบาดหมางกันระหว่างคนในกลุ่ม เช่น บังเอิญชอบคนเดียวกัน เพื่อนนินทาเพื่อนอีกคนให้ฟัง ทำให้คนกลางทำตัวไม่ถูก จะช่วยฝั่งไหนดี ฝั่งขวาก็เพื่อน ฝั่งซ้ายก็เพื่อน กว่าปัญหาต่างๆ จะจบก็กินเวลาไปนานหลายปีเลยทีเดียว บางทีเจอเพื่อนใส่ร้าย เพื่อนชอบเอาเปรียบ เพื่อนชอบล้อเลียน เพื่อนกีดกันออกจากกลุ่ม เพื่อนขี้อิจฉา ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่สร้างความเหนื่อยหน่ายและมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของวัยรุ่นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องเจอกันและใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่โรงเรียนอย่างน้อย 7 – 8 ชม. ต่อวัน ยังไม่นับรวมกิจกรรมหลังเลิกเรียนและวันหยุดที่ต้องทำร่วมกันอีกด้วย
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยกับเรื่องเรียน การเรียนสำคัญที่สุด การตั้งใจเรียนถือเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับบางคนการตั้งใจให้กับอะไรมากๆ อาจกลับกลายเป็นความกดดันจนก่อเกิดเป็นความทุกข์ลึกๆ อยู่ภายในจิตใจ เพราะวัยรุ่นวัยเรียนหลายๆ คน ทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่ดีอย่างที่คาดหวัง สิ่งเหล่านี้ก็สร้างความรู้สึกน้อยใจให้กับวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยเลย เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยกับเรื่องของความรัก วัยที่ฟูมฟายให้กับความรักเหมือนกับโลกทั้งใบกำลังจะล่มสลาย จนลืมมองหน้ามองหลังว่ายังมีคนอีกมากที่ต้องพบเจอ อย่าลืมว่าชีวิตมันไม่ได้มีแค่เท่านี้ เพราะฉะนั้น ตั้งสติก่อนนะวัยรุ่น! เรายังต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงยังต้องพบเจอคนอีกมากในอนาคตอันใกล้ อย่าเพิ่งท้อแท้หรือยึดถือเอาความรักเข้ามาเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต เดี๋ยวจะเป็นวัยรุ่นที่หมดความสนุกไปซะก่อน ให้ถือว่าความรักแบบผิดหวังที่เจอมานั้นคือบทเรียนบทหนึ่งที่ต้องเก็บและจำไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดหรือเสียใจซ้ำอีกในอนาคต ถ้าตอนนี้เรายังไม่สามารถรักใครคนหนึ่งราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ รักทุกลมหายใจเข้าออก รักจนไม่เป็นอันทำอะไร ก็อย่าด่วนสรุปจบบทเรียนรัก เพราะชีวิตข้างหน้าเรายังต้องได้เจอคนอีกมากมายที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยเพราะต้องไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง การแบกรับความหวังของผู้ใหญ่ในวัยที่รักความสนุกและไม่พร้อมที่จะโตแบบนี้ ถือเป็นความคาดหวังบนความกดดันในการที่จะต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ออกมาอย่างดีที่สุด จนคล้ายกับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิตที่สามารถตัดสินตัววัยรุ่นจากสายตาของคนรอบข้างได้เลยว่าจะรอดหรือจะร่วง จะได้รับคำชื่นชมหรือคำดูถูก เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยเพราะต้องรีบมองหาอนาคต ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังมองหาช่องทางเรียนต่อ หรือวัยรุ่นตอนปลายที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน ต่างก็ต้องปรับตัวให้กับสังคมใบใหม่กันทั้งนั้น ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะยังมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าด้วยซ้ำว่าอนาคตของตัวเองจะต้องดำเนินไปในทิศทางใด รวมถึงความกดดันจากคนรอบข้างที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ก็มีส่วนทำให้วัยรุ่นหลายคนเกิดความท้อแท้ใจและเหนื่อยหน่ายกับสิ่งเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยเพราะต้องถูกเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จกว่า (คงจะหดหู่ใจไม่น้อย) เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ถูกคาดหวังไว้สูงและมักถูกกดดันให้เก่งในหลายๆ เรื่อง ถูกคาดหวังว่าต้องเรียนให้จบ มีงานดีๆ ทำ อาชีพที่มั่นคง มีเงินเดือนสูงๆ จริงที่ว่าความคาดหวังเหล่านี้เป็นความปราถนาดีสำหรับวัยรุ่นทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็สร้างบาดแผลในใจให้กับวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน จากความคาดหวังสู่การถูกเปรียบเทียบให้ฉันต้องดี ฉันต้องเก่ง ให้เหมือนกับคนนั้น การถูกเปรียบเทียบแบบนี้ก็สร้างความเจ็บปวดและกระทบต่อความรู้สึกกับวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยเลย การถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น จนทำให้วันรุ่นนั้นเจ็บปวดอยู่ในใจและส่งผลให้พวกเขาลดคุณค่าในตัวเอง รู้สึกด้อยคุณค่า เพราะไม่สามารถทำเหมือนคนอื่นที่มีดีกว่าได้ กลัวความไม่ประสบความสำเร็จและกลัวการถูกต่อว่า หรือในทางตรงข้าม วัยรุ่นบางคนเริ่มทำตัวก้าวร้าว มีความอิจฉาริษยา เกิดความคิดที่ไม่ดี มีการต่อต้าน และมีพฤติกรรมประชดประชัน สิ่งสำคัญเราต้องเข้าใจและยอมรับเรื่องบุคคลิก ลักษณะนิสัย ความคิด พฤติกรรมการแสดงออก รวมทั้งศักยภาพและความสามารถของวัยรุ่นแต่ละคนนั้น “แตกต่างกัน” แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำแบบคนนั้นแล้วจะดี แต่งตัวแบบคนนั้นจะหล่อจะสวย ทำไมขี้เกียจไม่ขยันแบบคนนั้นคนนี้ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบ เพราะทุกคนต่างดีเหมือนกัน แต่มีจุดดีที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง ฉะนั้นไม่ควรนำใครมาเปรียบเทียบกับใคร เพราะสิ่งเหล่านี้คือการเอาความสุขของช่วงวัยรุ่นไปเปรียบเทียบกับความสุขของผู้อื่น การไปโฟกัสที่คนอื่น ไม่ใช่ตัวของวัยรุ่นจะทำให้พวกเขานั้นยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้น ถ้าผู้ปกครองไปโฟกัสที่คนอื่นหรือมองเส้นทางของคนอื่นๆ และเห็นคนอื่นได้ดีกว่าลูกของเราเอง เมื่อนั้นแหละก็จะทำให้วัยรุ่นเกิดความทุกข์ เป็นวัยรุ่นที่อยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย การประสบความสำเร็จของเเต่ละบุคคลมันไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือเราต้องรู้ตัวว่าประสบความสำเร็จของเราคือแบบไหน อย่าผูกตัวตนกับกระแสความนิยมจนละทิ้งความสามารถที่มีอยู่ในตัวของวัยรุ่น อาชีพที่ทำได้ดีที่สุดไม่ได้มีแค่ คุณครู, หมอ,วิศวะ,บัญชี เท่านั้น วัยรุ่นถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ความวิตกกังวลของวัยรุ่นนั้นก็หนักหนาอยู่ไม่น้อยเลย ผู้ใหญ่อาจจะกระทบกระเทียบว่าว่า “วัยรุ่นจะต้องกังวลใจอะไร” หรือ “ตอนฉันอายุเท่าพวกเธอ สมัยนั้นลำบากกว่านี้เยอะ” ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ยุคสมัยไหน ก็มีความเหนื่อยและการเติบโตที่ต้องเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด มีปัญหา มีอุปสรรค และมีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบชีวิตอยู่ตลอด วัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่สำคัญมาก เพราะเป็นช่วงชีวิตผลิบานสะพรั่งและสวยงามที่สุด เป็นช่วงวัยที่สำคัญ สำคัญที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ จริงมั้ย? |