Part of speech ถ้าแปลแบบตรงตัวจะมีความหมายถึง “ส่วนของคำพูด” ซึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษนั้น Part of speech คือเรื่องพื้นฐานสุดๆ ที่เราต้องทำความเข้าใจ เพราะคำพูด วลี หรือประโยคภาษาอังกฤษต่างๆ ที่เราใช้สื่อสารกันนั้น เกิดจากการนำส่วนประกอบเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกัน เอาล่ะงั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าส่วนประกอบที่ว่าจะมีอะไรกันบ้าง Show
1. Noun (คำนาม) คือ ชื่อที่ใช้เรียกแทน คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เหตุการณ์ คุณสมบัติ นามธรรมที่จับต้องไม่ได้อย่าง อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก รวมถึงชื่อของคน สัตว์และสิ่งของต่างๆ ด้วย เช่น คน : man, woman, boy, girl, doctor, John, Anna สัตว์ : dog, cat, bird, pig. tiger, Chip, Dale สิ่งของ : pen, book. laptop, bag, cup, Mazda, Samsung สถานที่ : temple. library, garden, supermarket, laundry, Bangkok, Thailand 2.Pronoun – คำสรรพนามคือคำที่ใช้เรียกแทนคำนาม เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเรียกชื่อซ้ำไปซ้ำมา เวลาพูดถึงอีกในประโยคอื่นๆ คำสรรพนามก็อย่างเช่น I, You, We, They, He, She และ It เป็นต้น 3.Verb – คำกริยาเป็นคำหรือกลุ่มคำที่ใช้แสดงการกระทำ ทั้งการแสดงอาการทางกาย ทางใจ เช่น be, have, go, work, come, run, hope, decide เป็นต้น 4.Adverb – คำวิเศษณ์คือคำที่ใช้ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ อธิบายว่าการกระทำนั้นๆ เกิดอย่างไร ที่ไหน และเมื่อไหร่ เพื่อให้เราเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น today, up, here, back, in, most, around เป็นต้น 5.Adjective – คำคุณศัพท์เป็นที่ใช้ขยายคำนาม หรือประกอบคำนาม หรือสรรพนาม เพื่อให้เราเห็นความหมายของคุณสมบัติคำนามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น good, dirty, new, old, hot, easy, busy เป็นต้น 6.Preposition – คำบุพบทเป็นคำที่ใช้เชื่อมคำนาม สรรพนาม และวลีเข้าด้วยกัน เพื่อให้ความหมายสมบูรณ์และมีความสละสลวยมากยิ่งขึ้น เช่น above, before, in, on, past, under, with, without เป็นต้น 7.Conjunction – คำสันธานคือคำที่ใช้เชื่อมระหว่าง คำ (Words) กลุ่มคำ (Phases) หรือ ประโยค (Sentences) เข้าด้วยกัน เช่น for, but, or, and, so, after, because เป็นต้น 8.Interjection – คำอุทานเป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด ไม่ว่าจะเป็นอาการตกใจ ตื่นเต้น ดีใจ เช่น Oh!, Hurrah, Wow, Ugh!, Ho!, Dam!, eh เป็นต้น ตัวอย่างประโยค Part of speech แบบง่ายๆ ก็เช่น My name is Scarlett. = ฉันชื่อสการ์เล็ต , He is a doctor. = เขาเป็นหมอ, Wow! it’s so cool. = ว้าว! มันเจ๋งมาก เป็นต้น Post Views: 26,656 Part of speech คืออะไร มีกี่ประเภท และมีหน้าที่ทำอะไรในหลักแกรมม่า นี่คือคำถามแรกๆสำหรับผู้ที่จะเรียนรู้หลักไวยากรณ์ หรือที่เรียกกันว่าแกรมม่า สรุป part of speech ให้เห็นภาพก่อนคร่าวๆนะครับว่า มันคือ ส่วนของคำพูด หมายความว่าประโยคในภาษาอังกฤษที่เราสื่อออกไปนั้น จะประกอบไปด้วยชนิดของคำ หรือคำชนิดต่างๆมาประกอบกัน
♦ Part of Speech คืออะไรก่อนจะสรุปว่า Part of speech คืออะไร ลองมาอ่านประโยคง่ายๆเหล่านี้ก่อนนะครับ → My name is Tom. ชื่อของผมคือทอม (นาม) → I am American. ผมคือคนอเมริกัน(สรรพนาม) → I’m tall and slim. ผมตัวสูงและเพรียว(คุณศัพท์) → I can play tennis. ผมเล่นเทนนิสเป็น (กริยา) → And I can run fast. และผมสามารถวิ่งได้เร็ว (กริยาวิเศษณ์) → I love Thailand and Thai people. ผมรักประเทศไทยและคนไทย(สันธาน) → It’s hot in April. มันร้อนในเดือนเมษายน (บุรพบท) → Well!! I must go now. Bye. อ้อ ผมต้องไปเดี๋ยวนี้ (อุทาน) เห็นตัวหนาๆไหมครับ นั่นคือคำชนิดต่างๆครับผม ดังนั้นสรุปได้ว่า part of speech คือ คำประเภทต่างๆ ซึ่งมีด้วยกัน 8 ชนิด ♦ Part of speech แปลว่า
ตามหลักแกรมม่าแล้ว Part of Speech ภาษาอังกฤษ แปลว่า “ส่วนของคำพูด” แต่ความหมายจริงๆของมันคือ ประเภทของคำหรือชนิดของคำ หรือ พูดอีกนัยหนึ่งคือคำชนิดต่างๆนั่นเอง หน้าที่ของมันหลักๆก็คือการรวมตัวกันเป็นวลี หรือประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารดังตัวอย่างเนื้อหาด้านบน ซึ่งคำแต่ะละประเภทก็มีหน้าที่ Functions แตกต่างกันกันออกไปเช่น noun ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมของประโยค verb ทำหน้าที่บ่งบอกการกระทำของประธาน preposition ทำหน้าที่เชื่อมคำ เป็นต้น การจะเรียนรู้เรื่อง part of speech อย่างละเอียด ไม่ใช่เรื่องที่จะเรียนวันเดียวให้เข้าใจได้ทั้งหมด เพราะมีทั้งเรื่องหลักๆ และรายละเอียดหยุมหยิมมากมาย ดังนั้นค่อยๆเรียนรู้ทำความเข้าใจไปทีละอย่างนะครับ ♦ Part of speech มีกีชนิดหรือกี่ประเภทPart of speech แบ่งออกเป็น 8 ชนิด ได้แก่ คำนาม คำสรรพนาม คำคุณศัพท์ คำกริยา คำกริยาวิเศษณ์ คำสันธาน คำบุพบท และคำอุทาน ดังนี้ 1. Noun (คำนาม)Noun หรือ คำนาม คือคำที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และคำที่เป็นนามธรรม เช่นสภาวะ ความรู้สึก อารมณ์ กิจกรรม เหตุการณ์ เรียกว่าคำนามทั่วไป รวมถึง ชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อสัตว์ ชื่อสิ่งของ ชื่อสถานที่ เรียกว่า คำนามเฉพาะ คำนามทั่วไปคน เช่น boy, girl, man, student, doctor, king, father คำนามเฉพาะคน: Sam Smith, David Beckham, Barak Obama ตัวอย่างประโยคThat boy is my
friend. The dog is very big. Your car is red. My school is beautiful. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ คำนามทั่วไป กับคำนามเฉพาะ ⇒ การเปลี่ยนนามเอกพจน์ ให้เป็นพหูพจน์ 2. Pronoun (สรรพนาม)Pronoun หรือ คำสรรพนาม คือ คำสรรพนาม มีหน้าที่ใช้แทนคำนาม เพื่อเป็นการเลี่ยงการใช้คำนามเดิมๆซ้ำอีก เช่น ฉันมีนกหนึ่งตัว นกมีสีขาว นกชอบนอนกินแมสง นกชอบบิน จากประโยคด้านบ้าน คำนามก็คือ นก เราจะเห็นได้ว่า ถ้าใช้นก อย่างเดียวประโยคมันก็จะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนใหม่เป็น ฉันมีนกหนึ่งตัว มันมีสีขาว มันชอบกินแมสง มันชอบบิน มาทำความรู้จักหน้าตาของคำสรรพนามเป็นเบื้องต้นกันก่อนครับ รายละเอียดค่อยไปเรียนรู้กัน
จากตารางด้านบน เขาทำขึ้นมาเพื่อให้สะดวกในการท่องจำกัน ซึ่งช่องที่ 3 ไม่ใช่สรรพนามนะครับ เป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ ตัวอย่างประโยคI am a student. She loves him. This book is mine. I hate myself. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ Pronoun ที่ต้องเรียนรู้ 3. Adjective (คุณศัพท์)Adjective หรือคำคุณศพัท์ คือคำที่ใช้บอกลักษณะของคำนามให้รู้ว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น tall, short, small, big, beautiful, ugly ตัวอย่างประโยคI am tall. She is short. This cat is big. The flower is beautiful. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ การเปรียบเทียบขั้นกว่า ขั้นที่สุด 4. Verb (กริยา)Verb หรือคำกริยา คือคำที่ใช้แสดงการกระทำ เช่น go, come, run, walk, sleep, eat ,like คำกริยาในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็นหลายประเภทนะครับ อยู่ที่ว่าจะจับคู่แบบไหน ค่อยศึกษารายละเอียดเอาแต่ละตัวนะครับ เช่น
ตัวอย่างประโยคI go to school by car. She comes from China. This cat can run fast. Tom likes football. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ กริยาประเภทต่างๆ ⇒ กริยา 3 ช่อง ⇒ เรียนรู้เพิ่มเติมสุดยอดไวยากรณ์ ⇒ Tense ⇐ 5. Adverb (กริยาวิเศษณ์)Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์ เป็นคำไว้ขยายกริยา ไว้อธิบายการกระทำว่า ทำอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น fast, slowly, here, there, today, yesterday ตัวอย่างประโยคI can run fast. Please come here This cat is walking slowly. I went shopping yesterday. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ Adverb คืออะไร 6. Conjunction (คำสันธาน)Conjunction หรือคำสันธาน คือคำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เช่น and but or so ตัวอย่างประโยคPlease come here and sit down. I can run fast but I cannot swim fast. Do you like cats or dogs? I went shopping yesterday, so I won’t go today. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ คำเชื่อมภาษาอังกฤษ 7. Preposition (คำบุรพบท)Preposition หรือคำบุรพบท คือคำที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ของคำ เช่น in on at by from ตัวอย่างประโยคThe cat is in my room. The pen is on the table. Sam is at home. I come from Thailand. เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ Preposition คืออะไร 8. Interjection (คำอุทาน)Interjection หรือคำอุทาน คือคำที่ใช้แสดงอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ เสียใจ เช่น Hurray, Oh, Ouch, Ah, Ahem, Alas, Aha ตัวอย่างประโยคHurray! We won! Oh, too bad! Ouch! That hurt! Ah, I see. Ahem, can you hear me? เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ Interjection คืออะไร ♦ Part of speech ที่จำเป็นต้องเรียนรู้หัวข้อรองคือ 5 6 7 8 ไม่ต้องเรียนรู้เจาะลึกมากนัก เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน คล้ายภาษาไทยเลย แต่ 4 ข้อแรก ต้องศึกษาให้ละเอียดแจ่มแจ้งหน่อย เพราะกฎเกณฑ์ต่างจากภาษาไทยค่อนข้างมากทีเดียว ซึ่งหัวข้อที่ควรศึกษามีรายละเอียดดังนี้ 1. คำนาม
→ การเปลี่ยนเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคำนั้นมีพยัญชนะตัวใดลงท้าย เช่น s, sh, ch, x, o, y, f เป็นต้น เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ คำนามทั่วไป กับคำนามเฉพาะ ⇒ การเปลี่ยนนามเอกพจน์ ให้เป็นพหูพจน์ 2. สรรพนาม
เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ Pronoun ที่ต้องเรียนรู้ 3. คุณศัพท์
เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ การเปรียบเทียบขั้นกว่า ขั้นที่สุด ⇐ 4. กริยาตัวนี้คือตัวที่ยากกว่าเพื่อนหน่อยนะ ต้องพยายามพอสมควรจึงจะเรียนรู้ให้ผ่านไปได้ เพราะมันมีหลายเรื่องที่ต้องเรียนนั่นเอง
เรียนรู้เพิ่มเติม⇒ กริยาประเภทต่างๆ ⇒ กริยา 3 ช่อง ⇒ เรียนรู้เพิ่มเติมสุดยอดไวยากรณ์ ⇒ Tense part of speech สรุปแล้วก็คือคำชนิดต่างๆนั่นเอง ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้ง 8 ชนิดดังที่กล่าวมา หัวข้อไหนควรเน้น หัวข้อไหนให้เรียนผ่านๆก็ได้แนะนำให้แล้ว ขอให้สนุกกับการเรียนรู้นะครับ |