สายเเดกโปรดระวัง จะกินอะไรก็กินได้เเต่อย่ากินสิ่งที่เฟียร์ซกำลังจะบอกเหล่านี้คู่กันนะจ๊ะ มันไม่เวิร์คแน่ๆ อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างไปดูกันเลยกับ "รวมอาหารต้องห้าม 2 สองสิ่งนี้ที่ ห้ามกินคู่กัน!" Show 1. แตงโม - ไวน์ ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ การกินแตงโมกับไวน์เป็นอะไรที่อันตรายมาก ส่งผลต่อระบบย่อยและระบบการเผาผลาญ นอกจากนั้นจะทำให้น็อคค่ะ เฟียร์ซเคยมาแล้ว Knock Out ไปเลย 2. ทุเรียน - แอลกอฮอล์ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีไขมันและน้ำตาลสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูง การกินด้วยกันทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้อุณหภูมิร่างกายร้อนผิดปกติ ทุเรียนและแอลกอฮอล์จะดึงน้ำ ทำให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรง สมองจะเสียน้ำ ระดับเกลือแร่ผิดปกติ ทำให้หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน อาจร้านแรงถึงขึ้นหมดสติหรือเสียชีวิตได้เลย อันตรายมากๆเลยค่ะ 3. ทุเรียน - ลำไย เป็นผลไม้พลังงานและน้ำตาลสูงปรี๊ดกันทั้งคู่ กินทุเรียนอย่างเดียวว่าร้อนในแล้ว แต่ถ้าจัดทุเรียนพร้อมลำไย เตรียมตัวไข้ขึ้นได้เลยค่ะ กินด้วยกันแล้วทำให้ระดับความร้อนในร่างกายพุ่งสูง 4. กล้วย - เผือก ทั้งกล้วยและเผือกเป็นผักผลไม้ที่ให้พลังงานสูง มีทั้งคาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ และน้ำตาลสูงทั้งคู่ หลายๆคนกินกล้วยเพื่อให้อยู่ท้อง และเผือกก็กินแล้วหนักกระเพาะไม่เบา ถ้าเอามากินด้วยกันอาจจะทำให้ท้องอืดได้ 5. ยา - ชา
ไม่ควรกินยากับชา กาแฟ เพราะจะทำให้ยาดูดซึมได้ลดลง ร่างกายจะได้รับยาไม่เต็มที่ และอีกอย่างคือชากับกาแฟมีคาเฟอีน ยิ่งไม่ควรกินกับยาเข้าไปใหญ่ค่ะ น้ำผลไม้ก็ไม่ควรนะคะ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดจะเสริมผลข้างเคียงของยาให้รุนแรงมากขึ้น นมก็มีผลต่อการดูดซึมยา ยิ่งแอลกอฮอล์นี่ยิ่งแล้วใหญ่อันตรายถึงตายเลยนะคะ ทางที่ดีดื่มกับน้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ รู้กันไปครบเเล้วก็อย่าเผลอไปกินพวกมันด้วยกันละ ถึงจะอร่อยเเต่ระวังงานจะกร่อยเอานะจ๊ะ กินคู่กับอย่างอื่นไปก่อนละกันเนอะสายเเดกทั้งหลายยย ภาพประกอบ : Alleforr Tags : Lifestyle อาหาร อาหารที่ห้ามกินคู่กัน อาหารที่ห้ามกินด้วยกัน อาหาร สุขภาพ อาหารไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาหารทำลายสุขภาพ บทความที่คุณอาจสนใจ7 อาหารลดความอ้วนที่กินผิดชีวิตเปลี่ยน (อ้วนกว่าเดิม) 8 อาหารลดน้ำหนักตัวตายตัวแทน อร่อยแทนกันได้แถมไม่อ้วน! 6 เหตุผลที่คุณจะตัดสินใจมา''เล่นเวท''! 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับน้ำเปล่า ยิ่งดื่ม ยิ่งดี การันตีว่าต้องดื่ม 8 Snack ที่กินแล้วไม่อ้วน (อยากผอมต้องดู!) อาหารที่ห้ามกินคู่กันตามที่ฟอร์เวิร์ดเมลส่งต่อกันกระจายมานานหลายปีแล้ว ถึงวันนี้ก็ยังมีคนส่งต่อกันอยู่ แล้วความจริงคืออะไรกันแน่ คุณรู้หรือยัง ?
เราคงเคยได้รับข้อมูลเรื่องสุขภาพที่แชร์กันมานานว่า "อาหารต่อไปนี้ห้ามกินคู่กัน" โดยอ้างว่าจะทำให้ความไม่สบายบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งล่าสุดมีอาหารที่ถูกจับคู่แล้วเขียนตัวโต ๆ ว่าห้ามกินพร้อมกันมากถึง 22 คู่ แล้วความจริงคืออะไรกันแน่ ข้อมูลที่ว่านั้นเชื่อถือได้แค่ไหน ต้องให้ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยไขคำตอบดังที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant โดยอาจารย์เจษฎาก็ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่เวอร์ชั่นอาหาร 10 อย่างที่ห้ามกินคู่กัน เพิ่มไปจนถึง 22 อย่างดังที่เห็นแชร์กันมาก ๆ ซึ่งอาจารย์ก็เคยโพสต์อธิบายไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า "มั่ว" เพราะถึงจะทานคู่กันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น จึงขอโพสต์อธิบายอีกครั้ง พร้อมยกคำอธิบายของ คุณ Darth Prin เคยโพสต์ไว้ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตั้งแต่เมื่อปี 2553 มาย้อนให้ดูด้วย ว่าอาหารที่ห้ามกินคู่กันนั้นเป็นเรื่องมั่วนิ่มแน่นอน ดังนี้ 1. เหล้าขาวกับลูกพลับ : ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นพิษ ไม่จริง 2. หัวไช้เท้ากับเห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว : ห้ามรับประทานด้วยกัน จะเป็นโรคผิวหนัง ไม่จริง เพราะโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อโรค หรือเป็นจากพันธุกรรม ไม่ใช่กินอาหารแล้วจะเกิดขึ้นมาเองได้ หรือกรณีเกิดอาการทางผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ ก็ไม่ใช่ว่าการกินหัวไช้เท้ากับเห็ดหูหนูด้วยกันแล้วจะแพ้ เพราะอาการแพ้นั้นเป็นเฉพาะคน 3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง : ห้ามรับประทานด้วยกันจะทำให้หูหนวก ไม่จริง สามารถนำเต้าหู้และน้ำผึ้งมาปรุงเป็นอาหารได้ อย่างเช่นเมนูผัดเต้าหู้ซอสน้ำผึ้งมัสตาร์ด 4. มันฝรั่งกับกล้วยทุกชนิด : ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้หน้าเป็นฝ้า ไม่จริง เพราะฝ้านั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด ฮอร์โมน ยา เครื่องสำอาง พันธุกรรม ทุพโภชนาการ ขณะที่มันฝรั่งกับกล้วยก็ไม่มีการทำปฏิกิริยาแน่นอน 5. กล้วยกับเผือก : ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้ท้องอืด จริงเป็นบางส่วน เพราะกล้วยและเผือกต่างเป็นแป้งทั้งคู่ จึงใช้เวลาในการย่อย อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดจากอาหารไม่ย่อยได้ แต่ถึงเราจะไม่กินกล้วยกับเผือก ทำเพียงแค่ดื่มน้ำมาก ๆ ก็ทำให้ท้องอืดได้เหมือนกัน สรุปคือไม่ว่าจะทานอะไรให้กินแต่พอดี 6. ถั่วลิสงกับฟักทอง : ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้ทำร้ายร่างกายและลำไส้อักเสบ ไม่จริง 7. มันเทศกับลูกพลับ : ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร ไม่จริง ในกระเพาะอาหารไม่สามารถเกิดนิ่วได้ เพราะในกระเพาะมีความเป็นกรดสูง จึงมีความสามารถละลายแคลเซียมได้สูงด้วย นอกจากนี้ ในทางกายภาพ กระเพาะอาหารจะมีช่องใหญ่ต่อเนื่องไปสู่ลำไส้ หากเกิดนิ่วขึ้นมา หรือกลืนเม็ดมะขามหรือเม็ดอะไรลงไป สิ่งนั้นสามารถหลุดออกมากับอุจจาระได้อย่างแน่นอน 8. มันฝรั่งกับลูกพลับ : ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ ไม่จริง โดยนิ่วเป็นก้อนผลึกของธาตุจำพวกแคลเซียม แมกนีเซียม กรดยูริก การจะเกิดนิ่วต้องประกอบกับดื่มน้ำน้อย หรือเสียเหงื่อมาก หรือการอักเสบ นอกจากนี้การดื่มน้ำกระด้างก็ไม่ได้ทำให้เกิดนิ่วในร่างกายด้วย 9. หัวไช้เท้ากับผลไม้ทุกชนิด : ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เกิดคอพอก ไม่จริง โรคคอพอกเกิดจากการขาดไอโอดีน หรือได้รับไอโอดีนน้อยเกินไปเป็นเวลานาน ไม่ใช่ว่ารับประทานอาหารบางอย่างเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดโรคคอพอกได้ 10. น้ำเต้าหู้ นมสด ห้ามใส่ไข่ : เพราะจะทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตีบ ไม่จริง นี่เป็นเพียงคำแนะนำของผู้ที่มีปัญหาภาวะคอเลสเตอรอลสูง แล้วก็ไม่ใช่ว่ากินแล้วจะทำให้ท้องผูกปั๊บ หรือเส้นเลือดในสมองตีบทันที นอกจากนี้ หากใครกินแต่โปรตีน ไม่กินใยอาหารเลย ก็ท้องผูกได้เหมือนกัน 11. ผักปวยเล้ง กับเต้าหู้ : ห้ามกินด้วยกัน จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง ไม่จริงเช่นกัน เพราะนิ่วไม่ได้เกิดจากการกินอาหาร นอกจากนี้ คำว่านิ่วที่ไขสันหลังที่ว่านั้น จริง ๆ แล้วถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือ "โรคหินปูนเกาะที่กระดูกสันหลัง" (Osteophyte) ซึ่งเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุ จากการที่ร่างกายพยายามจะค้ำจุนเนื้อเยื่อโครงสร้างที่ฉีกขาดไป และก็อาจก่อปัญหาได้ถ้าไปเกาะที่ตัวเส้นประสาท 12. กล้วย มะละกอ แตงโม : ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน ไม่จริง เพราะปัจจัยหนึ่งของโรคเบาหวานเกิดจากพันธุกรรรม ส่วนที่บอกว่าจะเป็นโรคไตนั้น เป็นคำมั่วที่กว้างเกินไป 13. ส้มกับมะนาว : ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้กระเพาะทะลุ ไม่จริง โดยกรดในกระเพาะอาหารมีค่า pH ประมาณ 1.6-2.5 ส่วนมะนาวมีค่า pH ประมาณ 2.4 แต่การที่กินร่วมกับผลไม้รสเปรี้ยวแล้วจะทำให้ค่า pH มากขึ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ 14. เหล้าขาวกับเบียร์ : ห้ามดื่มด้วยกัน จะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ไม่จริง การดื่มเหล้าขาวกับเบียร์ไม่ได้ส่งผลให้เพิ่มโอกาสการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกมากขนาดนั้น แต่การดื่มร่วมกัน จะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างอื่นมากขึ้น 15. ปลาทุกชนิด ห้ามต้มกับผักกาดดอง : เพราะจะทำให้เป็นโรคมะเร็ง ไม่จริง เพราะอย่างชาวเกาหลีก็กินปลากับกิมจิเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเกิดโรคมะเร็ง 16. ขิงดอง ห้ามเข้าตู้เย็น : กินแล้วจะเป็นโรคมะเร็ง ไม่จริง โรคมะเร็งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ และถูกกระตุ้นได้ด้วยสารที่มีการระคายเคือง หรือการระคายเคืองด้วยความร้อนเสียดสีบ่อย ๆ หรือกินของร้อนบ่อย ๆ หากจะกลัวให้กลัวเรื่องการดื่มชาร้อน ๆ จะดีกว่า 17. น้ำเต้าหู้ ห้ามใส่น้ำตาลแดง : จะทำให้เสียวิตามิน ไม่จริง น้ำตาลแดงก็คือน้ำตาลอยู่ดี เพียงแค่ไม่ได้สกัดเอาสีของวัตถุดิบออกหมดเท่านั้นเอง ดังนั้นสามารถเติมในน้ำเต้าหู้ได้ ไม่ได้ทำให้วิตามินบีที่อยู่ในเต้าหู้หายไปไหน 18. น้ำข้าว ห้ามใส่กับนม : จะทำให้เสียวิตามิน ไม่จริง เพราะอย่างเด็กทารกก็ดื่มนม ดื่มน้ำข้าว เพื่อรับสารอาหาร ถ้าหากนมมีปฏิกิริยาทำลายวิตามินบีในน้ำข้าว แล้วเด็กทารกจะโตมาได้อย่างไร 19. น้ำผึ้ง ห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อน : จะทำให้เสียวิตามิน จริง ! เพราะความร้อนสามารถทำลายวิตามินได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลายจนหมด เพราะจริง ๆ ยังเหลือวิตามินอยู่อีกไม่น้อย 20. บวบ ซือกวย ไช้เท้า ห้ามรับประทานวันเดียวกัน : จะทำให้เป็นเบาหวาน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง ไม่จริง อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้าแล้วว่า เบาหวานเกิดได้จากพันธุกรรม ขณะที่หัวไช้เท้าจริง ๆ แล้วเป็นพืชที่มีสรรพคุณช่วยโด๊ปด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำให้เชื้ออสุจิไม่แข็งแรง ดังนั้นข้อมูลนี้จึงมั่ว 21. มังคุดกับน้ำตาล : กินร่วมกันจะทำให้เสียชีวิต ไม่จริง เพียงแค่กินด้วยกันแล้วไม่อร่อย เพราะหวานเกินไป แค่ในมังคุดก็มีน้ำตาลอยู่มากแล้ว 22. ห้ามกินทุเรียนกับน้ำอัดลม : เสี่ยงเสียชีวิตได้ ข้อมูลเรื่องทุเรียนกับน้ำอัดลมยังไม่มีคำยืนยันแน่ชัด แต่หากเป็นเรื่องห้ามกินทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อนี้เป็นจริง โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เคยให้ข้อมูลว่า ไม่ควรกิน 2 อย่างนี้ร่วมกัน เพราะทุเรียนมีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตสูง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูง เมื่อกินทุเรียนร่วมกับดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการย่อยสลายน้ำตาลที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ
ที่กล้ามเนื้อและไขมันเพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นไขมันและไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ เมื่อกินทุเรียนกับแอลกอฮอล์เข้าไปแล้วจะรู้สึกตัวร้อนไม่สบายตัว แต่ถ้ากินมากแล้วเมาหลับไปร่างกายจะขาดน้ำอย่างรุนแรง เมื่อถึงจุดหนึ่งสมองจะเสียน้ำมาก ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ สมองทำงานไม่ดี การเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหน้าร้อนวูบวาบ สั่น ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ หากหมดสติและนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ไม่ควรกินทุเรียนคู่กับลำไย เพราะในลำไยมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูงและด้วยความที่มีน้ำตาลมากจึงให้พลังงานมากขึ้นด้วย เมื่อกินมากเกินไปจึงทำให้เกิดอาการร้อนในได้ สรุปได้ว่าทั้ง 22 ข้อนี้ มีข้อที่เป็นความจริงอยู่น้อยมาก เช่นนั้นแล้วเมื่อรับข้อความใด ๆ จากทางโซเชียล ก็คงต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนเชื่อถือ ยิ่งเป็นเรื่องสุขภาพยิ่งต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า * หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ขอขอบคุณข้อมูลจาก -
คุณ Darth Prin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อะไรที่กินกับเหล้าไม่ได้รู้ไว้ไม่ตาย!! 9 คู่อาหารที่ห้ามกินพร้อมกัน ส่งผลร้ายอันตรายกว่าที่คิด!!. แอลกอฮอล์ กับ ทุเรียน จะทำให้เกิดอาการร้อนใน ... . แอลกอฮอล์ กับ อาหารรสเผ็ด จะทำให้ภูมิแพ้กำเริบหรือความดันสูง ... . เหล้า กับ มัสตาร์ด จะทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง ... . อาหารประเภททอด กับ แตงโม อาจทำให้ท้องเสีย ... . ปู กับ ลูกพลับ อาจทำให้ท้องเสีย. กินเหล้าแล้วกินแตงโมได้ไหมในช่วงฤดูร้อนคนญี่ปุ่นมักจัดกิจกรรมเล่มเกมตีแตงโมง จากนั้นจึงนำแตงโมมารับประทานพร้อมกับดื่มเบียร์ไปด้วย เบียร์กับแตงโมเป็นคู่ที่ไม่ดีต่อร่างกาย เนื่องจากแตงโมมีโพแทสเซียมสูงซึ่งมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ เช่นเดียวกันกับเบียร์ที่มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะที่สูง การรับประทานแตงโมพร้อมกับดื่มเบียร์จะไปเสริมฤทธิ์การขับปัสสาวะ ...
กินปูห้ามกินอะไรเพราะปูมีคุณสมบัติทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเย็นลง เมื่อรับประทานปูพร้อมกับน้ำแข็งไส หรือไอศกรีม ซึ่งการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นทั้งคู่ จะทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเย็นลง จึงอาจจะทำให้เราเกิดอาการมวลท้อง ถ่ายเหลว ท้องเสียได้ ยิ่งในผู้ที่มีธาตุอ่อน หรือมีอาหารท้องเสียได้ง่าย ยิ่งควรหลีกเลี่ยงการทานปูและไอศกรีมคู่กัน
ห้าม กิน อะไร ก่อน กิน เหล้า5 อาหาร ห้ามทานก่อนดื่ม! ถ้าอยากแฮงค์เอ้าท์ แต่ไม่อยากเมาแฮงค์!!. สลัดผัก. ไก่ทอด. เฟรนช์ฟราย. ป๊อปคอร์น หรือ ขนมกรุบกรอบรสเค็ม. |