เรื่องสำคัญที่บุตรบุญธรรมและผู้รับบุตรบุญธรรมต้องรู้ Published by law_admin on 19/02/202219/02/2022 Show
เรื่องสำคัญที่บุตรบุญธรรมและผู้รับบุตรบุญธรรมต้องรู้ !
เรื่องนี้ เหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของใครหลายๆคนมาก อย่างเช่น ตัวของทนายความผู้เขียนเอง ก็เป็นลูกบุญธรรมของป้าเช่นกัน และผู้เขียนก็เชื่อว่าในปัจจุบันนี้ หลายๆครอบครัวก็แต่งงานกันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกเนื่องจากแต่งงานตอนอายุมากแล้ว ดังนั้น การรับบุตรบุญธรรมก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งกฎหมายก็ได้กำหนดเงื่อนไขของการรับบุตรบุญธรรมเอาไว้ โดยคนที่จะรับผู้อื่นเป็นบุตรบุญธรรมได้นั้น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุมากกว่าคนที่จะมาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี ยกตัวอย่าง เช่น นางสาวอั้มซึ่งมีอายุ 25 ปีบริบูรณ์ ต้องการรับเด็กซักคนเป็นบุตรบุญธรรม เด็กคนนั้นก็ต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี นางสาวอั้มจึงจะมีสิทธิรับเป็นบุตรบุญธรรมได้ และถ้าผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส ก็ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน เว้นแต่ คู่สมรสไม่สามารถให้ความยินยอมได้ เช่น เป็นคนวิกลจริต หรือไปจากที่อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ก็ต้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตแทน การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย ซึ่งสามารถจดได้ที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ และจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม (กรณีมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์) หรือบิดา มารดาของผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม (กรณีอายุต่ำกว่า 15 ปี) ซึ่งที่กล่าวไปนั้นเป็นเพียงรายละเอียดคร่าว ๆ ของการรับบุตรบุญธรรม ส่วนเรื่องที่ทนายผู้เขียนตั้งใจจะนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านในบทความนี้นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างบุตรบุญธรรมและผู้รับบุตรบุญธรรม เนื่องจากว่า ตามกฎหมายนั้นได้กำหนดให้คนที่เป็นบุตรบุญธรรมนั้น มีฐานะอย่างเดียวกับลูกแท้ ๆ ของผู้รับบุตรบุญธรรม ดังนั้น เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมถึงแก่ความตาย บุตรบุญธรรมจึงมีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง นอกจากนั้น บุตรบุญธรรมยังคงมีสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวที่ตนได้กำเนิดมา เช่น มีสิทธิได้รับมรดกของพ่อแม่ที่แท้จริง หรือมีหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ให้กำเนิดอยู่ แต่ในทางกลับกัน การรับบุตรบุญธรรมนั้น ไม่ได้ทำให้ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมแต่อย่างใด กล่าวคือ หากบุตรบุญธรรมทำงานมีฐานะหรือมีทรัพย์สินขึ้นมาก และเกิดเสียชีวิตก่อนผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมก็จะไม่ได้รับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมเลย อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีช่องทางของกฎหมายอยู่บ้าง คือ หากบุตรบุญธรรมต้องการให้พ่อหรือแม่บุญธรรมของตนได้รับมรดก ก็สามารถทำพินัยกรรมยกให้กับผู้รับบุตรบุญธรรมได้ . สถิตย์ อินตา ทนายความ 083-5681148 ติดตามข่าวสารของเราทาง Facebook : สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา ติดต่อเราได้ที่ : สำนักกฎหมายนำชัยพรมทา, กฎหมาย, นำชัยพรมทา, บทความกฎหมาย, คลังความรู้กฎหมาย, ปรึกษากฎหมายฟรี, ปรึกษาด้านกฎหมาย, จ้างทนายความ ความรักความเอ็นดูของผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีต่อบุตรหลานบุคคลอื่น บางครั้งก็อยากให้บุตรหลานผู้อื่นมาเป็นบุตรของตน เมื่ออยากรับบุคคลใดมาเป็นบุตรบุญธรรม ก็ต้องทำให้ครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายดังนั้นจะรับบุตรบุญธรรมได้โดยสมบูรณ์ ต้องทำอย่างไรบ้างมีหลักพิจารณาดังนี้
เมื่อการรับบุตรบุญธรรมสมบูรณ์แล้ว จะเกิดผลดังนี้1.บุตรบุญธรรมมีฐานะเดียวกันกับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรม2.บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครอง บุตรบุญธรรมมีสิทธิใช้นามสกุลของผู้รับบุตรบุญธรรมได้3.บุตรบุญธรรมมีสิทธิได้รับการอุปการะจากผู้รับบุตรบุญธรรมในระหว่างที่ตนเป็นผู้เยาว์ แต่ก็ไม่สูญสิทธิและหน้าที่ต่อบิดามารดาโดยกำเนิดของตน4. บุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม แต่ผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรมนะครับปรีกษาทนายความโจ ฟรี
|