#เที่ยวญี่ปุ่น 🇯🇵🇯🇵🇯🇵 ทั้งทีต้องใช้ TRUE TRAVEL SIM JAPAN ซิมโรมมิ่งที่ดีที่สุด เพิ่มเน็ตให้เป็น 12GB ใช้งานได้ 10 วัน ราคา 399 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษดีดีอีกเพียบ! ✨✨✨ #True5G #TRUETRAVELSIM Show
เที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากเล่นเน็ตแบบไม่สะดุด เช็กอินอวดได้ไม่ขาดตอน แต่ก็ยังลังเลว่าจะเช่า Pocket Wi-Fi หรือซื้อ SIM ดี วันนี้ Wongnai มีคำตอบมาให้แล้ว! นอกจากจะกลุ้มใจกับเรตเงินก่อนไปเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คิดว่าทุกคนจะลังเลคือเช่า Pocket Wi-Fi หรือซื้อ SIM ดี เพราะไปเที่ยวทั้งทีก็อยากโพสต์เรียลไทม์แต่ทำยังไงให้เน็ตไม่สะดุด เช็กอินอวดได้ไม่ขาดตอน ถ้าไม่นับคนที่ไปญี่ปุ่นแทบทุกเดือนแบบปุ้ย (อุ๊ย อย่าเพิ่งอิจฉาค่ะ นี่ไปทำงานล้วนๆ เห็นแค่พระอาทิตย์ตอนตื่นนอน วิวที่เห็นมีแค่รถไฟ สูทดำ ควันบุหรี่และพระจันทร์ (-_-;) ) และไปเที่ยวเองหลายครั้ง ก็จะมาแชร์ประสบการณ์การเลือกใช้ค่ะ การเลือกใช้SIM หรือ Pocket Wi-Fi จริง ๆ ถ้าพูดถึงเรื่องราคาแทบจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่แล้วเพราะตอนนี้ คนไทยเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันพอ ๆ กับไปช้อปปิ้งที่สยาม หรือเที่ยวธรรมชาติที่เขาใหญ่ ทำให้หลายบริษัทมีความแข่งขันกันเรื่องของราคา ออกโปรโมชั่นกันแบบไม่ต้องรอเทศกาล ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราสบาย เลือกใช้ได้ตามที่ที่จะไปเที่ยวได้เลยค่ะ ก่อนอื่นมาดูการเลือกใช้กันดีกว่า ว่าแบบไหนเหมาะกับทริปตะลุยแดนปลาดิบของเรากัน เที่ยวตามจริตส่วนตัวลักษณะ : เป้าหมายที่ไปเหมือนกันบ้าง แต่ไม่ได้ตัวติดกันตลอด แยกย้ายกันตามจริต ตามสถานที่ที่ชอบ หรือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง บางครั้งในจังหวัดเดียวกัน บางคนชอบช้อปปิ้ง บางคนชอบธรรมชาติ บางคนชอบประวัติศาสตร์ พอรสนิยม (จริต) ส่วนตัวแตกต่าง เราอยากได้ความคล่องตัวในการติดต่อกัน ไม่จำเป็นต้องเน็ตแรง เร็วเฟี้ยวฟ้าวติดจรวด ปุ้ยแนะนำให้ใช้ SIM ค่ะ SIM ถ้าซื้อจากที่ไทยก็มีของ SIM2Fly จาก AIS และของ True ปุ้ยว่าสะดวกพอกันนะคะ เที่ยวกันเป็นกลุ่มลักษณะ : จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน พวกเราจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะกลับไทย แบบนี้ปุ้ยแนะนำ Pocket Wi-Fi เพราะแชร์สัญญาณเน็ตกันได้หลายคน เน็ตแรง สัญญาณไม่ตก ราคาค่าเช่าหารกันแล้วถูกกว่าแยกกันซื้อ SIM ถ้าเห็น A ซังเช็กอิน ทุกคนจะเห็น B, C และ D ซัง เช็กอินที่เดียวกันพร้อม ๆ กัน หรือจะให้ใครเป็นตัวแทนโพสต์ก็ได้ถ้าขี้เกียจ เพราะอยู่กันครบทุกคน อิอิ ข้อเสียคืออะไร? แบตเตอรี่ค่ะ!! เวลาแบตใกล้หมด พาวเวอร์แบงก์ก็ต้องเอาไป แต่ถ้าไปกันหลายคน สลับกันถือก็ได้ไม่เป็นไร แบ่ง ๆ กันหนักกระเป๋าบ้าง เพราะอย่างปุ้ยเที่ยวคนเดียว แถมมีทั้งกล้องดิจิทัล กล้องฟิล์ม โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงก์ และ Pocket Wi-Fi อีก โอ้โห หนักมากค่ะ ทิ้งไม่ได้สักอย่าง (✱°⌂°✱) ถ้าปุ้ยไปคนเดียวจะไม่เลือก Pocket Wi-Fi แต่ถ้าใครไม่เกี่ยงเรื่องน้ำหนัก และอยากได้สัญญาณเร็วแรงถึงใจ ก็ไปที่ Pocket Wi-Fi ได้เลยค่ะ เช่า-ซื้อได้ที่ไหน ?Pocket Wi-Fiสำหรับการใช้บริการ ถ้าเป็น 4g Pocket Wi-Fi ก็เลือกใช้ตามโปรโมชั่นของแต่ละบริษัท เสิร์ชคำว่า “เช่า Pocket Wi-Fi ญี่ปุ่น” ก็จะมีหลายเจ้ามาให้เทียบราคา และการรับ ส่ง คืน เครื่องได้ อย่างปุ้ยจะชอบใช้ของบริษัทที่สามารถรับและคืนเครื่องได้ที่สนามบิน เพราะสะดวก แจ้งแค่วันที่เราบิน สถานที่ที่จะไป (เผื่อเกิดไปย่านชนบท ลุยป่า ขึ้นเขา ทางบริษัทที่เช่าจะได้แนะนำเครื่องที่เหมาะสมกับเราได้ด้วย ) นอกนั้นก็จะมีเรื่องของประกัน ซึ่งปุ้ยไม่เคยซื้อเพราะพอเกิดปัญหาก็ใช้ Wi-Fi ฟรีของสนามบิน แล้วติดต่อเอเจนต์ของแต่ละบริษัทที่อยู่ด้านหลังเครื่อง ให้เขาจัดการปัญหาเรื่องสัญญาณให้เราได้ พอเที่ยวเสร็จกลับมาก็คืนที่สนามบินเหมือนเดิม SIMส่วน SIM หาซื้อได้ตามศูนย์ให้บริการทั่วไปได้ค่ะ พอถึงก็แค่เปลี่ยน SIM เปิดใช้งาน จบขั้นตอน ทั้งง่ายและสะดวก แต่อย่าคาดหวังเรื่องความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ (ขอย้ำอีกที) จะได้ไม่เซ็ง เวลาสัญญาณช้า แฮร่ ก่อนจะจบการรีวิว ปุ้ยก็มีตัวอย่างบริษัทเช่า Pocket Wi-Fi กับ เครือข่าย SIM ที่น่าสนใจมาฝากไว้เล็กน้อยค่ะ หากคุณกำลังมองหาแนวทางในการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คุณไม่ต้องกังวลเพราะเราได้รวบรวม 30 วิธีที่จะช่วยให้คุณเตรียมของ แอพ มารยาท และเน็ต ไว้ให้ได้อย่างสะดวกเพื่อให้คุณเที่ยวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ญี่ปุ่นจัดเป็นที่เที่ยว dream destination ของใครหลายคน ทั้งบ้านเมืองที่สวยงาม ธรรมชาติที่น่าสัมผัส ความครีเอทีฟของมหานครโตเกียว อาหารขึ้นชื่อจากแหล่ง หรือแม้แต่วิถีชีวิตและลักษณะนิสัยอันไม่เหมือนใครของชาวญี่ปุ่น ก็ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันไว้ว่าจะต้องมาสัมผัสดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใครในโลกนี้เลย จึงมีหลายอย่างที่เราอยากแชร์ประสบการณ์หลังจากได้ไปสัมผัสมาแล้วให้คนที่สนใจจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้เตรียมพร้อมก่อนไป มีอะไรน่าจะเตรียมตัวบ้าง ลองไปดูกันเลย ของที่ต้องเตรียมเมื่อเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง1. ปลั้กพ่วง ได้ใช้แน่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมักมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น การมีปลั้กพ่วงไปเที่ยวญี่ปุ่นจะช่วยอำนวยความสะดวกแต่ละคืนที่เราจำเป็นต้องชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงแรม ลองคำนวนจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องชาร์จในแต่ละคืน เช่น 1. มือถือ 2. Power Bank 3. แบตเตอรี่กล้อง ฯลฯ ว่าทั้งหมดมีกี่เครื่อง จะได้เสียบแล้วนอนไปเลยไม่ต้องรอสลับ เลือกปลั้กพ่วงที่น้ำหนักเบาจะได้ไม่เป็นภาระมากนักเมื่อต้องเดินย้ายที่พัก และสายไฟยาวสัก 3 เมตร เผื่อกรณีปลั้กไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เราจะชาร์จ 2. หัวแปลงปลั๊กหัวแปลงแบบ 3 ขาเป็น 2 ขา เพราะที่ญี่ปุ่นใช้ไฟฟ้า 100v กำลังต่ำจึงไม่ต้องมีสายดิน ทำแบบนั้นได้เพราะลงทุนจุดจั้มกระแสไฟเยอะ ต่างจากบ้านเราที่ใช้ไฟ 220v เพื่อให้ส่งไฟฟ้าไปได้ไกลๆ ญี่ปุ่นเลยใช้ช่องเสียบปลั้กส่วนใหญ่เป็นแบบแบน 2 รู (แบบไม่มีสายดิน) ซึ่งตรงกันข้ามกับปลั้กไฟของไทยรุ่นใหม่หลายชิ้นที่เป็นแบบ 3 ขา สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเราเลยแนะนำให้คุณพกหัวแปลงไปด้วย และถ้าเกิดเอาปลั้กพ่วงไป ใช้แปลงแค่ปลั้กพ่วงอันเดียวก็จบแล้ว ที่เหลือก็มาเสียบที่ปลั้กพ่วงได้โดยไม่ต้องแปลง สะดวกดี 3. รองเท้าดี เดินไกลกว่าใครเขาเมื่อเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง “การเดิน” จัดเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากคุณได้รองเท้าผ้าใบดีๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าได้จะดีมาก หรือดีกว่านั้นถ้าเป็นรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบา รองเท้าดีๆ จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงและเที่ยวได้เยอะขึ้นอีก เทคโนโลยีรองเท้าผ้าใบจะได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าก็ตอนเดินเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนี่แหละ 4. ไม่อยากเหม็น พกถุงเท้าพอดีวันด้วยความที่การเที่ยวญี่ปุ่นต้องเดินเยอะมาก การเสียดสีของเท้ากับรองเท้าก็เยอะตามมา ถ้าใครเป็นคนที่มีกลิ่นเท้าก็จะยิ่งเหม็นมากเพราะการใช้งานหนัก เราจึงแนะนำให้คุณเตรียมถุงเท้ามาเปลี่ยนใหม่ทุกวันดีกว่าใส่ซ้ำ เพราะถุงเท้าที่ไทยราคาถูกกว่าที่ญี่ปุ่น ยกเว้นพวกถุงเท้าแบรนด์เนมแบบ Nike, Adidas ก็ราคาพอกัน สรุปว่า เตรียมจากไทยดีกว่า 5. ไม่ใช่แค่หนาวชิลๆ พกกันหนาวให้พร้อมลองเช็คพยากรณ์อากาศถึงสภาพอากาศช่วงนั้น ถ้าอุณหภูมิต่ำว่า 7 องศา ควรเตรียมอุปกรณ์กันลมหนาวมาด้วย ไม่งั้นความหนาวจะไม่ใช่แค่ชิลๆ แต่อาจจะเย็นจนทรมานและเที่ยวญี่ปุ่นไม่สนุกเลย ต้องการตรวจสอบสภาพอากาศ: accuweather.com หรือเสิร์ช Google 6. Power Bankการมาเที่ยวญี่ปุ่นยุคนี้มือถือช่วยได้มหาศาล แต่แบตเตอรี่ส่วนใหญ่อาจอยู่ไม่ถึงวัน ยิ่งถ้าใช้เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็หมดก่อนแน่ ดังนั้น Power Bank จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ชอบรุ่นไหนก็ตามสบาย แต่ควรดูที่มีจำนวนแอมป์กำกับบนก้อนเพื่อผ่านสนามบิน (สุ่มตรวจ) ที่มีความจุเยอะแต่ไม่หนักเกิน เพราะต้องพกเดินไปด้วยทั้งวัน และอย่าลืมสายชาร์จ Power Bank และ สายชาร์จโทรศัพท์มือถือ แอพมือถือช่วยเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นในยุค 4G แบบนี้ ต้องรู้จักใช้มือถือช่วยให้เป็น สำหรับคนที่จะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้มือถือช่วยให้เที่ยวง่ายและสนุกมากขึ้น 7. ใช้แอพ Google Mapsสำหรับการเที่ยวที่ญี่ปุ่นนี่ไม่มีแอพแผนที่อะไรจะดีงามเท่า Google Maps อีกแล้ว เพราะแอพนี้ช่วยชีวิตได้เยอะมาก วางแผนการท่องเที่ยว หาสายรถไฟ หาทางเดิน แถวนี้มีอะไรกิน ช่วงนี้มีอะไรน่าเที่ยว เพื่อนฉันอยู่ไหน? Share Location 8. ใช้แอพ Foursquareแม้คุณจะหาของกินได้จาก Google Maps ได้แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า Foursquare เป็นแอปพลิเคชันที่คนนานาชาตินิยมใช้มากกก มีรีวิวสถานที่มากกว่า Google Maps เสียอีก เราจึงอยากแนะนำให้ใช้ Foursquare เพื่อหาข้อมูลร้านและสถานที่ ควรพอเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เทคนิคการใช้ Foursquare เที่ยวญี่ปุ่น
9. ใช้แอพ Google Tripsอยากรู้ว่าเที่ยวญี่ปุ่นไปไหนดีแอพนี้เป็นไกด์ได้ ว่าจะไปเที่ยวไหนดี เหมาะสำหรับความชอบคนหลายรูปแบบอย่าง Tokyo จะมีหลายประเภท เช่น
10. ใช้แอพ Google Translateแอพแปลภาษาที่แม่ค้าญี่ปุ่นก็ใช้คุยกับนักท่องเที่ยวเช่นกัน ไม่เฉพาะคนไทยที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ คนญี่ปุ่นก็เช่นกัน ดังนั้นทั่วประเทศญี่ปุ่นแม้จะมีป้ายภาษาอังกฤษด้วยแต่ก็ใช้ภาษาญี่ปุ่นกันเป็นภาษาหลัก คนพูดญี่ปุ่นได้ก็แล้วไป แต่ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล ด้วยแอปพลิเคชันนี้ จะช่วยให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองและมั่วซั่วภาษาไปได้ราวกับเป็นเพื่อนชาติเดียวกันเลย Google Translate จะเป็นอีกหนึ่งแอพที่ช่วยเหลือคนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้มาก เพราะนอกจากพิมพ์ให้แปลแล้ว ยังสามารถ พูดใส่ไมค์ให้แปล และถ่ายรูปให้แปลได้อีกด้วย ความเทพขึ้นมาอีกขั้นก็คือ ถ้าหากต่อเน็ตเร็วๆ แอพนี้จะสามารถแปลภาพที่เล็งด้วยกล้องถ่ายรูปอยู่ได้แบบ real-time เลย Tip: ถ้าเกิดคุณชำนาญภาษาอังกฤษพอใช้ได้ ให้แปลจาก Japanese -> English จะค่อนข้างแม่นยำมากกว่าแปลเป็นไทยในบางจังหวะ 11. แอปพลิเคชันอื่นๆ ที่อาจช่วยคุณได้
12. ถ้าใช้ iPhone ให้ Siri ช่วยเป็นเลขา
13. เที่ยวญี่ปุ่นใช้อินเตอร์เน็ตมือถืออะไรดี?ข้อข้างบนจะเห็นได้ชัดว่าสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้น มือถือ สามารถช่วยได้มหาศาล แต่ถ้าหากจะใช้มือถือเที่ยวญี่ปุ่น คุณต้องมั่นใจใน 2 อย่างที่จะพลาดไม่ได้ นั่นคือ แบตต้องไม่หมด (พก power bank เตรียมไว้) อินเตอร์เน็ตต้องเร็วและเพียงพอ ทางเลือกอินเตอร์เน็ตและ 4G ที่ญี่ปุ่นจึงมีทางเลือกดังนี้
ต่อเน็ตวิธีที่1: ใช้ 4G แบบโรมมิ่งจากไทยสำหรับการใช้ data roaming เมื่อก่อนจะมีแพ็กเกจที่เล็ก และเมื่อเกินแพ็กเกจจะมีอาการที่เรียกกันว่าเน็ตรั่ว ซึ่งอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ในปัจจุบัน 4G Data Roaming ก็มีโปรแบบเหมาอยู่ที่เริ่มต้นวันละ 280-299 บาท ข้อสังเกต: การใช้ 4G Roaming Data จะทำให้คุณไม่สามารถใช้ WiFi Calling โทรเข้า-รับสายที่ราคาปกติผ่าน WiFi ได้ จึงจะเป็นการโทรเข้า-รับสายในราคาแบบโรมมิ่ง และโปรโมชั่นเหล่านี้จำเป็นจะต้องสมัครไว้ก่อนตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย ต่อเน็ตวิธีที่2: ใช้ซิม 4G ของญี่ปุ่นจัดเป็นทางเลือกที่สามารถทำได้ แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากความลำบากในการหา SIM ต้องดูโปรโมชั่นเปรียบเทียบของญี่ปุ่นแต่ละค่าย และสุดท้ายก็อาจได้ราคาที่แพงกว่าวิธีอื่น ถ้าหากเปรียบเทียบโปรโมชั่นไม่ดี ข้อดีคงเป็นการโทรในประเทศญี่ปุ่นราคาถูก งั้นอันนี้ข้ามไป ต่อเน็ตวิธีที่3: ใช้ Pocket Wifi จากไทยการใช้ Pocket Wifi ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีคนใช้งานอยู่ไม่น้อยในสมัยที่ยังไม่มีทางเลือกอินเตอร์เน็ตสำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นมากนัก
ข้อเสีย Pocket Wifi
ต่อเน็ตวิธีที่4: ใช้ Sim2Fly ของ AISSim2Fly จัดเป็นผลิตภัณฑ์มาใหม่ที่แก้ปัญหาเรื่องเน็ตรั่วของโรมมิ่ง + คู่เดินทางแยกกันไม่ได้ของ Pocket WiFi เหมาะกับการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หลังจากออกมาสู่ตลาดได้ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะราคาถูกแบบเหมาๆ หาซื้อง่ายๆได้ที่ AIS Shop หรือจะสั่งผ่าน AIS Online Store ก็สะดวกดี
ข้อดีของ Sim2Fly
ข้อสังเกตของ Sim2Fly
Sim2Fly Speedtest เราหิ้ว Sim2Fly ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เพื่อการนี้ ไปพิสูจน์ให้คุณผู้ชมได้เห็นว่าแรงจริงเรื่องปิ้งย่างแค่ไหนถึงแดนปลาดิบ วิวจากจุดที่นั่งปั่นงานด้วย Sim2Fly เรื่องเก็บมาเล่า: ทำไม Sim2Fly ถึงจำเป็นในการไปเที่ยวต่างแดน เรื่องเล่าเมื่ออยู่ญี่ปุ่น ซึ้งถึงความจำเป็นของซิมแยก ตอนที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ผมไปกับภรรยาสองคนเอาอินเตอร์เน็ตไปทดสอบ 2 ระบบ คือ Pocket Wifi และ Sim2Fly ในระหว่างทริปผมได้ทำตั๋วรถไฟไปเล่นสกี JR Tokyo Wide Pass มูลค่าหมื่นเยนหาย ซึ่งวันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถเล่นสกีได้ตามกำหนดการ เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีจะหมดเวลาทำงานของสถานีที่ออกตั๋วให้ ต้องรีบวิ่งไปอย่างเดียว เนื่องจากภรรยาก็เดินจนเหนื่อยแล้ว และผมก็เป็นคนผิดเอง อีกทั้งเวลาที่ต้องเร่ง ผมจึงขอลองวิ่งออกไปติดต่อศูนย์ออกตั๋วคนเดียวโดยให้ภรรยารอที่ร้านกาแฟในชั้นใต้ดินรถไฟสถานีใกล้ๆ ศูนย์ออกตั๋วอยู่อีก 2 บล็อกถนนบนดิน หลังจากวิ่งออกมาได้สักพัก ผมสะดุดใจว่า เครื่องผมไม่ได้ใส่ Sim2Fly เอาไว้นี่หว่า เพราะเพิ่งคอนเนคแบบ Pocket Wifi ซึ่งเครื่องอยู่ในกระเป๋าฝากภรรยาไว้ (ไม่อยากสะพายวิ่งมาเดี๋ยวเหนื่อย+ช้า) ตอนนั้นมาได้ครึ่งทางแล้วยังไม่พ้นสถานีด้วยซ้ำ สถานีกว้าง คนพลุกพล่านมากทำให้เริ่มไม่แน่ใจทางกลับแล้ว เป็นห่วงภรรยาขึ้นมาทันที ผมเลยตัดสินใจกลับไปหาดีกว่า จะเดินกลับเท่านี้ยังงงทางเลย ถ้าไปถึงศูนย์ออกตั๋วสกีต้องวิ่งอ้อมไปอีกสองบล็อกถนน ผมเริ่มแน่ใจว่า “หลงทางชัวร์” พอเดินกลับจะหาร้านกาแฟก็หลงจริงๆ ใจคอไม่ดี เน็ตก็ไม่มี ชื่อร้านกาแฟก็ไม่ได้ถ่ายไว้ พยายามจะจำให้ได้ แต่คนญี่ปุ่นในสถานีรถไฟช่วงเลิกงานนั้นมากเหลือเกิน ใจหายแว้บ ค่อยๆ คลำไป คลำไป ไม่สนแล้วตั๋ว ฮือออ… ผ่าง! … เจอร้านแล้ว เดินเข้าไปหาภรรยาขอโทษว่าคงไม่ได้ไปแล้วนะสกี ตลอดทริปที่ติด Sim2Fly มารีวิวด้วยรอบนี้ จนในช่วงวิกฤติแบบนี้ ผมเข้าใจแล้ว เรื่องที่คนไทยควรรู้เมื่อไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก14. เรื่องของห้องน้ำ ส้วมญี่ปุ่นไม่มีที่ฉีดก้นโถส้วมที่ญี่ปุ่นไม่มีที่ฉีดก้นเหมือนเมืองไทย แต่มีก้านฉีดล้างก้นอยู่ในโถซึ่งแต่ละโถก็ออกแบบแผงควบคุมไม่เหมือนกัน โชคยังดีที่ปุ่มมีสัญลักษณ์ ดูแล้วพอเดาได้ 15. เรื่องของห้องน้ำ ทิ้งกระดาษชำระลงไปได้เลยในสุขาที่ญี่ปุ่นจะไม่มีถังขยะให้ทิ้งกระดาษชำระ หรือถ้ามีจะเล็กมาก เพราะญี่ปุ่นมีระบบชักโครกและท่อระบายน้ำดี สามารถทิ้งกระดาษชำระลงในชักโครกได้เลย (แต่ไม่ควรทิ้งผ้าอนามัยหรืออื่นๆ ที่อาจทำให้ท่อตันได้) 16. เรื่องของห้องน้ำ ส้วมปิดฝา = ส้วมสะอาดเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง มักเจออะไรตรงกันข้ามกับเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องนี้ ที่เมืองไทย ส้วมไหนปิดฝาไว้ มักจะแปลว่า กดไม่ลง หรือโชคร้ายหน่อยคือเจอน้องอุนจิลอยอยู่ด้วย แต่ที่ญี่ปุ่นพอใช้เสร็จ ให้ทำความสะอาดแล้วก็ปิดฝาซะ แปลว่าส้วมนั้นสะอาดเรียบร้อย 17. คนญี่ปุ่นไม่เก่งภาษาอังกฤษความสนุกจุดนึงในการเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ตรงที่ เราไม่ชำนาญภาษาอังกฤษพอกัน บางคนพูดไม่ได้เลยแม้จะเป็นวัยรุ่น หลายคนไม่คล่องภาษายิ่งกว่าเราเสียอีก คุณต้องเข้าใจความรู้สึกเวลาฝรั่งมาถามทางเรา ตอนที่เราไม่ถนัดภาษาอังกฤษ อารมณ์เดียวกันเลย แต่ถ้าเล็งจะถามทางหรือจะคุยกับใครแล้ว ใช้เทคนิคก็ง่ายๆ คือไม่ต้องพูดเป็นประโยค แต่ให้พูดเป็นคำๆ เช่น
ทำไม้ทำมือ ใช้ภาษากายช่วยด้วย แค่นี้ก็พอคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่ที่น่าทึงคือ ความมีน้ำใจและความพยายามของคนญี่ปุ่น ถ้าหากสิ่งที่เราถามเขาไม่รู้ เขาอาจหายไปจนเราคิดว่าคงหนีอายกลับบ้านไปแล้ว หายไปสิบนาที แต่ที่จริงเขาวิ่งไปหาคำตอบให้อยู่ แล้ววนกลับมาช่วยพาเราไปจนได้ กรณีแบบนี้ นักท่องเที่ยวเจอกันหลายคน ทำเอาซะคนถามเกรงใจ (ซึ่งบางที กลับมาพาไป ยังพาไปผิดที่อี๊ก) อันนี้ก็ต้องระวังด้วย ว่าที่จะพาไปมันอันตรายรึเปล่า 18. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ขึ้นบันไดเลื่อนชิดซ้ายขึ้นบันไดเลื่อนส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในโตเกียว ผู้คนจะยืนชิดซ้ายแม้เป็นแฟนมาด้วยกัน ทิ้งข้างขวาไว้ให้สำหรับคนที่รีบเร่ง แม้ว่าไม่มีคนก็ยืนชิดด้านซ้ายอยู่ดีนั่นแหละ แต่ลองสังเกตถ้าเป็นฝั่งคันไซจะยืนชิดขวา ลองดูว่าคนส่วนใหญ่เค้าชิดทางไหนกันแล้วก็ตามไปได้เลย 19. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: เข้าคิว แม้จ่ายเงินในเซเว่นญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัย และให้ความสำคัญกับการเข้าแถวรอคิวน่าจะที่สุดในโลกก็เป็นได้ แม้ตอนที่ประสบภัยพิบัติ ผู้คนก็ยังต่อแถวรับเครื่องช่วยชีวิตกันอย่างเป็นระเบียบโดยไม่ต้องมีใครกำชับ ที่สำคัญ ถ้าหากนักท่องเที่ยวสักคนแซงคิว คนญี่ปุ่นก็จะไม่มีโวยวาย แต่โดนมองแรงแน่นอน จุดทั่วไปอาจไม่พลาด แต่การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง มักพลาดในเซเว่นนี่แหละ เพราะเซเว่นบ้านเราใครจะซื้อของก็ตรงเข้าไปซองที่ว่างได้เลย ถ้าต่อแถวก็จะต่อแถวแยกเค้าเตอร์ แต่ที่ญี่ปุ่นเซเว่นจะเข้าแถวรวมเพื่อชำระเงิน บางทีมีเส้นขีดไว้เลยว่า ให้ไปเข้าแถวตรงไหน สังเกตให้ดีก่อนหน้าแตก ถ้าพลาดอย่าบอกนะว่ามาจากเมืองไทย ฮา 20. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ไม่โทรศัพท์หรือคุยเสียงดังบนรถไฟที่ญี่ปุ่นการคุยเสียงดัง-คุยโทรศัพท์ในรถไฟและลิฟท์ จัดเป็นการเสียมารยาท ระวังให้ดีอาจโดนมองแรงได้เช่นกัน คนญี่ปุ่นจะรอลงรถไฟไปก่อนจึงค่อยโทรกลับ 21. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: ไม่ควรให้ทิปอ้าว งงเด้ … กะจะเป็นคนมารยาทดี กลายเป็นดูถูกเค้าซะงั้นไป ที่ญี่ปุ่นแทบจะไม่ให้ทิปกันเลย บางครั้งการไปให้ทิปยังทำให้คนให้บริการรู้สึกว่าโดนดูถูกอีกด้วย เค้าถือว่ามาทำงานได้เงินค่าจ้างแล้ว เค้าก็จะทำเต็มที่ของเค้าอยู่แล้ว แม้จะเป็นการขึ้นแท็กซี่ แม้ว่าต้องทอนแค่ 1 เยน เขาก็จะทอน 22. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: รับของสองมือเวลาเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อคุณมีโอกาสได้รับของจากผู้อื่น ให้รับด้วยสองมือ จะถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้ให้ แล้วอย่าลืมขอบคุณเขาด้วยล่ะ “อาริกาโตะ-โกซาอิมัส” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ได้ใช้ตลอดเวลา 23. มารยาทเที่ยวญี่ปุ่น: อย่าเดินกินข้อนี้ขัดกับนิสยคนไทยเป็นอย่างมาก ถ้าได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งอร่อยๆ หรือไอศครีมละก็นะ โอย เราก็อยากเดินเที่ยวไปกินไปด้วยฟินจะตายไป แต่ที่ญี่ปุ่น การเดินไปกินไปนี่เสียมารยาท แต่หยุดเดินยืนกินได้ หลายๆที่จะจัดที่กินไว้ให้เฉพาะ บางคนเดินกินหน้าร้านเค้าอาจถึงกับโดนคนญี่ปุ่นไล่เลยทีเดียว ซึ่งข้อนี้ทำก็ผูกกับข้อต่อไป 24. ถังขยะจะหายากไปไหนญี่ปุ่นเป็นเมืองที่มีถังขยะน้อยมากแม้ในโตเกียว แต่เมืองกลับสะอาดสะอ้าน เพราะทุกคนทิ้งขยะเป็นระเบียบ แน่นอน เราคนไทยก็ฝึกนิสัยทิ้งลงถังมาเหมือนกันแต่มันไม่มีถัง! ถังข้างนอกสามารถหาได้ส่วนใหญ่ที่เซเว่น ร้านสะดวกซื้อ คนเลยนิยมกินในร้านให้เสร็จแล้วทิ้งเลยไง ไม่เดินกิน :D ในกรณีที่ไม่มีที่ทิ้งให้เก็บกลับไปทิ้งที่บ้านหรือโรงแรม อย่าพลาดเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 25. ศัพท์ที่ใช้เป็นแล้วชีวิตดีก็เหมือนเวลาเราเห็นฝรั่งพูด “สวัสดีขรั่บ” ได้ แล้วเรารู้สึกว่า ฝรั่งคนนี้น่ารักจัง ความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นกับทุกชาติไม่เว้นแม้แต่คนญี่ปุ่นที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษมากพอๆกับเรา ถ้าหากคุณพูดภาษาบ้านเขาได้บางคำ เขาก็ประทับใจแล้ว อาจทำให้คุณได้รอยยิ้มและบริการโบนัสจากเขาได้เลย อาริงาโตะ โกซาอิมัส~ แปลว่า “ขอบคุณมากครับ/ค่ะ” ใช้ได้เกือบทุกที่ตลอดทริปตั้งแต่ก้าวแรกยันก้าวสุดท้าย คนญี่ปุ่นเป็นคนที่จะให้เกียรติคนอื่นมากขึ้นเมื่อได้รับ พูดได้บ่อยมากๆ เวลาคนมาเสริฟ มาทำอะไรให้ ดีกว่าการให้ทิป (ไม่ควรให้) อีกด้วยซ้ำไป ใครได้ยินก็สะดุดมองว่า เห้ย นักท่องเที่ยวคนนี้มันเป็นงานเว้ย โออิชิ~ แปลว่า “อร่อยยยย” ยิ่งถ้าทำท่าทางผสมด้วยแล้ว สามารถทำเอาเชฟบางคนยิ้มไม่หุบได้เลยทีเดียว แหม่ ใครมาชมผลงานตัวก็ย่อมดีใจเหมือนบ้านเรานั่นแหละ 26. กดเงินเยนจากธนาคารไทยโดยไม่ต้องแลกเงินการวางแผนแลกเงินเยนจากเมืองไทยไป ก็อาจช่วยให้คุณได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดี แต่อย่าลืมว่าการพกเงินเยอะ ก็มีต้นทุนด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็นเช่นกัน โดยเฉพาะคนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง การพกเงินสดเกิดอุบัติเหตุทำหายเมื่อไหร่ก็ได้ ทางเลือกต่อมาคือ การไปกดเงินเยนที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับธนาคารไทยคุณสามารถกดเงินเยนได้จากตู้ ATM ของ 7-Bank ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันได้เลย โดยเสียค่ากดเพิ่มครั้งละ 100 บาท ฟังดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความปลอดภัย 7-Bank คือธนาคารของ 7-Eleven แน่นอนว่าตู้ ATM 7-Bank ก็มักจะหาได้ใน 7-Eleven ของญี่ปุ่น (เกือบทุกสาขา) เพียงแต่ที่ญี่ปุ่น 7-Eleven ไม่ได้มีเยอะทุกมุมถนนเหมือนกับที่เมืองไทยเท่านั้นเอง 27. หาร 3 ประมาณราคาสินค้ากระทันหันค่าเงินของเราเมื่อเทียบกับ เงินเยนญี่ปุ่นปี 2023 อยู่ที่ประมาณ 1 บาท = 3-3.90 ¥ เมื่อเจอราคาสินค้าเราสามารถประมาณเป็นเงินบาทได้ด้วยวิธีการหาร 3 ไปเลย จะทำให้ประเมินราคาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น 1,000 ¥ หารสามก็ได้ประมาณ 333 บาท ปัดขึ้นรวมค่ากดเงินเป็น 350 บาทกลมๆ ไปเลยก็ได้ ไม่เสียเวลากดเครื่องคิดเลขเมื่อเที่ยวญี่ปุ่น 28. นั่งรถไฟข้ามจังหวัด จองที่นั่งก่อนดีกว่าเมื่อคุณไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองคนเดียว การซื้อตั๋วรถไฟที่ไม่ได้จองที่นั่งไว้ก่อน คุณจะได้ไปนั่งตู้คนไม่จองนะ ทุกอย่างก็เหมือนตู้จองนั่นแหละ เพียงแต่คุณน่าจะไม่ได้นั่งติดกับคนที่มาด้วยกัน เพราะคนญี่ปุ่นเขานั่งกระจายกันไปหมดแล้วน่ะสิ ถ้าเป็นแค่ไม่กี่สถานีในเมืองก็ไม่เป็นไรหรอก เหมือนบีทีเอส ยืนแป๊บเดียวก็ถึง แต่ถ้านั่งข้ามจังหวัด จองก่อนดีกว่า ที่นั่ง คุณสามารถจองได้ฟรี บนเว็บไซต์หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว ลองสอบถามว่า “where seat reservation” จะช่วยให้การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองสบายมากอย่างกับไปทัวร์ 29. รถเมล์ไม่ทอนเงินถ้ามีเงินพอดีก็หรือเกินก็หยอดไปเลย ดังนั้นการขึ้นรถเมล์ ถ้าหากมีบัตรเงินสดแบบ Suica ก็จะสะดวกมากกว่า บัตรนี้สามารถขึ้นรถเมล์-รถไฟได้เกือบทั่วญี่ปุ่น แล้วก็ใช้แทนเหรียญกดน้ำจากตู้น้ำส่วนใหญ่ได้ ใช้ซื้อของใน 7-Eleven, Lawson, Family Mart เรียกว่าสะดวกมากถ้าแลกเงินใส่บัตรนี้ไว้ ส่วนลดไม่ได้ แต่ได้ความสะดวก ราคาบัตรเริ่มต้น 1,000 เยน มีมัดจำในบัตร 500 เยน เหลือใช้ได้ 500 เยน 30. ของหายได้คืนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองหลายคนทำของหายแล้วได้คืนนะ ที่ญี่ปุ่นจัดเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก ถ้าเป็นเมืองไทยใครเจอกระเป๋าคงหิ้วกลับบ้านไปแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่น ใครเจอของก็มักจะเอาไปฝากไว้ที่หน่วยงาน Lost & Found ตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ เฉพาะร่มที่ถูกลืมทิ้งไว้ในเขตโตเกียวมีมากถึงเกือบ 4 แสนคันต่อปี ดังนั้นถ้าหากคุณทำอะไรหาย ก็ลองไปแจ้งที่หน่วยงานนี้ก่อน เตรียมข้อมูลหรือรูปภาพให้แน่ใจว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะอย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่ก็อาจไม่สะดวกภาษาอังกฤษเท่าไหร่เหมือนกัน แต่ใจดีและพร้อมช่วยเหลือสุดกำลัง . . . และทั้งหมดนี้ก็จัดเป็นเคล็ดลับสำหรับคนสนใจจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง จากประสบการณ์ของแอดมิน ที่อยากแนะนำให้ลองมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นการเปิดโลกที่คุ้มค่าที่สุดที่หนึ่งในชีวิต ถ้าหากคุณอยากมองเห็นโลกในอีกแบบ ได้รู้จักผู้คนที่แสนจะมีมารยาทและให้เกียรติผู้อื่น ได้เจอเมืองที่วุ่นวายสุดๆ ในขณะที่ต่างจังหวัดก็ชิลเสียไม่มี ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี 2023ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี รวมของน่าซื้อ ของฝากจากญี่ปุ่น อัพเดท 2023. 1. ช๊อกโกแลต Royce, Kit-Kat, Pocky ขนมญี่ปุ่น ... . 2. โตเกียว บานาน่า (Tokyo Banana) ... . 3. โฟมล้างหน้า ครีมทาผิว เครื่องสำอาง มาส์กเต้าหู้ ... . 4. เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ญี่ปุ่น ... . 5. กระเป๋า เป้ ... . 6. ผลไม้ญี่ปุ่น. ซื้อซิมที่ญี่ปุ่นยี่ห้อไหนดีหาซื้อซิมโทรศัพท์มือถือญี่ปุ่นที่ไหนถึงจะดี. Klook 4G ซิมการ์ดสำหรับใช้ในญี่ปุ่น (รับที่ญี่ปุ่น). ซิมการ์ด 4G GO INTER สำหรับใช้ในญี่ปุ่น จาก DTAC.. Travel SIM จาก TruemoveH.. SIM2Fly จาก AIS.. ซิมการ์ด 4G ญี่ปุ่น Traveloka.. Japan Sim Card จาก Wise World Wifi.. ซิมญี่ปุ่น DOCOMO จาก KKday.. ซื้อซิมจากตู้ขายที่ญี่ปุ่น. ไปญี่ปุ่นใช้อินเตอร์เน็ตแบบไหนดีใช้ 4G แบบโรมมิ่งจากไทย ใช้ซิม 4G ของญี่ปุ่น ใช้ Pocket WiFi จากไทย ใช้ Sim2Fly ของ AIS.. โทรออก-รับสายเบอร์เดิมได้ ผ่าน Wifi Calling.. สามารถเช่าทีเดียวแล้วใช้ Wifi Internet พร้อมกันหลายคน/หลายเครื่องได้. มีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต Unlimited ให้เลือก (บางเจ้าไม่ติด FUP). จ่ายแบบเหมา. ไปญี่ปุ่นช่วงไหนดีสุดช่วงเวลาสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น
ฤดูร้อนของญี่ปุ่นนั้นทั้งร้อนและชื้น แต่ทว่าฤดูหนาวก็ช่างเยือกเย็นและมีหิมะโปรยปราย ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เหมาะจะไปเยือนญี่ปุ่นก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.) และฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อากาศกำลังเย็นสบาย
|