นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

บ้านเป็นสถานที่ให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่อาศัยพักผ่อนนอนหลับ ให้ความปลอดภัย ความสบายกายและความสบายใจแก่สมาชิกทุกคนในครอบครัว บ้านแต่ละหลังมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกันด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ลักษณะของบ้านจะเป็นเช่นไร สมาชิกในบ้านก็สามารถทำให้บ้านน่าอยู่ น่าอาศัยได้ ด้วยการเอาใจใส่ดูแลรักษาทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการทำความสะอาด บ้านให้มีสภาพเรียบร้อย จนเป็นที่สะดุดตาก็สามารถดึงดูดความสนใจให้สมาชิกในครอบครัวไดอยู่อาศัยอย่างมีความสุขมากกว่าบ้านที่ขาดการรักษาความสะอาด

หลักในการทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่

  1. การทำความสะอาด

ความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่ การทำความสะอาด ปัดกวาด เช็ดถูเป็นประจำ ทำให้เครื่องเรือนเครื่องใช้ปราศจากความสกปรกแม้แต่บริเวณบ้าน รั้ว สนาม ทางเดินเข้าบ้านสะอาด ร่มรื่น ปราศจากขยะมูลฝอยต่าง ๆ

การสร้างความสะดวกสบาย

จัดแบ่งพื้นที่บริเวณบ้านให้เกิดการใช้สอยที่เป็นสัดส่วน เดินไปมาสะดวกและมีแสงแดดส่องถึง ระบายอากาศได้ดี มีการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกไว้อย่างเหมาะสม สะดวกในการหยิบใช้และการทำกิจกรรมต่าง ๆ

การตกแต่งให้สวยงาม

นอกจากการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้ให้เหมาะสมดังที่กล่าวในข้อที่ผ่านมา การจัดตกแต่งให้เป็นระเบียบ ไม่เกะกะ การจัดวางสิ่งของให้เกิดความสมดุล การใช้สี การตกแต่งผ้าม่าน เพื่อให้ดูสบายตาก็สามารถทำให้บ้านสวยงามน่าอยู่ยิ่งขึ้น

การจัดบ้านให้เกิดความปลอดภัย

การจัดบ้านให้มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น มีลูกกรงที่ระเบียงกันพลัดตกบันไดให้แข็งแรง เก็บยา สารเคมีให้พ้นจากมือเด็ก ทำความสะอาดบ้าน บริเวณบ้านให้ปราศจากตะไคร่จับทำให้ลื่นในขณะทำกิจกรรม ปลูกบ้านห่างไกลจากสิ่งปฏิกูลและแหล่งแพร่เชื้อโรคหรือมีวิธีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี้ยงได้

  1. การวางแผนใช้ทรัพยากรในการทำความสะอาด

ทรัพยากรในการทำความสะอาดที่มีอยู่ภายในบ้าน ควรคำนึงถึงการวางแผนการทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน มีดังนี้

  • เวลาที่จะใช้ในการทำความสะอาด
  • แรงงานที่จะใช้ในการทำความสะอาด
  • วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่จะใช้ในการทำความสะอาด

การทำความสะอาดทั้งภายในบ้านและบริเวณภายนอกตัวบ้าน จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต่อเมื่อผู้ทำความสะอาดได้วางแผนการทำงานอย่างรอบคอบและรัดกุมลงมือทำงาน ตามแผนที่วางไว้ ตรวจสอบการทำงานและประเมินผลการทำงานในทุกๆงานที่ได้ทำไป ว่าได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่ เพื่อจะได้พิจารณาปรับปรุงทั้งการวางแผนการทำความสะอาดและวิธีการทำงานในคราวต่อไป การวางแผนในการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดคือการใช้เวลาแรงงานและวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยลดความสูญเสียทรัพยากรทั้งสามประการที่ไม่จำเป็นลงได้

  1. การเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำความสะอาดบ้าน

อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เรานำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้าน ทั้งภายในตัวบ้านและบริเวณภายนอกตัวบ้านนั้น สามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้

          บ้านจะดูดีได้ไม่ใช่แค่การตกแต่งที่สวยงามหรือรูปลักษณ์สไตล์การดีไซน์ที่เห็นจากภายนอกเท่านั้น แต่ควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดภายให้กับบ้านของคุณด้วย โดยการเก็บของใช้ต่าง ๆ ให้เป็นที่เป็นทาง ขจัดเศษฝุ่นและสิ่งปรก และตกแต่งด้วยของน้อยชิ้นเข้าไว้ บ้านของคุณกลับมาสะอาดเป็นระเบียบได้ภายในพริบตาแล้วล่ะ

บ้านคือวิมานของเรา อยากอยู่ดูแลบ้านนานๆ ต้องอย่าลืมเรื่องสุขภาพของเราด้วย การจัดบ้านให้ถูกสุขลักษณะเป็นผลดีต่อผู้อยู่อาศัย การมีบ้านที่สะอาด ปลอดโปร่ง จะยิ่งเพิ่มความสวยงามให้บ้านหลายเท่า ไปมุมไหนก็น่าอยู่ มากไปกว่านั้นถ้าบ้านของเราสะอาด จะทำให้เราสามารถต้อนรับแขกได้อย่างสบายใจอีกด้วย ยิ่งโควิดแบบนี้เรื่องอนามัยก็ยิ่งต้องเข้มไปอีก งั้นจะรอช้าอยู่ทำไมล่ะ มาเริ่มจัดบ้านกันเลย

1.กลิ่นหอม ดีต่อใจ

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

บ้านหอมๆ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่เปิดประตูรั้ว ดังนั้นควรหมั่นดูแลบ่อพักขยะอย่าให้เกิดการอุดตัน ควรทิ้งขยะในภาชนะที่ปิดมิดชิด หรือทิ้งตามเวลาที่รถเก็บขยะมารับไปเพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมจนส่งกลิ่นเหม็นเน่า ส่วนภายในบ้านควรหมั่นตรวจสอบกลิ่นจากท่อน้ำทิ้งต่างๆ เช่น ท่อระบายน้ำทิ้ง จากซิงค์ในครัว ซึ่งไม่ควรมีเศษอาหารมาอุดตันหรือกลิ่นจากห้องน้ำที่เกิดจากชักโครก ควรตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ หมั่นทำความสะอาดและติดตั้งพัดลมดูดอากาศก็ช่วยได้อีกทางหนึ่ง เมื่อบ้านสะอาดแล้ว ลองหาเครื่องหอมในบ้านที่กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไปมาใช้แทนของตกแต่งบ้านก็ได้ และยังทำให้บ้านมีกลิ่นหอมอีกด้วย

2.จัดมุมตุ๊กตาหรือของเล่นให้สะอาดเรียบร้อย

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

ตุ๊กตาและของเล่นต่างๆ ภายในบ้านไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ วางระเกะระกะทั่วบ้าน เพราะอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อสมาชิกในครอบครัวได้ เช่น เหยียบหรือสะดุดแล้วลื่นหกล้ม เป็นต้น ควรจัดหามุมที่เหมาะสม เช่น มุมของห้องนั่งเล่น เมื่อเด็กที่บ้านเล่นเสร็จแล้จะสะดวกต่อการเก็บ และที่สำคัญควรซักตุ๊กตาปล่อยๆเพราะขนของตุ๊กตาจับฝุ่นได้ดีมาก

3.อากาศถ่ายเทสะดวก

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

ลมช่วยระบายอากาศและสร้างสภาวะน่าอยู่ได้เป็นอย่างดี การออกแบบช่องลมในบ้านจึงมีความสำคัญมาก ทิศทางลมที่ไหลเวียนเข้ามาในตัวบ้านต้องมีทางให้เข้า-ออก ดังนั้นช่องลมควรอยู่ตรงกันหรือเยื้องกัน นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงทิศทางลมประจำฤดูด้วย เช่น ฤดูร้อนลมพัดมาจากทางทิศใต้ ฤดูหนาวลมพัดมาจากทางทิศเหนือลงใต้ และฤดูฝนลมพัดเข้ามาทุกทิศทาง มีหลายวิธีที่ช่วยให้ลมเข้าบ้าน เช่น เลือกติดหน้าต่างบานเกล็ดหรือใช้อิฐบล็อกช่องลมที่ช่วยพรางสายตาและสร้างความเป็นส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง

4.แสงสว่างส่องถึง

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

แสงสว่างที่เพียงพอช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำให้บ้านไม่อับชื้น ทิศทางการเปิดรับแสงภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ เช่น มุมหลักที่ใช้งานพร้อมหน้าทั้งครอบครัวอย่างห้องนั่งเล่น หากใช้เวลาในช่วงเช้ามากกว่าช่วงเวลาอื่น การหันหน้าไปทางทิศตะวันออกก็ทำให้ได้รับแสงยามเช้า นอกจากนี้วัสดุที่เลือกใช้ภายในบ้านก็ไม่ควรมองข้าม ในมุมที่ต้องการให้มีแสงส่องผ่าน เช่น ครัวหรือห้องน้ำ ควรเลือกกรุกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์กลาสแบบใสหรือทำผนังกระจก ก็ช่วยให้แสงส่องผ่านได้ดี

5. ปราศจากมลพิษทางเสียง

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

มลพิษทางเสียงนับเป็นปัญหาใหญ่ที่เข้ามาขัดจังหวะความสงบภายในบ้าน วัสดุกรุที่ดีจะช่วยดูดซับเสียงทำให้บ้านเงียบและกันความร้อนไปในตัว หากใช้กระจกนิรภัยซึ่งเป็นกระจกสองแผ่นคั่นกลางด้วยพีวีบี (Polyvinyl Butyral) ที่มีคุณสมบัติเหนียวและทนทานจะช่วยลดอันตรายจากรังสียูวีและคลื่นเสียงความถี่สูงได้ หรือใช้กระจกฉนวนกันความร้อนหรือกระจก Low-E ที่ทำจากกระจกสองแผ่นประกบกัน โดยมีอะลูมิเนียมซึ่งบรรจุสารดูดซึมความชื้นหรือก๊าซเฉื่อยคั่นกลาง ด้านนอกนิยมใช้กระจกเทมเปอร์เพื่อช่วยสะท้อนแสงได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงใช้วัสดุสร้างบ้านแบบเดิมแต่คูณสองเข้าไปก็ช่วยเก็บเสียงได้อีกทาง เช่น ผนังยิปซั่มหรือแผ่นอะคูสติกบอร์ด หรือก่อผนังสองชั้น โดยเว้นช่องตรงกลาง บวกกับใช้วัสดุซับเสียงช่วยอีกชั้น รับรองว่าเงียบสบายสมใจ

6. สัตว์เลี้ยงสุดรัก

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

สัตว์เลี้ยงสุดรักอาจนำพาสุขภาพไม่ดีมาสู่เราได้หากดูแลพวกเขาได้ไม่ดีพอ ควรกำหนดขอบเขตให้พวกเขาตั้งแต่เริ่มเลี้ยง ฝึกให้ทำกิจกรรมเป็นบริเวณ ๆ ไป เพื่อช่วยให้เราสามารถทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ได้สะดวก รวมถึงสัตว์ที่เราไม่ได้อยากเลี้ยงแต่มาเองอย่างยุง หนู หรือแมลงต่าง ๆ ก็ควรออกแบบพื้นที่ให้มิดชิด ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ตู้ควรมีหน้าบานปิดมิดชิด และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยป้องกันได้อีกทางหนึ่ง

7.ดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ที่บ้าน

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

ต้นไม้ภายในบ้านต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากปล่อยให้รกร้างอาจเกิดเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ หากน้ำขังก็ก่อให้เกิดปัญหายุงลาย นอกจากนั้นหากปล่อยให้ใบไม้ร่วงทับถม ไม่ยอมตกแต่ง จากต้นไม้ประดับที่สวยงามก็จะกลายเป็นมุมที่ทำให้ทัศนียภาพของบ้านเสื่อมลงไม่น่ามอง เพื่อความปลอดภัยและสวยงาม เราต้องอย่าละเลยเรื่องของธรรมชาติที่งดงามด้วยนะคะ

8.กำจัดฝุ่นละอองให้กลี้ยง

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไร

ฝุ่นก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และสุขภาพที่เสื่อมถอย แต่เราก็หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะรอบตัวเรานั้นมีฝุ่นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตลอด ขอแนะนำให้หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ หากกำลังจะสร้างบ้าน ควรเริ่มจัดวางแปลนบ้านโดยลดพื้นที่ซอกหลืบที่ทำความสะอาดยากหรือพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงให้น้อยที่สุด ทำบานปิดให้ตู้หรือชั้นวางแบบเปิดโล่งที่ใช้จัดเก็บหนังสือหรือของโชว์ รวมถึงเรื่องระยะของโรงจอดรถกับประตูบ้าน หากมีพื้นที่เพียงพออาจเว้นระยะห่างสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องจอดรถตรงกับหน้าประตูพอดี เพราะอาจเป็นการนำพาฝุ่นและควันเข้าบ้านได้ หรืออาจปลูกต้นไม้เพื่อช่วยกรองฝุ่นละอองบริเวณหน้าบ้าน ก็ทำให้บ้านสดชื่นและช่วยลดฝุ่นละอองไปด้วยในตัว

วิธีจัดบ้านให้ถูกสุขลักษณะ นอกจากจะทำให้บ้านน่าอยู่แล้วยังช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี ซึ่งส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและมีจิตใจเบิกบาน อยากให้ทุกคนสละเวลางานสักนิดแล้วหาเวลาว่างชวนสมาชิกในครอบครัวมาช่วยกันจัดบ้านให้สะอาด ปราศจากโควิดกันนะคะ

ขอบคุณเคล็ดลับดีๆจาก บ้านนี้อยู่แล้วสบาย…บ้านนี้อยู่แล้วดี จากคอลัมน์ “ดีไซน์ไอเดีย” นิตยสารบ้านและสวน

นักเรียนจะดูแลรักษาที่อยู่อาศัยอย่างไร

อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา! 6 วิธีดูแลรักษาบ้านให้แข็งแรงทนทาน น่าอยู่ และปลอดภัย.
1. ตรวจสอบการรั่วซึมของหลังคาบ้าน ... .
2. ไม่ควรทิ้งขยะลงไปในท่อ ... .
3. หมั่นเช็คสภาพระบบไฟฟ้าปลั๊กอยู่เสมอ ... .
4. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่มีคุณภาพ ... .
5. หมั่นดูแลผนังบ้านและความเสียหายของบ้านเพื่อซ่อมแซมปรับปรุงอยู่เสมอ ... .
6. ดูแลสวนและต้นไม้ไม่ให้รก.

นักเรียนมีแนวทางในการดูแลรักษาและทำความสะอาดบ้านอย่างไร

วิธีดูแลรักษาบ้านให้แข็งแรงทนทาน และน่าอยู่ ปลอดภัย.
1.ตรวจสอบการรั่วซึมของหลังคาบ้าน ... .
2.พื้นกระเบื้องไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขัง ... .
3.ไม่ควรทิ้งขยะลงไปในท่อ เพราะจะทำให้อุดตันได้ ... .
4.ดูแลสวน และต้นไม้ไม่ให้รก ... .
5.หมั่นเช็คสภาพระบบไฟฟ้าปลั๊ก สายไฟว่ามีรอยชำรุดเสียหายหรือไม่ ... .
6. หมั่นทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูบ้านอยู่เสมอ.

การทําบ้านให้น่าอยู่ควรปฏิบัติอย่างไร

10 วิธีจัดบ้านให้น่าอยู่ สะอาด ปลอดโปร่ง โล่งสบาย.
1. จัดเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นระเบียบ THE RETREAT. ... .
2. คัดแยกสิ่งของต่างๆ HUDSON. ... .
3. โทนสีช่วยให้ดูสะอาดตา ... .
4. เฟอร์นิเจอร์มากฟังก์ชั่น ... .
5. แยกพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน ... .
6. กลิ่นหอมที่ชวนให้หลงไหล ... .
7. ของประดับไม่เยอะจนเกินไป ... .
8. ห้องนอนสำคัญที่สุด.

การดูแลรักษาบ้านมีความสำคัญอย่างไร

บ้าน นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัย และเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนยามเหนื่อยล้าแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ทุกคนในบ้านอยู่แล้วสบายใจที่สุด หากบ้านเกิดการชำรุด เสื่อมโทรมลง ต้องทำการบำรุงรักษาให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง เพราะบ้านเป็นหัวใจสำคัญของการพักผ่อนที่มีคุณภาพ ถ้าเราดูแลรักษาบ้านให้แข็งแรงอยู่เสมอ บ้านก็จะสวย ดูดี คงทนนาน ...