Garmin ผ่อน 0 % 10 เดือน พร้อม ส่วนลด X 5 (สะสม Avarin Coin + Cash Back + Coupon ส่วนลด ) + ส่วนลดการตรวจ หา Zone ที่แท้จริง + ออกแบบโปรแกรมซ้อม 6 เป้าหมาย +เฉพาะตัวที่ Avarin ที่เดียว พร้อมให้แนะนำแบบนักกีฬา ดูแลหลังการขายตลอดไป Show ในขณะที่ตลาดสมาร์ทวอทช์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆและหลายๆคนที่กำลังมองหาแบรนด์และรุ่นที่เหมาะกับตัวเองอยู่ก็คงหนีไม่พ้นที่จะเคยได้ยิน Apple Watch เจ้าตลาดในขณะนี้และ Garmin ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันมาแล้วแน่ๆ By Bankbnk Published on 13/12/2021 ในขณะที่ตลาดสมาร์ทวอทช์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆและหลายๆคนที่กำลังมองหาแบรนด์และรุ่นที่เหมาะกับตัวเองอยู่ก็คงหนีไม่พ้นที่จะเคยได้ยิน Apple Watch เจ้าตลาดในขณะนี้และ Garmin ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันมาแล้วแน่ๆ โดยทั้งคู่มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกันไปแม้ว่ามันจะสามารถติดตามข้อมูลการออกกำลังกาย, เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและมีให้เลือกหลายรุ่นเหมือนกันก็ตาม ในวันนี้เราจึงจะขออาสามาบอกข้อดีข้อเสียของทั้ง 2 เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจกัน Apple Watch vs GarminApple Watch
Garmin
การติดตามกิจกรรมและสุขภาพApple Watch และ Garmin ต่างสามารถติดตามและเก็บข้อมูลสุขภาพพื้นฐานที่ทุกคนพอจะนึกออกได้ทั้งคู่ รวมถึงมันยังมีชนิดของกีฬาต่างๆให้เราเลือกมากมายเมื่อเราออกกำลังกายนั้นๆอีกด้วย โดยทั้ง Apple Watch และ Garmin บางรุ่นสามารถติดตามได้ทั้งก้าวเดิน ระยะการเดิน แคลอรีขณะเคลื่อนไหว/พัก อัตราเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจนในระดับเลือด การนอนหลับ ความเครียดและอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนแม้ทั้ง 2 จะมีการติดตามข้อมูลของสุขภาพที่คล้ายๆกันแต่ความต่างมันอยู่ที่ Apple Watch Series 4, 5, 6 และ 7 ต่างมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ ECG แต่ Garmin กลับยังไม่มีมันในสักรุ่นแต่มันมากับฟีเจอร์ที่ Apple Watch ไม่มีเช่นกันอย่าง Body Battery ที่คอยบอกคุณว่าวันนี้คุณน่าจะมีพลังงานเหลืออีกเท่าไหร่ เมื่อพูดถึงการนอน Apple และ Garmin มีวิธีที่ต่างกันในการติดตามการนอนหลับ โดยบน Apple Watch นั้นการติดตามการนอนหลับยังค่อนข้างที่จะใหม่และมันก็เก็บเพียงแค่ข้อมูลที่พื้นฐานมาก เช่นเวลาทั้งหมดที่คุณหลับ, สิ่งรบกวนขณะหลับ, การเผาผลาญแคลอรีและอัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับเท่านั้น ในขณะที่ Garmin เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการติดตามการนอนหลับที่ดูจะละเอียดกว่าซึ่งมันสามารถบอกระยะเวลาการนอนหลับ, สิ่งรบกวนขณะนอนหลับ, หลับลึกหลับตื้นและเมื่อตื่นแล้วยังมีการบอกคะแนนในการนอนหลับของเราด้วยไม่ว่าเราจะซื้อรุ่นไหนก็ตาม Garmin และ Apple ต่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจเราตลอดเวลาทั้งเวลาที่เราออกกำลังกายหรือนั่งอยู่เฉยๆก็ตามโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะมันจะทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลาและหากพบการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติไม่ว่าจะเร็วหรือช้าเกินไปทั้ง Garmin และ Apple Watch ต่างก็จะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบในทันที ในระหว่างการออกกำลังกายทั้งคู่ต่างสามารถให้รายละเอียดช่วงการเต้นของหัวใจของเราได้ รวมถึงอัตราการเต้นหัวใจเฉลี่ยและสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เหนือกว่าสำหรับ Apple Watch คือมันเก็บอัตราการฟื้นตัวของอัตราการเต้นของหัวใจหลังออกกำลังกายเสร็จในแอป Apple Health ด้วย เมื่อพูดถึงความแม่นยำแล้ว Apple Watch ดูจะมีความมั่นคงกว่าในเรื่องนี้เพราะไม่ว่าจะใช้ Apple Watch รุ่นไหนค่าอัตราการเต้นของหัวใจก็ค่อนข้างจะเฉลี่ยออกมาเหมือนกันในทุกๆรุ่นต่างจาก Garmin รุ่นที่ราคาถูกลงอาจจะพบปัญหาได้แต่อย่างไรก็ตามมันสามารถแก้ได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์เท่านั้น นอกจากการติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพแล้วทั้งสองยังสามารถติดต่อเบอร์ฉุกเฉินได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นบน Apple Watch ที่หากเราเกิดล้มขึ้นและไม่ตอบสนองมันก็จะโทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉินให้อัตโนมัติแตกต่างจาก Garmin นิดหน่อยที่แม้มันจะมีฟีเจอร์เดียวกันแต่มันจะส่งชื่อและข้อมูลตำแหน่งของเราให้กับรายชื่อเบอร์ที่เราตั้งไว้เท่านั้นไม่ได้โทรหาบริการฉุกเฉิน สำหรับฟีเจอร์อื่นๆที่ทั้ง 2 มีไม่เหมือนกันนั้นคือตั้งแต่ Apple Watch Series 4 เป็นต้นมามันสามารถตรวจจับความดังของเสียงรอบข้างได้และแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานรู้เมื่ออยู่ในสภาวะที่เสียงดังเกินกำหนดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับหูเราได้ ในส่วนของ Garmin นั้นจะมีความสามารถในการติดตามการหายในที่สามารถบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนเราได้ใจสูงสุดหรือต่ำสุดต่อนาทีรวมถึงมันยังสามารถติดตามการดื่มน้ำของเราได้ด้วยในขณะที่ Apple Watch กลับต้องโหลดแอปมาเพิ่ม ฟีเจอร์ต่างๆApple Watch เหมือนจะเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบโดยมีฟีเจอร์อัจฉริยะมาเป็นอันดับหนึ่งและอุปกรณ์ฟิตเนสมาเป็นอันดับ 2 มากกว่า โดยแม้เราจะเทียบกับสมาร์ทวอทช์อื่นๆในตลาดเช่น Garmin หรือ Wear OS แล้ว Apple Watch กลับมอบประสบการณ์การใช้งานทางด้านซอฟแวร์ที่ดีที่สุดอยู่ดี โดย Apple Watch สามารถใช้งานแอปได้จากทั้งของ Apple เองและจากนักพัฒนาภายนอกซึ่งหลายๆแอปก็เป็นแอปที่เราใช้กับประจำบน iPhone อยู่แล้วเช่น Google Maps, Line, Apple Music หรือ Spotify เป็นต้น รวมถึงยังมาพร้อมกับการสั่งงานด้วยเสียงด้วย Siri ด้วยในขณะที่ Garmin ไม่มีระบบสั่งงานด้วยเสียงเลย Apple เป็นคนพัฒนาทั้ง iPhone และ Apple Watch ทำให้หากเราเลือกใช้งาน Apple Watch แล้วละก็เราจะได้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ไร้รอยต่อรวมถึงการตั้งค่าต่างๆที่เปิด/ปิดให้เองแบบอัตโนมัติด้วยเมื่อสั่งงานจากเครื่องใดเครื่องหนึ่งเช่นเปิดโหมดโฟกัสบน iPhone, Apple Watch ก็จะเปิดให้เองด้วยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามแม้มันจะเหมือนเป็นข้อดีก็จริงแต่เพราะ Apple เป็นคนพัฒนา Apple Watch นี้แหละทำให้มันใช้ได้กับ iPhone เท่านั้น โดยหากผู้ใช้งานกำลังใช้งาน Android อยู่และไม่ว่ายังไงก็จะไม่เปลี่ยนมาเป็น iOS, Garmin ก็คงเป็นทางเลือกเดียวของคุณ Garmin มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่มีพื้นฐานมาจาก RTOS (Real-Time Operating System) ที่ตัวเมนูนั้นมีอนิเมชันการเคลื่อนไหวที่ดูไม่ลื่นไหลเท่า Apple Watch นักแต่มันก็ไม่ใช่ข้อเสียซะทีเดียวสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่ายของมัน Garmin สามารถใช้งานแอปของนักพัฒนาภายนอกได้เช่นกัน โดยสามารถดาวน์โหลดมันได้จากแอป Connect IQ ที่มีให้โหลดทั้งบน iOS และ Android ซึ่งเพราะข้อจำกัดของ RTOS ทำให้แอปของ Garmin ดูจะมีลูกเล่นที่น้อยกว่าของทางฝั่ง Apple Watch พอสมควร อย่างไรก็ตามหากพูดถึงหน้าปัดนาฬิกาแล้วละก็ดูเหมือนเรื่องนี้ Garmin จะกินขาดในทันทีเพราะเราสามารถดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาจากแอป Connect IQ ที่มีให้เลือกมากมายได้เช่นกันในขณะที่ Apple Watch นั้นจะสามารถใช้หนัาปัดได้แค่ที่ Apple มีให้เลือกเท่านั้น แน่นอนแม้ว่า Apple Watch จะมีอนิเมชันที่สวยงามกว่าและฟีเจอร์การใช้งานที่ไม่ใช่การออกกำลังกายที่ดูจะครบครับกว่าแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาการใช้งานที่การชาร์จหนึ่งครั้งจะใช้ได้เพียงแค่ 1 วันหรือเต็มที่ก็ประมาณ 2 วันเท่านั้นหากไม่ออกกำลังกายเลย ในขณะที่ Garmin นั้นสามาถใช้งานได้ประมาณ 4 ถึง 2 อาทิตย์เลยทีเดียวแล้วแต่รุ่นเพราะการใช้งาน RTOS ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า แอปบนสมาร์ทโฟนสมาร์ทวอทช์ทั้ง 2 สามารถตรวจจับการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวของคุณได้แต่หากต้องการจะดูรายละเอียดเชิงลึกแล้วละก็ก็คงต้องดูผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนที่ทั้ง 2 ทำขึ้นมา โดย Garmin มาพร้อมกับแอป Garmin Connect ที่มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน iOS และ Android ที่เอาไว้ใช้จัดการกับตัวนาฬิกานและสามารถดูข้อมูลทั้งของตัวเองได้ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจหรือข้อมูล GPS เป็นต้น Garmin Connect มีข้อมูลการใช้งานของเราให้ดูมากมายแต่การจัดเรียงของมันดูจะยังไม่ดีนักโดยในช่วงแรกผู้ใช้งานหลายๆคนอาจจะงงกับเมนูและข้อมูลต่างๆที่เยอะแยะไปหมดที่ตัวแอปคอยแสดงอยู่แต่หากใช้งานไปสักพักและเริ่มชินแล้วละก็จะพบว่าข้อมูลเหล่านั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก หากใช้งาน Garmin แล้วนอกจาก Garmin Connect ที่คอยเก็บข้อมูลของตัวเราแล้วก็มีแอป Conncet IQ ที่ไว้ใช้สำหรับดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาหรือแอปต่างๆอย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ด้วย ในส่วนของ Apple Watch นั้นจะแตกต่างจาก Garmin สักหน่อยโดยหากใช้งาน Apple Watch แล้วเราจำเป็นจะต้องทำความรู้กันกันถึง 3 แอปเลยทีเดียว โดยแอปแรกคือแอป Watch ที่ถูกติดตั้งมาให้เองตั้งแต่แรกอยู่แล้วแม้เราจะมีหรือไม่มี Apple Watch ก็ตาม โดยแอปนี้มีหน้าที่ในการจัดการ, อัปเดต, ปรับแต่งหน้าปัด, ปรับแต่งการแจ้งเตือนต่างๆของ Apple Watch เป็นต้น ส่วนแอปที่ 2 นั้นคือแอป Fitness โดยแอปนี้นั้นค่อนอย่างเรียบง่ายเป็นอย่างมากเนื่องจากมันเอาไว้เก็บและแสดงข้อมูลของวงแหวนการออกกำลังกายของเราเท่านั้นซึ่งมันไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากมายเลย รวมถึงยังเป็นการเก็บ Achievements และรางวัลที่เราเคยทำได้ด้วย ส่วนแอปสุดท้ายนั่นคือ Apple Health โดยแอปนี้คือแอปที่คอยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายของเราอย่างละเอียด โดยเราสามารถดูได้ทั้งกีฬาที่เราใช้ในการออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ข้อมูลการหายใจและอื่นๆ Apple Watch หรือ Garmin?เราไม่สามารถตอบได้ว่า Apple Watch หรือ Garmin ดีกว่ากันเนื่องจากทั้งคู่มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันแต่ในส่วนของฟีเจอร์ที่ทั้งคู่มีเหมือนกันนั้นมันกลับทำได้ดีทั้งคู่ โดยหากจะให้สรุปง่ายๆก็ขอสรุปว่าหากเราไม่ได้ออกกำลังกายมากนักแต่ต้องการสมาร์ทวอทช์สักเครื่องหนึ่ง Apple Watch ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากมันทำงานร่วมกันกับ iOS ได้อย่างไร้รอยต่อรวมถึงมีแอปและการใช้งานๆที่ยืดหยุ่นกว่าด้วย แต่หากเราเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำแล้วละก็ Garmin น่าจะให้ข้อมูลการออกกำลังกายที่ละเอียดกว่า Apple Watch เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นมาสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายโดยเฉพาะและหากคุณเป็นผู้ใช้งาน Android ด้วยแล้วละก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเลือก Apple Watch เพราะมันไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ Garmin รุ่นไหนเหมาะกับผู้หญิงรวม 5 นาฬิกา Garmin สำหรับผู้หญิง ใส่สบาย ได้ทุกสไตล์. นาฬิกา Garmin Lily Sport Watch.. นาฬิกา Garmin Venu 2S Sport Watch.. นาฬิกา Garmin vivosmart 5 Fitness Tracker.. นาฬิกา Garmin Venu SQ 2 Smart Watch.. นาฬิกา Garmin Forerunner 255 Music Smart Watch.. นาฬิกา Garmin เหมาะกับใครนาฬิกา Garmin นั้นทำมาเพื่อคนที่อยากออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา มีครอบคลุมตั้งแต่วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ปีนเขา เข้าป่า ตีกอล์ฟ หรือแม้กระทั่งอยู่บ้านกับใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่ามีตัวเลือกที่หลากหลายเหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะแพงหรือถูกเขาก็มีทำครอบคลุมให้หมด นอกจากนี้การปรับแต่งนาฬิกาการ์มินนั้นมีความ ...
สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี ราคาไม่แพง5 อันดับ Smart Watch ราคาไม่เกิน 2,000 ปี 2023. นาฬิกา Amazfit Bip U Pro Smart Watch.. นาฬิกา Xiaomi Redmi Watch 2 Lite Smart Watch.. นาฬิกา Huawei Band 6.. นาฬิกา Fobase HW16 Smart Watch.. นาฬิกา Havit M9006 Smart Watch.. Garmin แบรนด์ของประเทศอะไรGarmin ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา Garmin เริ่มเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมการบินด้วยผลิตภัณฑ์การนำทางด้วยระบบ GPS ที่ล้ำยุคเมื่อราวสามศตวรรษที่แล้ว นับแต่นั้นมา ผลิตภัณฑ์ของ Garmin ก็ได้ขยายไปจนครอบคลุมทั้งการบิน ทางทะเล และอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบัน Garmin เป็นผู้นำในตลาดการบิน การทะเล ยาน ...
|