การเว้นระยะเบรกที่ปลอดภัยกับความเร็วรถที่เราใช้อยู่ โดยทั่วไปแล้วทุก ๆ อัตราเร็ว 10 กม./ชม.จะเว้นระยะห่างไว้ 5 เมตร เช่น อัตราเร็ว 50 กม./ชม. จะเว้นระยะห่างไว้ 25 เมตร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วระยะห่างขนาดนั้น คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เราสามารถลดระยะลงมาได้ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรสภาพพื้นถนนขณะนั้นด้วย แต่ถ้าในสภาพภูมิอากาศที่แย่ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น สภาพถนนที่ลื่น ควรเพิ่มระยะห่างอย่างน้อยสองเท่า ในกรณีที่ผู้ขับขี่ต้องวิ่งบนถนนที่ต้องใช้ความเร็วค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นบนทางด่วน มอเตอร์เวย์ หรือไฮเวย์ คุณต้องมีระยะห่างจากรถคันหน้า 2 วินาทีขึ้นไป หมายถึงระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าเมื่อเทียบเป็นระยะเวลาในการวิ่งรถแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วินาที ในกรณีของสภาพภูมิอากาศที่แย่ เช่น ถนนเปียก ฝนตก ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อยเท่ากับ 4 วินาทีคือ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นอกจากการเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้เพียงพอแล้ว ผู้ขับขี่ควรมีสมาธิในการขับรถ ไม่ควรละสายตา หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นขณะที่ขับรถ นอกจากนี้แล้วอุบัติเหตุ ชนท้ายยังมีองค์ประกอบมาจาก ความเร็วที่ใช้ สภาพพื้นผิวถนน ไปจนถึงสภาพอากาศที่เลวร้าย ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรขับรถโดยใช้ความระมัดระวัง
ขอบคุณที่มา : https://www.roojai.com แต่ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน ทาง DTC มีเทคโนโลยีและผลิตภัณ์มากมายที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น GPS และ Mobile DVR ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมคนขับจากการละสายตาและการหลับใน พร้อมส่งสัญญาณเตือนแบบ Real-time ในห้องโดยสารแบบทันทีที่ตรวจพบพฤติกรรมของคนขับที่เข้าข่ายการละสายตาและการหลับใน และระบบอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ www.dtc.co.th การลดอุบัติภัยในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถโดยสารสาธารณะเราทุกคนสามารถทำได้โดยควรปฏิบัติตามกฎจราจร ทั้งนี้ มีข้อสงสัยที่ว่าเราควรขับรถเว้นระยะห่างเท่าไหร่จึงจะป้องกันอันตรายจากอุบัติภัยบนท้องถนนถึงขั้นเสียชีวิตได้ จนเป็นประเด็นซักถามในสังคมออนไลน์อยู่หลายแห่ง วันนี้ ร้านไทยจราจร จึงได้รวบรวมสาระดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเว้นระยะห่างในการขับขี่มาฝากกัน ดังนี้
การเว้นระยะห่างกับรถคันอื่นกฎหมายระบุว่าอย่างไรบ้าง การเว้นระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าเราไม่ว่าคุณจะขับรถอะไร พรบ. จราจรทางบกไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน มอบให้อยู่ในดุลพินิจของผู้ขับขี่ ดังมาตรา 40 ได้ระบุว่าให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควรที่จะทันหยุดรถได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ หากมีการขับรถขึ้นสะพานหรือขึ้นบนทางลาดชัน ก็ต้องระวังไม่ให้รถของท่านถอยไปชนรถคันอื่น ดังที่เราไม่เคยเห็น ป้ายจราจร เตือนให้เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นอย่างการมี ป้ายเตือนความสูง ป้ายจำกัดความเร็ว ฯลฯ
หลักการโดยทั่วไปสำหรับเว้นระยะห่างจากรถคันอื่น เราควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างไร ประเด็นนี้ต้องพิจารณาควบคู่กับความเร็วในการขับขี่ด้วย โดยทั่วไปใช้หลักการดังนี้
หมายถึงการให้เรามีระยะของการเหยียบเบรกได้ทันก่อนที่รถจะชนกับรถข้างหน้าเป็นเวลา 2 วินาที โดยอิงจากงานวิจัยที่พบว่าสมองเราจะต้องใช้เวลาในการสั่งการจากกระบวนการคิดจนกระทั่งการเหยียบเท้าที่เบรกอย่างน้อย 2 วินาที ท่านที่มีการตัดสินใจช้าหรือลังเลใจบ่อย ๆ หรือขับรถไม่คล่องเป็นมือใหม่ป้ายแดง ก็ควรเพิ่มระยะเวลาให้มากกว่านี้ ถือคติว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
ให้เว้นระยะห่างจากคันหน้าตามอัตราส่วนความเร็วรถที่ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น ทุก ๆ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า 5 เมตรเป็นขั้นต่ำ ดังนั้นถ้าวิ่งด้วยความเร็วรถ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะต้องเว้นระยะห่างไว้ถึง 25 เมตรจึงจะป้องกันอันตรายอุบัติเหตุรถชนถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ควรคิดว่าอุปกรณ์จราจรอย่าง ยางชะลอความเร็ว ยางปูพื้นกันลื่น จะเป็นตัวช่วยได้ทั้งหมด การลดความเร็วของตัวรถเองที่แล่นมาเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยควบคุมอุบัติเหตุได้มากที่สุด
ที่ไหนบ้างที่ควรเว้นระยะห่างให้มากขึ้นเป็นพิเศษ บริเวณที่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเป็นพิเศษ ต้องดูตามสถานการณ์ เช่น
แม้ว่าหลายแห่งจะมีการติดตั้ง กรวยจราจร หรืออุปกรณ์ดูดซับแรงกระแทก เช่น แบริเออร์บรรจุน้ำหรือทราย ก็สามารถช่วยความรุนแรงของอุบัติเหตุได้บางส่วนและบางพื้นที่เท่านั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ตัวผู้ขับขี่ที่ต้องไม่ประมาท ขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นอย่างเหมาะสม หากทำให้เป็นกิจวัตรก็จะลดเปอร์เซ็นต์ของการเกิดอุบัติเหตุได้ไม่ว่าจะขับขี่รถที่ใดก็ตาม
สถานการณ์อะไรที่ควรเว้นระยะห่างในการขับขี่มากขึ้น ในช่วงเวลาที่ฝนตกจะทำให้มีคราบน้ำมันไหลลื่นเคลือบบนพื้นถนน ทำให้ลดแรงเสียดทานในการขับขี่ เกิดอาการล้อไถล การเบรกจะยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์รถยนต์ 4 ล้อ 6 ล้อ 10 ล้อ รถพ่วง (ยิ่งรถใหญ่ และรถพ่วงที่ควบคุมลำบาก ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง) และหากมีน้ำหนักเพิ่มจากบรรทุกสิ่งของที่มากก็จะยิ่งเบรกได้ยากและใช้เวลามากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จึงควรเพิ่มระยะห่างออกมาอีกหลายสิบเมตรจากรถคันหน้า เพื่อที่จะป้องกันรถชน พลิกคว่ำ อันเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การตรวจสภาพรถสำคัญกับการเบรก ก่อนจะสตาร์ทเครื่องควรจะเช็คความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้แก่
จะเห็นได้ว่าการเว้นระยะห่างจากรถคันอื่นเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุถึงขั้นร้ายแรงเสียชีวิตได้ ทั้งต้องไม่ลืมตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ร้านไทยจราจร หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านระมัดระวังการขับขี่และเป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ปรึกษาสินค้าและบริการ ฟรี! โทร 02-114-7006 อุปกรณ์จราจร มากกว่า 1,000 ชนิด !!ร้านไทยจราจร คือแหล่งรวบรวมอุปกรณ์จราจรที่ทันสมัยและครบวงจรมากที่สุดในประเทศไทย สินค้าของทางร้านจะมีการอัพเดทใหม่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เพื่อมีความหลากหลายในการตอบโจทย์ และแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งานทุกท่าน |