วิธีคิดเบี้ยประกันรายเดือน

3. นับสถานะลูกค้าให้เฉพาะผู้เอาประกันภัย (Insured) เท่านั้น ไม่รวมผู้ชำระเบี้ยประกัน (Payer) และผู้ที่มีสิทธิ์ตามกรมธรรม์ (Owner)

4. นับสถานะลูกค้าให้ทุกกรมธรรม์รวมทั้งหมด ของผู้เอาประกันภัย (Insured) ที่มีหมายเลขบัตรประชาชนเดียวกัน หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง (Passport) เดียวกัน

5. ไม่สามารถโอนระดับสิทธิพิเศษที่ได้รับ ให้กับบุคคลอื่นๆ ได้ทุกกรณี

6. ไม่คำนวณระดับสิทธิพิเศษลูกค้า ให้กับลูกค้าผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิต

7. ไม่คำนวณระดับสิทธิพิเศษสำหรับกรมธรรม์ที่ซื้อใหม่ และอยู่ในช่วงที่สามารถใช้สิทธิ์การขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต (Free look period) ภายในระยะเวลา 30 วัน นับจากวันที่อนุมัติกรมธรรม์ กับทุกช่องทางการขาย

8. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิไม่นำค่าเบี้ยกรมธรรม์ที่ซื้อผ่านธนาคารไทยพาณิชย์หรือตัวแทนเดิม มาคำนวณในการจัดระดับสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าผู้เอาประกันภัยที่ชำระเบี้ยประกันชีวิตตามประเภทกรมธรรม์ที่กำหนด

เบี้ยประกัน คือ จำนวนเงินที่คุณจ่ายให้ผู้รับประกันภัยเป็นค่าประกัน ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับจากการรับผิดชอบหรือแบกรับความเสี่ยงของผู้ทำประกัน ซึ่งเบี้ยประกันต้องมีจำนวนพอกับค่าความรับผิดชอบของบริษัท ค่าประกันของคุณขึ้นอยู่กับประเภทของกรมธรรม์ที่คุณต้องการและปัจจัยเสี่ยงของคุณ กล่าวคือบริษัทจะพิจารณาว่าคุณมีแนวโน้มที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนมากน้อยเพียงใด ด้วยการพิจารณาจากปัจจัยหลายประการประกอบกันเพื่อนำมากำหนดค่าเบี้ยประกันของคุณ ทำให้ต้องตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวบุคคลและลักษณะการใช้ชีวิต และอื่นๆ ตามที่บริษัทร้องขอ

จุดเด่น

  • เบี้ยประกันคือจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายทุกเดือนหรือทุกปีสำหรับการประกันชีวิต
  • เบี้ยประกันภัยคือผลตอบแทนที่บริษัทได้รับจากการแบกรับความเสี่ยง
  • เบี้ยประกันชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของผู้ขอประกัน

สูตรการคำนวณเบี้ยประกันชีวิต

เมื่อเราตั้งใจจะซื้อหลักประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองชีวิตสักตัว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันต่อปีได้ตามกำหนดโดยไม่ผิดนัดชำระ ซึ่งจะเห็นว่าการคำนวณเบี้ยประกันชีวิตจะช่วยให้เราสามารถวางแผนจัดการเงินได้ง่ายขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบการเงินในอนาคตน้อยที่สุด เพราะคุณจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าคุณต้องมีเงินเท่าไหร่ต่อปีในการชำระค่าเบี้ยประกัน สูตรคำนวณเบี้ยประกันโดยทั่วไปเพื่อพิจารณาเงินที่ต้องจ่ายให้บริษัทประกันมีดังนี้

( ทุนประกันชีวิต x อัตราเบี้ยประกันชีวิต ) ÷ 1,000 = เบี้ยประกันชีวิตที่ต้องชำระต่อปี

ทุนประกันชีวิต คือ ความคุ้มครองที่เราต้องการ หากผู้เอาประกันเสียชีวิต

อัตราเบี้ยประกันชีวิต เราสามารถขอได้จากตัวแทน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้กำหนดให้ โดยจะคำนวณจากอัตรามรณะของประชากรในประเทศไทย

1,000 คือตัวเลขคงที่ ซึ่งกำหนดมาเพื่อใช้กับสูตรคำนวณเบี้ยประกันโดยเฉพาะ

ตัวอย่างการคำนวณเบี้ยประกันชีวิต

ในการซื้อประกันชีวิตของแต่ละคนอาจได้เบี้ยที่ต้องจ่ายแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ตัวอย่างการคำนวณเบี้ยประกันอย่างง่ายโดยทั่วไปมีดังนี้

สมมุติว่าคุณต้องการซื้อประกันชีวิตด้วยทุน 200,000 บาท ซึ่งตัวแทนบอกกับคุณว่า ตอนนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตอยู่ที่ 26.03 คุณก็จะได้สมการหน้าตาแบบนี้
สูตร: ( ทุนประกันชีวิต x อัตราเบี้ยประกันชีวิต ) ÷ 1,000 = เบี้ยประกันชีวิตที่ต้องชำระต่อปี (200,000 x 26.03) ÷ 1,000 = 5,206 บาทต่อปี

จึงสรุปได้ว่าถ้าคุณต้องการซื้อประกันชีวิตทุน 200,000 บาท คุณจะต้องจ่ายเบี้ยประกันปีละ 5,206 บาท เป็นต้น เมื่อคุณสามารถคิดค่าเบี้ย ประกันชีวิต ด้วยตัวเองได้ คุณก็สามารถเลือกชำระเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับรายได้ของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องมาเดือดร้อนเมื่อรู้เบี้ยประกันในภายหลัง ทำให้การวางแผนชีวิตมีระบบมากยิ่งขึ้น

การประกันภัยเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยง แต่อย่าให้เป็นภาระ ถ้าเกิดปัญหาทางการเงินและทำให้ประกันต้องสิ้นสุดความคุ้มครองก็น่าเสียดาย และหากเราเกิดสะดุดขึ้นมาจริง ๆ อยากให้ลองเลือกแก้ปัญหาตามทางเลือกข้างต้น แต่ที่สำคัญคือ ก่อนซื้อประกัน ศึกษารายละเอียด คิดให้รอบคอบ และเลือกวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับตัวเอง หรือปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สายด่วนประกันภัย 1186




ขอบคุณแหล่งข้อมูล
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก

ระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ย : https://bit.ly/3v2BWjd

มูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ : https://bit.ly/3hCLUUE

กรมธรรม์แบบขยายระยะเวลากับใช้เงินสำเร็จ : https://bit.ly/33VQp4L

ธัญญะ ซื่อวาจา บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน). เงินไม่พอชำระเบี้ยประกันชีวิต ต้องวางแผนอย่างไร. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก

การทำประกันชีวิตต้องคำนึงถึงวงเงินความคุ้มครองที่เพียงพอต่อความต้องการและความสามารถในการส่งเบี้ยประกันได้ทุกปีอย่างต่อเนื่องโดยพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาชีพ รายได้ ภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงเพื่อกำหนดวงเงินคุ้มครองและค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตได้อย่างเป็นระบบ

สำหรับวงเงินความคุ้มครองนั้นพิจารณาจากภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินต่าง ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ โดยคำนวณภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนของผู้ทำประกันชีวิตและครอบครัว เช่น คำนวณภาระค่าใช้จ่าย สมมติเดือนละ 15,000 บาท คูณด้วย 12 เดือน (15,000 x 12) ผลลัพธ์เป็นค่าใช้จ่ายรายปีเท่ากับ 180,000 บาท และพิจารณาจำนวนปีที่ต้องการเตรียมความคุ้มครองให้ครอบครัว อาจคำนวณจากระดับเบื้องต้น ระยะเวลา 5 ปี (180,000 x 5 ปี = 900,000 บาท)


ขั้นตอนต่อมา คือ คำนวณภาระหนี้สิน เช่น ค่าผ่อนบ้านและรถยนต์ สมมติภาระหนี้สินรวมเท่ากับ 2,000,000 บาท


จากนั้นรวมจำนวนภาระค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน เท่ากับ 2,900,000 บาท นำมาลบกับเงินฝากธนาคารและเงินออมอื่น ๆ หากมีเงินออม 500,000 บาท สูตรคำนวณคือ 2,900,000 - 500,000 = 2,400,000 บาท ดังนั้นวงเงินสำหรับซื้อประกันเพื่อสร้างหลักประกันของครอบครัว คือ 2,400,000 บาท

บริษัทประกันแต่ละแห่งทำทุนประกันชีวิตเท่ากัน แต่มีรายละเอียดการคิดเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแตกต่างกันและจำนวนเงินคืนระหว่างทำประกันก็ไม่เท่ากันด้วย

ยกตัวอย่าง ประกันชีวิตแบบให้ความคุ้มครองชีวิตทุกกรณีของบริษัทเอไอเอซึ่งคุ้มครองทุกสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ วิธีคำนวณ คือ ทุนประกันชีวิต x อัตราเบี้ยประกันชีวิต / 1,000 = เบี้ยประกันชีวิตที่ต้องชำระต่อปี