วิธี ทำความ สะอาด ฟิล์มกระดาษ

หน้าแรก > วิธีดูแลรักษาฟิล์มหลังติดตั้ง

วิธีดูแลรักษาฟิล์มหลังติดตั้ง

โดยทั่วไปวิธีการติดตั้งฟิล์มกรองแสงจะต้องใช้น้ำผสมน้ำยาติดฟิล์ม ฉีดลงไปบนด้านแผ่นกาวของฟิล์มและกระจกที่จะติดตั้ง เพื่อช่วยให้ขยับฟิล์มให้เข้าที่แล้วจึงรีดน้ำและอากาศออกด้วยเครื่องมือชนิดต่างๆ ดังนั้นภายหลังติดตั้งจะพบว่ามีคราบน้ำขัง ไม่ใช่ฟองอกาศ กระจกมัว หรือเป็นฝ้า บนกระจก ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเอง ภายในระยะเวลา 1-4 สัปดาห์ เมื่อฟิล์มแห้งสนิดและกาวทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ควรปฏิบัติดังนี้

1. ห้ามสัมผัสหรือเช็ดถูฟิล์มที่ติดตั้ง เป็นเวลา 7 วัน เพื่อให้ฟิล์มอยู่ตัว

2.ระยะเวลาในการอยู่ตัวของฟิล์มจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิล์มที่ติดตั้ง อุณหภูมิและความชื้นในอากาศ คราบความชื้นที่อยู่ระหว่างกระจกกับฟิล์ม อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างนี้ แต่จะห้งและหายไปได้เองจนหมด

3.ห้ามเช็ดถูด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ผ้าหยาบ ขนแปรง สก็อตไบร์ท หรือวัสดุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ฟิล์มได้

4.ห้ามเช็็ดล้างด้วยน้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของสารแอมโมเนียทำความสะอาดฟิล์มโดยเด็ดขาด

5.ทำความสะอาดฟิล์มโดยใช้ผ้านุ่ม และน้ำเปล่าหรือจะผสมสบู่อ่อนๆ เช็ดทำความสะอาดฟิล์ม ซึ่งจะช่วยทำให้เนื้อฟิล์มใส และรักษาเนื้อฟิล์มได้ดี

6.ก่อนเช็ดทำความสะอาดทุกครัั้ง ควรตรวจสอบเสมอว่าในผ้าที่ใช้ไม่มีผงฝุ่นหรือเม็ดทรายในผ้า เพราะจะทำให้คุณสมบัติของสารเคลือบฟิล์มเสียหายหรือลดคุณภาพลงได้

เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เราแน่ใจได้ว่า เราได้ฟิล์มอาคารที่คุณภาพ และรู้วิธีการดูแลรักษาฟิล์มอย่างถูกวิธี เพราะในการดูแลเอาใจใส่ฟิล์มที่ติดตั้งมาใหม่อย่างถูกต้องนั้น จะทำให้ฟิล์มที่เราติดตั้งมานั้นอยู่คู่กับบ้านหรืออาคารไปได้อย่างยาวนาน

Visitors: 155,855

          9 สิ่งต้องห้าม ไม่ควรเอามาใช้ทําความสะอาดโทรศัพท์และหน้าจอ ถ้าไม่อยากให้โทรศัพท์เสี่ยงพังก่อนเวลาอันควร

          ถึงแม้ว่าการทำความสะอาดโทรศัพท์จะเป็นสิ่งที่ควรหมั่นทำบ่อย ๆ เพื่อรักษาความสะอาดให้ปราศจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ  แต่ก็ควรจะคำนึงถึงวิธีที่ถูกต้องในการทำความสะอาดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากใช้วิธีผิด ๆ แล้วก็อาจทำให้เกิดความเสียหายกับตัวเครื่องและหน้าจอ (ในกรณีที่ไม่ได้ติดฟิล์มกันรอย) วันนี้เราจึงได้นำ 9 สิ่งที่ห้ามใช้ทำความสะอาดโทรศัพท์มาให้อ่านเพื่อเป็นการเตือนใจกัน

          เครื่องเป่าลม - การใช้เครื่องเป่าลมที่มีแรงอัดอากาศอาจทำความเสียหายให้กับโทรศัพท์ได้ถ้าหากเป่าเข้าไปในช่องพอร์ตต่าง ๆ โดยเฉพาะการเป่าเข้าไปที่ช่องไมโครโฟน

          น้ำยาเช็ดกระจก - ไม่เหมาะที่จะใช้กับโทรศัพท์บางรุ่นที่มีการเคลือบสารป้องกันตัวเครื่องเป็นรอย เพราะอาจทำให้สารที่เคลือบไว้เสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม

          น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ - อาจทำลายสารที่เคลือบเพื่อป้องกันรอยบนหน้าจอได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้หน้าจอมีโอกาสเป็นรอยมากขึ้น

          แอลกอฮอล์ - แอลกอฮอล์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถทำลายสารเคลือบหน้าจอได้เช่นกัน และถึงแม้ว่าจะเลือกซื้อน้ำยาสำหรับทำความสะอาดหน้าจอโดยเฉพาะ ก็ควรดูให้ดีก่อนว่ามีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมด้วยหรือไม่

          น้ำส้มสายชู - อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามใช้เช็ดบนกระจกหน้าจอ เพราะจะทำให้สารเคลือบจอเสื่อมสภาพได้ และถ้าหากต้องการเช็ดส่วนอื่น ๆ ของโทรศัพท์ก็ควรจะผสมน้ำในอัตราส่วน 50:50 ด้วย

          สบู่ - เนื่องจากการใช้สบู่จำเป็นต้องผสมน้ำ จึงไม่ควรใช้สบู่ เพราะน้ำและสบู่อาจซึมเข้าไปในตัวเครื่องได้

          น้ำยาเช็ดเครื่องสำอาง - อาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อหน้าจอได้ ให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำสะอาดเช็ดหมาด ๆ แทนจะดีกว่า

          กระดาษชำระ - สามารถเปื่อยหรือขาดได้ ทำให้อาจมีเศษกระดาษติดอยู่ตามซอกตัวเครื่องโทรศัพท์ และอาจทำให้หน้าจอเป็นรอยได้ด้วย

          น้ำยาฆ่าเชื้อ - น้ำยาชนิดนี้มักมีคำเตือนให้ล้างมือหลังใช้ทุกครั้ง ซึ่งก็แปลว่ามันไม่เหมาะที่จะใช้เช็ดโทรศัพท์ที่ต้องสัมผัสกับนิ้วหรือใบหน้า แถมมันยังมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ไม่ควรใช้เช็ดหน้าจออีกด้วย

          สำหรับวิธีการทำความสะอาดโทรศัพท์ที่ดีที่สุดก็คือ ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ ที่ไม่มีขนอย่างผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ด หรือถ้าต้องการชุบน้ำก็เอาแค่เปียกหมาด ๆ ก็พอ เพียงเท่านี้โทรศัพท์ของเราก็จะสะอาดหมดจดแล้ว หรือดูวิธีทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคเพิ่มเติมได้ที่ : ทําความสะอาดโทรศัพท์ยังไงให้ปลอดเชื้อ COVID-19

ขอบคุณข้อมูลจาก cnet, verizon.com