อึดอัด แน่นท้อง ท้องผูก ใส่อะไรก็ไม่มั่นใจเพราะพุงออก หากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ เชื่อว่าคุณคงจะสนใจเรื่องการดีท็อกซ์ขึ้นมาบ้างล่ะ ว่าแต่ดีท็อกซ์ที่แท้จริงคืออะไรกันนะ? มาหาคำตอบกันในบทความนี้ได้เลย Show
เลือกหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับดีท็อกซ์ที่นี่ ดีท็อกซ์ คืออะไร?ดีท็อกซ์ (Detox) คือคำที่ใช้เรียกการกำจัดสารพิษ สิ่งสกปรก ที่ตกค้างในร่างกายออกมา จริงๆ แล้วคำว่า Detox นั้นมาจากคำเต็มว่า Detoxification ที่มีความหมายว่าล้างพิษนั่นเอง การดีท็อกซ์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่จะพูดถึงในบทความนี้คือการดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ (Colon cleanse, Colonic irrigation หรือ Colonic detoxification) ซึ่งเป็นวิธีดีท็อกซ์ยอดนิยม วิธีการก็คือใช้อุปกรณ์ใส่น้ำหรือสารบางอย่าง เช่น น้ำเกลือ (NSS) บีบสวนเข้าทางทวารหนักเพื่อให้น้ำเข้าไปกวาดเอาสิ่งสกปรก แล้วขับออกมาทางอุจจาระ (ลักษณะคล้ายการเร่งถ่าย) ประโยชน์ของการดีท็อกซ์การดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ มีประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ดังนี้
แต่ก่อนจะตัดสินใจ! ประโยชน์จากการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้นี้ยังคงไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันได้ชัดเจน การดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้จึงเป็นการรักษาแบบทางเลือกเท่านั้น นั่นหมายความว่าควรขอคำแนะนำจากแพทย์ หรือต้องทำโดยมีบุคลากรทางการแพทย์ เช่น หมอ พยาบาล คอยกำกับดูแล ใครไม่ควรดีท็อกซ์ล้างลำไส้แม้คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ เพียงแค่รับประทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะๆ และออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจถึงขึ้นต้องหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกซ์ล้างลำไว้ เพราะอาจเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายได้ ดังนี้
ผู้ที่มีเงื่อนไขต่างๆ ดังที่กล่าวมา อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ไตวาย เกิดการติดเชื้อ หรือภาวะอื่นๆ ได้ เว้นแต่แพทย์ผู้ดูแลจะอนุญาตเท่านั้น นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้อื่นๆ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว ก็ควรสอบถามกับผู้ให้บริการก่อนทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ด้วยว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสมต่อตัวคุณหรือมีข้อห้ามใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ควรดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน?ไม่มีจำนวนแน่ชัดในการให้แนะนำว่าควรสวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน เพราะโดยปกติร่างกายมีกลไกการกำจัดสารพิษและสิ่งสกปรกออกได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แพทย์จะสวนล้างลำไส้ในกรณีที่เห็นสมควรเท่านั้น เช่น ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอย่างหนัก ผู้ที่กำลังจะรับการผ่าตัดบางชนิด ผู้ที่กำลังจะรับการเอกซเรย์ลำไส้ (และกลัวอุจจาระบังภาพ) ดังนั้น การดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ ควรทำเฉพาะเวลาที่มีปัญหาอันสมควรเท่านั้น หรือเลือกทำด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ดื่มน้ำมากๆ กินผักผลไม้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการดีท็อกซ์การดีท็อกซ์ล้างลำไส้ อาจมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
การดีท็อกซ์ล้างลำไส้จึงควรทำกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมมา เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ลงให้ได้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ ข้อควรระวังในการดีท็อกซ์อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การดีท็อกซ์สวนลำไส้นั้นควรทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ หรือได้รับการอนุมัติจากบุคลากรทางการแพทย์ เพราะหากซื้ออุปกรณ์มาทำด้วยตัวเอง อาจเกิดปัญหา ดังนี้ การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากมีจริงไหมคะ แต่นอกจากวิธีการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำและการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและรู้สึกสดชื่นจากภายในสู่ภายนอกได้ นั่นคือ การทำดีท็อกล้างลำไส้ เพื่อกำจัดของเสียสะสมภายในร่างกายนั่นเอง โดยเฉพาะสาว ๆ อย่างเราที่ต้องดูแลรูปร่างอย่างสม่ำเสมอ การดีท็อกลดพุงจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแบบธรรมชาติ ที่ช่วยให้เราสามารถมีรูปร่างที่ดีได้ ดังนั้นวันนี้เราลองมาดู 9 สูตร ดีท็อกลดพุง แบบง่าย ๆ ที่จะช่วยล้างลำไส้ ให้คุณมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้นกันค่ะ ทำความรู้จัก ดีท็อก คืออะไรดีท็อก (Detox) หรือ Detoxification คือการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีระบบกำจัดสารพิษอยู่แล้ว เพื่อลดการสะสมของของเสียในร่างกายที่อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา การดีท็อกเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ระบบกำจัดสารพิษภายในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย และทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันการดีท็อกก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิธีลดพุงด้วยการทำดีท็อกลดพุงที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพและผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอ การทำดีท็อกมีกี่วิธีการดีท็อกลดพุงหลัก ๆ มีอยู่ 3 วิธี ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีความแตกต่างทั้งในแง่วิธีการปฏิบัติและความเหมาะสมในแต่ละบุคคล เราไปดูกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง 1. ดีท็อกด้วยการรับประทานอาหารการดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง และทำได้ง่าย ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารที่ช่วยดีท็อกสารพิษในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานผักและผลไม้ หรือการรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย ไม่มีสารปนเปื้อน และควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารที่มีการฟอกสี ขัดขาว และอาหารสำเร็จรูป 2. ดีท็อกด้วยการสวนล้างลำไส้การสวนล้างลำไส้เป็นวิธดีท็อกแบบแพทย์ทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งช่วยกำจัดของเสียและสารพิษตกค้างภายในลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยลดอาการท้องผูก ข้อควรระวังคือการสวนล้างลำไส้จำเป็นต้องทำโดยผู้มีความรู้ในวิธีการทำที่ถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหรือแพทย์ เนื่องจากเป็นวิธีดีท็อกที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายนั่นเอง โดยการสวนล้างลำไส้แบ่งออกเป็น 2 ระดับ
เป็นการสวนล้างลำไส้ช่วงปลายลำไส้ 30 เซนติเมตร ด้วยน้ำ 1 – 1.5 ลิตร ผสมกับกาแฟบริสุทธิ์สำหรับใช้ในการทำ detox ลำไส้ โดยเฉพาะ หรือใช้น้ำสมุนไพร เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มมะขาม ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล
เป็นการสวนล้างทั่วทั้งลำไส้ ซึ่งมีขนาดยาวกว่า 150 เมตร ด้วยน้ำอุ่น 25 ลิตร โดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า เครื่องล้างลำไส้ (Colonic) ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิ แรงดัน และปริมาณของน้ำ และต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหรือแพทย์เท่านั้น 3. ดีท็อกด้วยการอดอาหารเป็นการดีท็อกลดพุงด้วยการเลียนแบบพฤติกรรมการจำศีลของสัตว์ ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักการทำงาน ลดการสะสมของเสียในลำไส้ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาอดอาหาร 1 – 2 วัน และทดแทนอาหารด้วยการดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผักผลไม้แทน ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำดีท็อกสำหรับการเตรียมตัวก่อนทำดีท็อกลดพุงนั้นมีหลากหลายวิธี โดยในบทความนี้เราจะขอเน้นไปที่การเตรียมตัวดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร ไปดูกันเลยค่า
โดยค่อย ๆ ลดปริมาณอาหารที่ต้องการดีท็อก โดยเฉพาะอาหารที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำตาล น้ำตาลเทียม และไขมันทรานซ์ และเริ่มเพิ่มอาหารประเภทผักเข้าไปแทนในแต่ละมื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเวียนศีรษะ ท้องอืด หรือท้องผูก จากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
สำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรลดปริมาณคาเฟอีนที่ทานต่อวันลง อาจเลือกรับประทานกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนต่ำหรือชา
เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกาย โดยเฉพาะในกระบวนการกำจัดของเสีย ซึ่งการดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ ดังนั้นในช่วงการทำดีท็อกจึงควรเริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือตามที่ร่างกายควรได้รับโดยคำนวณจากสูตร น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/30 จะได้จำนวนน้ำ (ลิตร) ที่ร่างกายควรได้รับ
การดีท็อกด้วยการทานอาหารไม่จำเป็นต้องอดเสมอไป เพียงคุณทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ เน้นผักและผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกที่ดี และสำหรับบางท่านที่อาจมีโรคประจำตัวและต้องทานยาเป็นประจำ ในระหว่างการทำดีท็อกหากต้องการหยุดทานยาควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายตามมาในภายหลัง
เพื่อให้การกำจัดสารพิษของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสามารถเสริมการทำสปา ขัดผิว หรืออบสมุนไพร เพื่อให้ร่างกายกำจัดสารพิษออกทางผิวหนังได้ดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมการล้างพิษแล้ว ยังช่วยให้ผ่อนคลายในระหว่างการดีท็อกได้อีกด้วย แนะนำ 9 สูตรดีท็อกลดพุง ด้วยผักและผลไม้สูตรที่ 1 ซุปผักร้อนสูตรแรกเรามาเริ่มต้นด้วยดีท็อกผักอย่างซุปผักร้อน ๆ เพื่อเพิ่มกากใยและสารอาหารให้กับร่างกาย แถมยังอิ่มท้องและดีระบบขับถ่าย ที่หากทานบ่อย ๆ ก็จะช่วยดีท็อกลำไส้ไปในตัว โดยสามารถเลือกทำซุปผักสีเขียวที่เน้นผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็ก ไฟเบอร์สูง และแคลอรีต่ำ อย่างผักโขม ผักชีฝรั่ง บรอกโคลี กระเทียม และเพิ่มรสชาติด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ และน้ำ หรือจะทำเป็นซุปผักสีส้มที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างฟักทอง แคร์รอต หอมหัวใหญ่ กระเทียม ซึ่งมีไฟเบอร์สูงและมีน้ำที่ช่วยย่อยอาหารได้ดี สูตรที่ 2 น้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต นมสดสูตรผสมระหว่างน้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต และนมสด รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานถูกใจสาว ๆ และช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้ดี โดยสูตรนี้แนะนำให้ทานติดต่อกัน 3 วัน ช่วงเวลา 05.30 – 07.00 น. และแนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดก่อนทานสัก 1 – 2 แก้ว รับรองพุงยุบแน่นอนจ้า สูตรที่ 3 น้ำอุ่นและน้ำมะนาวสูตรดีท็อกที่ทำง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีน้ำอุ่น 1 แก้ว และมะนาวครึ่งลูกเท่านั้น โดยการผสมให้เข้ากันและดื่มก่อนนอนเป็นประจำ ซึ่งสูตรนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้แล้ว ยังมีกรดและไฟเบอร์จากมะนาวที่ช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในลำไส้ออกไปกับการขับถ่ายในยามเช้า สูตรที่ 4 นมจืดและกล้วยน้ำว้าสูตรดีท็อกที่อิ่มอร่อยด้วย นมจืด 2 กล่อง และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก นำมาปั่นรวมกัน และดื่มในตอนเช้าทันทีหลังตื่นนอน ซึ่งแนะนำให้ทำติดต่อกัน 3 วัน จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น และขับถ่ายเป็นเวลา สูตรที่ 5 ชาขิงกับว่านหางจระเข้สูตรนี้เป็นชาดีท็อกชั้นเลิศที่ช่วยให้พุงยุบได้อย่างรวดเร็ว โดยมีส่วนผสมเพียง 3 อย่าง โดยเริ่มจากเตรียมขิงหั่นแว่น 1 แว่น และนำไปต้มในน้ำร้อน จากนั้นเติมวุ้นว่านหางจระเข้เข้าไป 1 ช้อนโต๊ะ ทานตอนร้อน ๆ จะรู้สึกสดชื่นดีทีเดียว โดยสูตรนี้เป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น สูตรที่ 6 น้ำเปล่าผสมกับเม็ดแมงลักอีกหนึ่งสูตรดีท็อกยอดนิยมที่ช่วยลดพุงได้ดีทีเดียว กับสูตรน้ำเปล่าใส่เม็ดแมงลัก โดยเตรียมน้ำเปล่า 1 แก้ว ใส่เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา จากนั้นรอให้เม็ดแมงลักพองตัวและดื่มก่อนนอน โดยเม็ดแมงลักมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับของเสียสะสมออกจากร่างกาย ช่วยให้กระเพาะสะอาดและย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น สูตรที่ 7 น้ำเปล่า เลมอน แตงกวา ใบสะระแหน่สูตรนี้เป็นสูตรน้ำดีท็อกที่เรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย พร้อมกับช่วยกำจัดของเสียออกมากับการขับถ่ายในตอนเช้า โดยสูตรนี้ใช้เลมอน 2 ลูก แตงกวา ½ ลูก นำมาฝานบางๆ และใบสะระแหน่ 10 – 12 ใบ ใส่ในโหลแก้วและเติมน้ำเปล่าลงไป ¾ ถ้วย จากนั้นแช่ตู้เย็นไว้ 8 ชั่วโมง และนำมาดื่มในตอนเช้าได้เลยค่า สูตรที่ 8 น้ำเปล่า เลมอน มะนาว สตรอว์เบอร์รี แตงกวา ใบสะระแหน่อีกสูตรน้ำดีท็อกสำหรับสาวกที่ชอบความหอมจากสตรอว์เบอร์รี โดยมีส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รี 5 ลูก เลมอน 1 ลูก มะนาว ½ ลูก แตงกวา ½ ลูก นำมาฝานบาง ๆ เตรียมไว้ และใบสะระแหน่ 10 – 12 ใบ ใส่ในโหลแก้วและเติมน้ำเปล่าลงไป ¾ ถ้วย แช่เย็น 2 – 8 ชั่วโมง ทานในตอนเช้าจะช่วยดีท็อกของเสียผ่านการขับถ่ายได้ดีทีเดียวค่า สูตรที่ 9 ดีท็อกแอปเปิ้ลดีท็อกแอปเปิ้ลเป็นสูตรดีท็อกซ์ด้วยผลไม้ที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ด้วยการทานแอปเปิ้ลแทนมื้ออาหาร 3 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยเลือกทานแอปเปิ้ลพันธุ์ใดก็ได้ตามความชอบ และสามารถเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ อย่างน้ำแอปเปิ้ล 100% หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปได้เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ โดยแอปเปิ้ลจะมีสารที่เรียกว่าเพ็คตินที่จะช่วยขับสารพิษที่ค้างอยู่ในลำไส้ออกมาผ่านการขับถ่ายในแต่ละวัน ซึ่งระหว่างการทำดีท็อกนี้ก็ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้ว และในวันสุดท้ายให้ปิดท้ายด้วยการทานน้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 2 ช้อนโต๊ะ อาจผสมกับน้ำองุ่นหรือน้ำส้มเพื่อให้ทานง่ายขึ้น ข้อดีของการทำดีท็อก
ข้อจำกัดของการทำดีท็อก
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกสำหรับบางท่านที่ต้องการทำดีท็อกลดพุงแต่อาจอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อความปลอดภัย และไม่ควรทำบ่อยเกินไป โดยผู้ที่จะทำดีท็อกควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอาจทำได้โดยต้องปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการดีท็อกให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล ซึ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรทำดีท็อกได้แก่
คำถามที่พบบ่อยควรดีท็อกลดพุงกี่วันการดีท็อกลดพุงไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอน แต่สามารถทำติดต่อกันได้ระยะเวลาหนึ่ง โดยขึ้นอยู่กับสูตรดีท็อกที่ใช้และร่างกายของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปควรทำอย่างน้อย 3 วันขึ้นไป เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งนี้ในการทำดีท็อกแต่ละสูตรควรศึกษาวิธีการและปฏิบัติอย่างถูกต้อง และไม่ทำติดต่อกันนานเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียกับสุขภาพร่างกาย และเพื่อความปลอดภัยขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ เพื่อแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับเราจะดีที่สุดค่า น้ําดีท็อกดื่มตอนไหนการดื่มน้ำดีท็อกลดพุงในแต่ละช่วงเวลาจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
ดีท็อกลําไส้มีที่ไหนบ้างการดีท็อกสวนล้างลำไส้อย่างปลอดภัยควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเราขอแนะนำ 5 อันดับ ศูนย์ดีท็อกลำไส้ 2022 เพื่อเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจกันค่ะ
ข้อสรุปการดีท็อกลดพุงเป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำได้ง่ายและเห็นผลจริง ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายวิธีทั้งการดีท็อกด้วยการรับประทานอาหาร สวนล้างลำไส้ และการอดอาหาร ทั้งนี้การดีท็อกแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้นในการดีท็อกทุกครั้งจึงควรศึกษาวิธีการที่ถูกต้อง ปลอดภัย และเหมาะสมกับเรามากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรา สำหรับวิธีง่าย ๆ อย่างการดีท็อกด้วยการรับประทานอาหารเราก็ได้แนะนำสูตรดีท็อกถึง 9 สูตร ที่ทั้งทำง่าย อร่อย และดีต่อสุขภาพมาให้สาว ๆ ได้ลองทำเองที่บ้าน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงยังคงต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบกันทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย ดังนั้นก็ควรทำควบคู่กันไปเพื่อให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงยืนยาว Share:Share on facebook Share on twitter Related Postsรวม 7 ท่าสควอท เสกหุ่นสวย สอนท่าสควอทอย่างถูกวิธี ต้องทำอย่างไร?22/03/2022 ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ทั้งเป้าหมายด้านสุขภาพ รูปร่าง หรือการพัฒนาความสามารถด้านกีฬาเองก็ตาม และไม่ว่าเป้าหมายใด ท่าสควอทถือเป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ควรฝึก Read Moreรวม 10 ท่านอนออกกำลังกาย ลดพุง ลดขาง่ายๆ แม้อยู่บนเตียง22/03/2022 ในบางสถานการณ์การออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะหลังตื่นนอนในยามเช้า และยิ่งถ้าไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว การลุกออกจากเตียงในช่วงเช้าเพื่อไปออกกำลังกายยิ่งเป็นเรื่องที่แสนยากลำบาก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะพามาดูท่านอนออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ จะทำบนพื้นในห้องนอน Read More7 ท่าสร้างซิกแพค วิธีสร้างกล้ามท้องฉบับง่าย ทำตามได้ เห็นผลจริง11/03/2022 มาดูท่าสร้างซิกแพคง่ายๆ ที่ทุกคนก็ทำได้ 7 ท่าสร้างซิกแพคสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ตามสไตล์เบเบ้ Read more Read Moreรวม 10 ท่าลดเอว วิธีทำให้เอวเล็กแบบเร่งด่วน ลดเอวข้าง สร้างหน้าท้องสวย!03/03/2022 แนะนำ 10 ท่าลดเอว หุ่นฟิต บริหารหน้าท้องสวย ฉบับเบเบ้! อยากมีเอวบาง เอวเอส ต้องทำอย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ในบทความนี้ กินอะไรทำความสะอาดลำไส้10 อาหาร “ดีท็อกซ์” ร่างกาย ขับของเสีย-ทานง่ายถ่ายคล่อง. 1. ผลไม้ ... . 2. ผักใบเขียว ... . 3. มะนาวเหลือง มะนาวเขียว และส้ม ... . 4. กระเทียม ... . 5. ต้นอ่อนบร็อคโคลี่ ... . 6. ชาเขียว ... . 7. ถั่วเขียว ... . 8. ผักสด. ทำยังไงให้ลำไส้สะอาดพยาบาลจะสอดหลอดสวนเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวลลึกเพียง 2 นิ้ว เปิดให้น้ำอุ่นเข้าลำไส้ช้า ๆ ให้กลั้นอุจจาระประมาณ 5 – 10 วินาที เมื่อรู้สึกอยากถ่าย ให้ถ่ายได้ทันที เมื่อเบ่งน้ำและของเสียจะไหลออกทางทวารหนักผ่านข้าง ๆ หลอดสวน ทำซ้ำจนน้ำในเครื่องหมด ( โดยใช้น้ำอุ่น 25 ลิตร ผสมน้ำเกลือแร่หรือกาแฟสกัด )
กิน ผัก อะไร ช่วยล้าง ลำไส้7 มิ.ย. 2559 เวลา 18:38:13. 45,663.. 1. ขึ้นฉ่าย ... . 2. มะเขือพวง. 3. พืชตระกูลกะหล่ำ ... . 4. ตำลึง ... . 5. บวบ. 6. แตงกวา ... . 7. มะเขือเทศ. 8. ผักชีลาว. สมุนไพรที่ดีท็อกซ์ลำไส้มีอะไรบ้างสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว ประกอบด้วย สมอไทย สมอพิเภก มะขาม ป้อม ใบมะขามแขก ฝักคูณ เทียนขาว ดีปลี มะขามเปียก ซึ่งทำให้ลำไส้เกิดการบีบรัด เคลื่อนตัว และช่วยให้เกิดการขับถ่ายที่สะดวก และ. สมุนไพรรสเผ็ดร้อน เพื่อเป็นการขับลม คือ พริกไทยดำ ขิง แห้ง ขมิ้นชัน เพื่อปรับสมดุลหลังจากการขับถ่ายและขับเมือกต่างๆ จากลำไส้. |