ฟัน ห่าง ทํา อย่างไร ดี

ฟัน ห่าง ทํา อย่างไร ดี
ฟัน ห่าง ทํา อย่างไร ดี

ฟันห่าง รักษาอย่างไร?

ฟันห่างนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

– ฟันซี่เล็ก

– ขากรรไกรใหญ่

– รูปร่างฟันผิดปกติ

– ลิ้นดุนฟัน ทำให้ฟันยื่น ฟันห่าง

– มีเยื่อยึดริมฝีปากเกาะสูง คั่นกลางระหว่างฟัน

– ถอนฟันไป ทำให้ฟันกระจายตัวเข้าสู่ช่องว่างที่ถอน

การรักษาทำได้หลายวิธี ได้แก่

1. อุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน

ฟันซี่ใหญ่ขึ้น

2. วีเนียร์ เคลือบหน้าฟัน

ช่วยปรับรูปร่างฟัน

ปรับสีฟันให้ขาวสวย

3. จัดฟันปิดช่องว่าง

รูปร่างฟันเหมือนเดิม

ช่วยให้ฟันหน้าหุบเข้าไปเล็กน้อย

แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละรายนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีจากคลินิกทันตกรรมสยามเด๊นท์

Siamdent Dental Clinic

เพราะเรามุ่งสร้างรอยยิ้มให้คุณเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

#siamdent #ทำฟัน #จัดฟัน #bettersmilebetterlife

Share this:

  • Twitter
  • Facebook

Like this:

Like Loading...

หลายๆคนที่กำลังประสบกับปัญหาเกิดช่องว่างระหว่างฟัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ฟันห่าง” ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจ เสียบุคลิก กระทบต่อหน้าที่การงานและชีวิตประจำวัน จนสุดท้ายต้องเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะคิดว่าวิธีรักษาฟันห่างนั้นมีแค่วิธีเดียวก็คือการจัดฟัน ซึ่งในยุคสมัยนี้ที่นวัตกรรมทางทันตกรรมก้าวหน้าเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีมากมายหลายวิธีในการช่วยให้ฟันเรียวตัวเข้าที่อย่างสวยงามโดยไม่ทำการจัดฟัน โดยแต่ละวิธีนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

 

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Idol Smile Dental Clinic ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทันตกรรมมากว่า 15 ปี จะขอพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับวิธีรักษาฟันเกิดช่องว่าง ด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงข้อดีและข้อเสียให้ได้ตัดสินใจกันอย่างถูกต้อง และเหมาะสม ดังต่อไปนี้

 

ข้อดี-ข้อเสีย วิธีรักษาฟันห่างแบบต่างๆ

  1. อุดฟัน เพื่อปิดช่องว่างระหว่างฟัน

วิธีนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมกันอย่างมาก โดยทางด้านทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนกับฟัน อุดเตริมเต็มฟันแต่ละซี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนฟันชิดติดกัน ซึ่งวิธีนี้จะไม่จำเป็นต้องทำการกรอฟัน หรืออาจจะมีการกรอบ้างเล็กน้อยเพื่อตกแต่ง และเคลือบฟันเพื่อลดความนูนของสันฟัน เพื่อให้เกิดความสวยงามดูดีสมดุลของฟันทั้ง 2 ซี่ ซึ่งวิธีการนี้จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30 – 45 นาที สามารถทำเสร็จได้ในครั้งเดียว เหมือนอุดฟันทั่วไป

ข้อดี – มีราคาที่ถูก และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ไม่ต้องเสียเวลางานมาหาทันตแพทย์หลายรอบ ไม่เจ็บปวด แถมมีความสวยงามเหมือนฟันตามธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่ต้องทำการกรอฟันให้เสียหน้าฟันโดยใช่เหตุ และสามารถรื้อออกได้โดยที่ฟันไม่เสียหาย

ข้อเสีย – เมื่อทำแล้วต้องระมัดระวังอย่างสูงเวลากัดแทะสิ่งของหรืออาหารที่แข็งด้วยฟันหน้า เพราะ มีโอกาสที่จะเกิดการบิ่นหรือแตกหักได้ และเรื่องความสะอาดยิ่งจำเป็นต้องดูแลให้ดี เพราะ เศษอาหารจะเข้าไปติดในซอกฟันและทำความสะอาดได้ยาก

 

  1. เคลือบฟันเทียม

การรักษาช่องว่างระหว่างฟันด้วยวิธีนี้สิ่งแรกที่ทันตแพทย์จะทำก็คือการกรอฟันออกเล็กน้อย และจึงเริ่มทำการพิมพ์ฟันซึ่งจะนำไปทำเคลือบฟันเทียม ซึ่งเคลือบฟันเทียมนี้โดยส่วนใหญ่จะผลิตจาก พอร์ซเลน ซึ่งมีความใส สีเหมือนฟันมาก เมื่อทำการปั๊มแบบเรียบร้อยทันตแพทย์จะนัดวันใส่เคลือบฟันเทียมอีกทีหนึ่ง โดยการติดแผ่นเคลือบฟันเทียมเข้าไปที่ฟันแท้ ปกปิดช่องว่างของฟันได้อย่างแนบเนียน

ข้อดี – มีความสวยงาม สีเหมือนฟันจริง และที่สำคัญคือสีไม่เปลี่ยนแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนาน อีกทั้งยังสามารถปรับรูปฟันเล็กๆน้อยๆให้เรียงตัวกันแน่นขึ้นและดูสวยเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย

ข้อเสีย – การทำเคลือบฟันเทียมนั้น ต้องทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะ การทำเคลือบฟันเทียมมีความละเอียดอ่อนสูง หากว่าทำไม่ดีอาจจะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ หรืออาจจะมีช่องว่าให้แบคทีเรียเข้าไปสะสมไม่สามารถทำความสะอาดได้จนก่อให้เกิดฟันผุ

 

  1. จัดฟัน เพื่อแก้ไขช่องฟันห่าง

อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า การจัดฟันนั้น คือการแก้ไขความไม่สมดุลจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติให้กลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งจะใช้เครื่องมือจากภายนอกและภายในเป็นตัวกำหนดทิศทางของการเรียงตัวของฟัน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างของฟันใหม่ และ กระดูกที่ล้อมรอบบริเวณรากฟันจะถูกละลายและเสริมสร้างโครงสร้างของกระดูกใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการรักษาช่องฟันห่างที่เป็นที่นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้

ข้อดี – ฟันนั้นจะกลับมาเรียงตัวสวยงามตามธรรมชาติ อย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไป

ข้อเสีย – มีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา และต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาฟันล้มฟันเกได้ และด้วยความที่มีอุปกรณ์ติดไว้ที่ช่องปาก ทำให้มีโอกาสเกิดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลความสะอาดที่ดีพอ