วิธีแชร์ไฟล์ใน microsoft team

หลายๆคนคงเคยปวดหัวกับการนั่งส่งไปซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบ จริงๆแล้วใน Microsoft Teams สามารถใช้คอนเซป Folder หลักอันเดียวได้แล้วให้ห้องเรียนอื่น มี Folder link เข้ามาหาได้ ทำยังไง? มาดูกันครับ

Show

จะเก็บไฟล์ในทีม ใน SharePoint เก่าเมื่อนานมาแล้ว หรือจะ Google Drive , DropBox ทำได้หมด ไม่ต้องคอยนั่งส่ง link ด้วย

ขั้นตอนแรก

ไปที่แถบ File เลือกโฟล์เดอร์หลักสักอัน จัดไฟล์ที่ต้องการให้อยู่ในโฟลเดอร์เดียว เช่นใน Class Material

วิธีแชร์ไฟล์ใน microsoft team

1. ใช้รูปที่สุภาพเรียบร้อย

ติดรูปของตัวเองลงไปในเรซูเม่ด้วย ในด้านบน ไม่ว่าจะเป็นซ้ายหรือขวา ก็ได้หมด ขอเพียงรูปต้องเป็นรูปที่สุภาพเรียบร้อย ถ้าเป็นรูปติดบัตรได้จะดีที่สุดแล้วครับ และขอให้หลีกเลี่ยงรูปเซลฟี่ในห้องตัวเอง ที่แบ๊คกราวนด์ติดกองเสื้อผ้ายังไม่ได้ซักกองโต หรือขยะในห้องนอนมาด้วย เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพอย่างยิ่ง เมื่อรูปไม่สุภาพ คนก็ไม่สุภาพเป็นเงาตามตัวครับ จ๊อบเทพได้เขียนรายละเอียดเรื่อง การใส่รูปลงในเรซูเม่อย่างละเอียดแล้ว ตามไปอ่านกันได้ครับ

2. ใส่ข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบ

โดยข้อมูลส่วนนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้อ่านนั้นรู้ fact ของเราแต่ไม่ต้องเขียนละเอียดมาก เอาเป็นว่าใส่สิ่งที่จำเป็นที่คนอื่นเค้าใส่กันก็พอครับ แต่อย่ามองข้ามเรื่องชื่อตัวเอง เบอร์ติดต่อ อีเมล์ติดต่อ เพศ อายุ (บางคนใส่ปีเกิดก็ได้นะ) และถ้าเป็นผู้ชาย ถ้าหากใส่ สถานภาพทางการทหาร เอาไว้ด้วยก็จะได้เปรียบมากกว่าคนอื่นครับ

3. จุดประสงค์ในการทำงาน (Career Objective)

จุดประสงค์ในการทำงานนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญกับนักศึกษาจบใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าตัวเราจะไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนเลย อาจจะมีเพียงฝึกงานซึ่งส่วนมากก็ฝึกกันที่เดียว ในระยะเวลาสั้นๆแค่ 1-2 เดือน ดังนั้นการใส่จุดมุ่งหมายในการทำงานเอาไว้ในส่วนบนสุดของเรซูเม่ จะเป็นการบอกผู้ว่าจ้างว่า ตัวเราต้องการอะไรในชีวิตการทำงาน ซึ่งถ้าจุดมุ่งหมายนี้ตรงกันกับที่บริษัทกำลังหาอยู่ล่ะก็ คุณจะถูกสนใจมากทีเดียวครับ จ๊อบเทพเองก็ได้เขียนบทความเรื่องจุดมุ่งหมายในการทำงาน รวมถึงตัวอย่างต่างๆเอาไว้เยอะมาก อยู่ที่นี่ครับ ตามไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ ส่วนผู้ที่ทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว 3-4 ปีขึ้นไป ตัวจุดมุ่งหมายในการทำงานนี้แทบจะไม่มีความสำคัญอะไรเท่าไหร่แล้วครับ ไม่ต้องใส่ก็ได้

4. ประสบการณ์ฝึกงาน

ให้ใส่รายละเอียดในการฝึกงานของตัวเองลงไปอย่างละเอียด ชื่อตำแหน่ง ชื่อบริษัท ช่วงเวลาที่ฝึกงาน รวมถึงอธิบายว่าเราได้ทำอะไรในตอนฝึกงานไป เอาสักอย่างน้อย 2-3 บรรทัดได้กำลังสวยเลยครับ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ลองอ่านบทความแนะนำ การเขียนประสบการณ์ฝึกงานลงเรซูเม่ ของเราดูสิครับ

แนะนำ: วิธีเขียน เรซูเม่ฝึกงาน ขั้นเทพ ให้น่าสนใจและได้งานไว!

5. รายละเอียดการศึกษา

ข้อมูลนี้จำเป็นมากอันดับต้นๆ เนื่องจากคนที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานนั้น ก็มีแต่การศึกษานี่แหละที่จะเป็นตัวบอกได้ว่าเราน่าจะถนัดอะไร ให้ใส่เอก คณะ ชื่อมหาวิทยาลัย และวิชาที่เกี่ยวข้องกับตำแนห่งงานที่สมัครลงไปครับ ส่วน GPA ถ้าไม่ได้ต่ำต้อยจนน่าเกลียดล่ะก็ ใส่มันลงไปจะได้ผลดีกว่าปล่อยว่างไว้ครับ

6. ใบประกาศ หรือคอร์สเรียนต่างๆที่ได้ผ่านมา

ถ้าหากว่าคุณสอบผ่านได้ใบประกาศที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานนั้นๆ ก็ให้ใส่มันลงไปด้วยครับ เพราะมันจะทำให้คุณได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งอย่างมากเลย การเรียนผ่านอะไรมาบ้างที่ไม่ใช่วิชาจากในโรงเรียน (training course) อย่างถ้าเราเคยไปเรียนออนไลน์มา ก็เอามาใส่ได้นะ ส่วนใหญ่เค้าจะมี certificate ให้ด้วยเราก็สามารถใส่ได้ครับ

7. ทักษะ ข้อมูลกิจกรรม หรืองานที่เคยทำ

สิ่งที่เป็นตัวแยก (differentiate) เราออกจากคู่แข่งเลย เคยทำกิจกรรมอะไร หรือเคยเป็นตัวแทนแข่งอะไรมาใส่ลงไป แต่เอาเท่าที่มันจะจำเป็นสำหรับงานที่เราจะสมัครด้วยนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วเรซูเม่ ควรจะทำเป็นแบบคัดเลือกตามงานที่สมัคร (customize) เพื่อที่จะตรงตามคุณสมบัติของงานนั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ใส่เข้าไป แม้ว่าเราจะไม่ค่อยมีก็ตาม คนส่วนมากใส่แค่ภาษา แต่จริงๆ มันมีมากกว่านั้นนะ เช่น ทักษะดนตรี การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ และอื่นๆ

8. อื่นๆ

นอกเหนือจากที่กล่าวมา บางคนเคยได้รางวัลประกวดร้องเพลง หรือวาดภาพศิลปะ แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับงานที่สมัครก็ไม่จำเป็น มันจะทำให้รกเปล่าๆ อย่าใส่มันลงไปเลยจะดีกว่าครับ

รวมถึงกิจกรรมอย่างอื่นที่มีโอกาสจะกลายมาเป็นอาชีพหลัก หรือแหล่งเงินหลักของเราในอนาคต ก็อย่าใส่มันลงไปเลยครับ บางคนเป็นยูทูบเบอร์ หรือรับงานฟรีแลนซ์ เพราะว่าฝ่ายบุคคลเห็นตรงนี้เข้า เขาจะกลัวว่าสักวันเราจะออกจากงานเพื่อมาเป็นยูทูบเบอร์เต็มตัว แล้วพาลทำให้เขาต้องลำบากไปประกาศหาคนใหม่มาแทนคุณอีกนั่นเอง

สำหรับนักศึกษาจบใหม่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยมักจะมีฝ่ายสนับสนุนนักศึกษา เพื่อช่วยในการเขียนเรซูเม่โดยเฉพาะอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้มันสูญเปล่า ลองใช้มันให้เป็นประโยชน์ดูสิ

ขั้นตอนการเขียนเรซูเม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่

1. ร่างข้อมูลคร่าวๆขึ้นมาก่อน แล้วปล่อยไว้ 1-2 วัน

เขียนร่างเรซูเม่ขึ้นมาก่อน เมื่อเสร็จแล้วให้ปล่อยทิ้งไว้ 1-2 วัน ถามว่าทำไมต้องปล่อยไว้? เพราะว่าถ้าเราเร่งรีบเขียนทีเดียวให้จบไปเลย มันมักจะได้ผลงานที่ออกมาไม่ดีนัก สู้ปล่อยทิ้งไว้สักพัก ให้มีเรื่องอื่นๆผ่านสมองไปสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาดูอีกครั้งเพื่อแก้ไข จะทำให้งานเขียนของคุณดีขึ้นอย่างชัดเจน เทคนิคนี้แม้แต่นักเขียนระดับโลกอย่าง JK Rowling ก็ใช้อยู่เป็นประจำ

2. อัพเดทร่างของตัวเองหนึ่งรอบ แล้วส่งให้ฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาช่วยดู

เมื่อสมองได้รีเฟรช มีข้อมูลอื่นๆผ่านหัวไปแล้ว 1-2 วัน ค่อยกลับมาแก้เรซูเม่ของตัวเองอีกครั้ง ในขั้นตอนนี้แหล่ะ คุณจะเริ่มเห็นว่าเรซูเม่ที่ตัวเองร่างเอาไว้ครั้งรก มีจุดที่ต้องแก้ไข ปรับปรุงอยู่หลายจุดเลย (เทคนิคข้อแรกมันเทพจริงๆนะ) ก็ทำการแก้ไขด้วยตัวเองก่อนรอบนึง เมื่อเสร็จแล้วก็ลองส่งให้ฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาช่วยดูอีกรอบ

3. อัพเดทครั้งสุดท้ายเป็น Final Draft Version

เมื่อได้รับฟีดแบ๊คจากฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาแล้วก็ให้อัพเดทเรซูเม่ของตัวเองอีกครั้งตามคำแนะนำนั้นๆ จนตรงนี้เรซูเม่ของคุณจะมีความสมบูรณ์ประมาณ 80% แล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในขั้น Final Draft Version ได้เต็มปากเต็มคำ แต่ยังส่งไม่ได้นะ รออีกแป๊บ

4. ขอให้เพื่อนอย่างน้อย 2 คน ช่วยเช็คเรื่องแกรมม่าร์ และคำสะกดผิด

ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษช่วยดูเรซูเม่ของเรา โดยที่เน้นไปที่การหาแกรมม่าร์ที่เขียนผิด และตัวสะกดผิด เมื่อแก้เรียบร้อยหมดแล้วคุณก็จะได้เรซูเม่ที่สมบูรณ์แบบ 100% เป็น Final Version ที่พร้อมใช้งานได้แล้ว

5. ติดรูปลงในเรซูเม่ และพร้อมส่งได้

ติดรูปตัวเองลงในเรซูเม่ด้วยนะ เรซูเม่ของคุณก็พร้อมที่จะส่งให้กับบริษัทแล้ว ถ้าเลือกที่จะส่งไฟล์ดิจิทัลก็สร้างเป็นไฟล์ PDF ขนาดพอเหมาะพอดีมือ (ไม่เกิน 2MB) หรือถ้าจะส่งเป็นกระดาษก็ปรินท์ด้วยเลเซอร์ เรซูเม่ของคุณจะได้คมชัดสวยงาม

แค่นี้ก็เรียบร้อย! เห็นไหมครับว่า การหางานไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าคุณมีความรู้และประสบการณ์ด้านนี้ ทีมงานจ๊อบเทพขอร่วมแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่คุณเพิ่งได้เรียนรู้เทคนิคการเขียนเรซูเม่ไปอย่างหมดเปลือกเลย แต่ถ้าคุณไม่อยากเขียนเรซูเม่ด้วยตัวเองจริงๆ ก็ลองใช้เครื่องมือสร้างเซูเม่ของจ๊อบเทพดูสิครับ ฟรี และดีด้วยนะ

ลองใช้เครื่องมือสร้างเรซูเม่ของจ๊อบเทพสิครับ ฟรีและดีด้วย
สร้างเรซูเม่ฟรี

แนะนำ: เทคนิคหางานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เมื่อเขียนเรซูเม่เสร็จแล้ว อย่าลืมไปอ่านเทคนิคการหางานของนักศึกษาจบใหม่กันต่อเลยนะครับ

เอาล่ะ เป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงจะทำให้มีไอเดียกันเพิ่มมากขึ้นนะครับ คราวหน้าเดี๋ยวจะมาสอนการเขียนในแบบอื่นๆ กันนะครับ