ยังไม่เป็นประจําเดือน แต่ตกขาว

ตกขาว ระดูขาว หรือ มุตกิด (Leukorrhea, Leucorrhea หรือ Vaginal discharge) คือ สิ่งคัดหลั่งจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีไม่ว่าจะเป็นจากช่องคลอด ปากมดลูก หรือแม้กระทั่งจากตัวมดลูกเองก็ตาม โดยถือเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน ซึ่งในช่วงเด็กอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีประจำเดือน ตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณลดลงจนแทบไม่มีอีกครั้ง

อาการตกขาวปกติ

ตกขาวปกติ หรือ ตกขาวธรรมดา (Physiologic vaginal discharge) จะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน โดยขึ้นอยู่กับปริมาณของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ถ้าเป็นในช่วงกึ่งกลางรอบเดือน ตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกเหลวใส ไม่มีสี แต่ถ้าเป็นในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือนตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีออกขาว (คล้ายแป้งเปียก) โดยตกขาวที่เป็นปกตินั้นจะมีลักษณะเป็นมูกเหลวใส ไม่มีสี หรือเป็นสีขาวข้นคล้ายแป้งเปียก มีปริมาณเล็กน้อยพอชุ่มชื้นในช่องคลอด อาจมีกลิ่นจำเพาะได้บ้างเล็กน้อยตามลักษณะของกลิ่นตัวเฉพาะบุคคล มีภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ และจะไม่เหม็น ไม่คัน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ปวดท้อง มีไข้ ขัดเบา) ส่วนปริมาณของตกขาวนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วปริมาณของตกขาวจะมากขึ้นได้เป็นปกติในภาวะต่อไปนี้

  • ในช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือน ตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีออกขาว (คล้ายแป้งเปียก) ส่วนในช่วงที่เป็นประจำเดือน ตกขาวจะมีลักษณะหนาและเหนียวข้น
  • ในช่วงกึ่งกลางระหว่างรอบเดือน (ระยะตกไข่) ตกขาวจะมีปริมาณมากและมีลักษณะเหลวใส
  • ในขณะตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีตกขาวมากขึ้นจนบางครั้งอาจจะเหนียวหนืด (แต่หลังวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะมีตกขาวน้อยลง)
  • ในขณะที่มีความวิตกกังวลมาก
  • การใช้ยาคุมกำเนิด
  • การกระตุ้นทางเพศสัมพันธ์ (ในขณะที่มีอารมณ์ทางเพศจะทำให้มีการหลั่งน้ำออกมาหล่อลื่นมากขึ้น) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ก็จะมีตกขาวมากขึ้นได้เช่นกัน

การมีตกขาวในผู้หญิงทุกคนจึงเป็นภาวะปกติ

ไม่ใช่อาการแสดงถึงการเกิดโรคแต่อย่างใด แต่ปัจจัยที่มีผลต่อการคัดหลั่งของตกขาวจะมากหรือน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกและภายในร่างกายของผู้หญิงแต่ละคน เช่น ความร้อน ความอับชื้น อารมณ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายในแต่ละช่วง เป็นต้น

อาการตกขาวผิดปกติ

ตกขาวผิดปกติ (Pathologic vaginal discharge) มีอาการได้หลายแบบโดยเฉพาะสีและกลิ่นที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นภายใน

  • ตกขาวมีสีที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น จากใสไม่มีสีหรือสีขาวกลายเป็นสีเทา สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีน้ำตาล

  • ตกขาวมีลักษณะข้นขึ้นหรือจับตัวเป็นก้อนหนา ปนหนอง เป็นมูกเลือดหรือมีเลือดปน หรือมีลักษณะเป็นฟองปนออกมา

  • ตกขาวมีกลิ่นที่ผิดปกติหรือมีกลิ่นเหม็น (กลิ่นคล้ายเนื้อเน่า ปลาเน่า หรือมีกลิ่นคาวมาก)

  • มีปริมาณตกขาวเพิ่มมากขึ้นจนผิดสังเกตหรือทำให้บางครั้งต้องใช้ผ้าอนามัย

  • เป็นตกขาวติดต่อกันมานานเกิน 2 สัปดาห์

  • มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คันในบริเวณปากช่องคลอด ปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอด มีอาการถ่ายปัสสาวะแสบขัด มีอาการเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ มีรอยโรคหรือแผลบริเวณอวัยวะเพศ มีอาการปวดท้องน้อย มีไข้ ขัดเบา เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของตกขาว

ตกขาวที่ผิดปกติ อาจทำให้มีอาการอื่น ๆ ที่แสดงออกมาเนื่องจากการติดเชื้อและการเจ็บป่วยของโรคได้ เช่น

  • อาการคัน เจ็บปวด บวม หรือมีแผลบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด

  • มีเลือดที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนไหลปนออกมาจากช่องคลอด

  • เจ็บปวดในขณะปัสสาวะ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดบริเวณท้องน้อย

  • การติดเชื้ออาจทำให้เกิดการอักเสบ เรื้อรัง และส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรงในระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูก รังไข่

  • การติดเชื้ออาจแพร่จากแม่ไปสู่ลูกได้ในขณะคลอด

  • การติดเชื้ออาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์ และส่งผลทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก

  • ตกขาวที่เกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในมดลูกหรือช่องคลอด อาจทำให้เกิดอาการช็อกเฉียบพลันจากการที่พิษเข้าสู่กระแสเลือด (Toxic Shock Syndrome) ซึ่งอาจทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

    ทั้งนี้แต่ละเดือนประจำเดือนอาจจะคลาดเคลื่อนไปได้บ้างประมาณ 7 วันค่ะ ตกขาวเป็นอาการที่ปกติที่เกิดขึ้นได้ทั้งก่อนประจำเดือนมาและหลังประจำเดือนหมด

    หากอาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับอาการก่อนมีประจำเดือนมักจะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน 1-2 สัปดาห์ เช่น เจ็บเต้านม ปวดท้อง สิวขึ้น อารมณ์เปลี่ยนแปลง น้ำหนักตัวเพิ่ม เป็นต้นค่ะ

    ตกขาว หรือระดูขาว เป็นของเหลวที่ขับออกจากช่องคลอด เป็นอาการของผู้หญิงที่สามารถเกิดได้ตามปกติ ในสตรีวัยเจริญพันธุ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามรอบประจำเดือน ซึ่งส่งผลต่อลักษณะของของเหลวที่สร้างมาจากอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธ์ โดยตกขาวที่ปกติสามารถสังเกตได้โดย ตกขาวจะไม่มีกลิ่น และไม่คัน แต่ในบางครั้งตกขาวอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติได้เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งคุณผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

    ตกขาวผิดปกติอันตรายไหม?

    โดยปกติแล้ว ลักษณะของตกขาวจะมีสีใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าตกขาวผิดปกติ ได้จาก

    • ตกขาวเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นตกขาวสีเขียว ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีขาวเทา หรือตกขาวมีสีแดง เนื่องจากมีเลือดปน
    • ตกขาวมีกลิ่น กลิ่นเหม็นคล้ายกุ้งเน่า หรือมีกลิ่นคาว
    • มีลักษณะเป็นฟอง
    • คันบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศ
    • แสบที่อวัยวะเพศ

    สีของตกขาวบอกอะไร?  ตกขาวสีไหนปกติ สีไหนที่บอกว่าเรากำลังมีปัญหา!
    ซึ่งสีของตกขาวอาจบอกได้ว่าร่างกายของเรากำลังเกิดสิ่งผิดปกติบางอย่าง

    • ตกขาวสีขาว หรือสีครีมเหมือนสีเปลือกไข่
      ตกขาวมีสีขาวใส ไม่มีกลิ่น เป็นลักษณะทั่วไปของตกขาว ที่หลั่งออกมาเพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับช่องคลอด แต่ตกขาวที่ผิดปกติ จะมีสีที่แตกต่างไปจากเดิม มีกลิ่น และมีลักษณะเป็นก้อนหนา
    • ตกขาวสีเขียวอ่อน
      ตกขาวมีสีเขียว สีเขียวอ่อน หรือสีเหลืองปนเขียว ร่วมกับมีอาการคัน และมีกลิ่นคาว แสดงถึงการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
    • ตกขาวสีชมพู
      ตกขาวสีชมพู หรือสีชมพูจางๆ อาจเป็นสัญญาณของการจะมีรอบประจำเดือน หรือเกิดจากการลอกหลุดของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมักพบหลังคลอด บางครั้งเรียกว่า “น้ำคาวปลา”
    • ตกขาวสีเทา
      เป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดการอักเสบที่ช่องคลอดและปากมดลูก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการคัน มีกลิ่นแรง หรืออาจมีรอยแดงบริเวณปากช่องคลอด
    • ตกขาวสีน้ำตาล
      ตกขาวสีน้ำตาล หรือตกขาวแบบมีเลือดปน ตกขาวสีนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากประจำเดือนที่ตกค้าง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอย่างเช่น การติดเชื้อที่บริเวณปากมดลูก เลือดออกจากการตกไข่ นอกจากนี้ ถ้ามีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน บางครั้งเรียกว่า “เลือดล้างหน้า  หรือมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก

    โรคที่มาพร้อมตกขาวผิดปกติ

    ตกขาวมาเยอะผิดปกติ อย่ามองข้าม!

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม  หากมีตกขาวมากผิดปกติ เป็นซ้ำๆ บ่อยๆ อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาการดังกล่าว อาจส่งผลให้ปีกมดลูกเกิดการอักเสบ ท่อนำไข่ตัน เกิดภาวะมีบุตรยาก เพิ่มความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงขึ้น หรือมีก้อนฝี หนองในอุ้งเชิงกรานได้

    การติดเชื้อ หรือความไม่สมดุลในฮอร์โมนเพศอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งการรักษาในผู้ป่วยบางราย หากตรวจพบว่า เกิดจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะต้องให้มีการให้ยารักษาคู่นอนร่วมด้วย หากสังเกตพบความผิดปกติของตกขาวไม่ว่าจะลักษณะใดก็ตาม ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

    ประจำเดือนไม่มาแต่มีตกขาวคืออะไร

    ประจําเดือนไม่มา 1 เดือน แต่มีตกขาว เกิดจากอะไร ระดับฮอร์โมนผิดปกติ เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ช่วงวัยหมดประจำเดือน เนื้องอกต่อมใต้สมอง อาจส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตกไข่ และทำให้ประจำเดือนไม่มาได้

    ตกขาวก่อนเป็นประจําเดือนเป็นแบบไหน

    วันที่ 14-25 ของรอบเดือน: ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง อีกครั้ง วันที่ 25-28 ของรอบเดือน: ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไป

    ก่อนมีประจำเดือนมีตกขาวไหม

    สวัสดีครับ อาการตกขาวนั้นถ้าหากเป็นตกขาวที่ปกติ ตกขาวจะมามากได้ในช่วงของวันที่มีไข่ตกหรือกลางรอบเดือน ในบางคนก่อนมีประจำเดือนอาจพบตกขาวมามากกว่าปกติได้

    ตกขาวสีน้ําตาล เกิดจากอะไร

    ตกขาวสีน้ำตาล หรือตกขาวแบบมีเลือดปน ตกขาวสีนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากประจำเดือนที่ตกค้าง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอย่างเช่น การติดเชื้อที่บริเวณปากมดลูก เลือดออกจากการตกไข่ นอกจากนี้ ถ้ามีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน บางครั้งเรียกว่า “เลือดล้างหน้า หรือมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก