เมื่อกล่าวถึงการบริหารธุรกิจแบบผูกขาดนี้ อาจจะไกลตัวมาก ๆ สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กถึงกลางอย่างพวกเรา เพราะตลาดที่เรามีส่วนร่วมส่วนใหญ่จะเป็นตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligipoly) เช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ, เครื่องบิน, น้ำมัน, รถยนต์ เป็นต้น และตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition) เช่น สบู่, อุปกรณ์ช่าง, เสื้อผ้า, ปากกา, ระบบออนไลน์, เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น Show ราคาสินค้าในตลาดผู้ขายน้อยรายมักถูกกำหนดไว้ตายตัว (Price rigidity) ไม่เปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์และอุปทาน เนื่องจากใช้เส้นอุปสงค์หักมุม (Kinked demand curve) ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นตรงหักมุม ณ ระดับราคาตลาด เป็นไปตามข้อสมมติที่ว่า ถ้าผู้ผลิตคนใดลดราคาสินค้า ผู้ผลิตอื่นจะลดตาม ทำให้จำนวนขายไม่เพิ่มขึ้นมากนักเพราะจำนวนขายที่เพิ่มขึ้นจะถูกเฉลี่ยระหว่างผู้ผลิตทั้งหมดในตลาด ในทางตรงข้าม ถ้าผู้ผลิตคนใดขึ้นราคาสินค้า ผู้ผลิตอื่นจะไม่ขึ้นตาม ทำให้จำนวนขายลดลง และเช่นเดียวกับผู้ผลิตในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ประเภทอื่น ที่ในระยะสั้น ผู้ผลิตอาจประสบกับสภาวะกำไรเกินปกติ กำไรปกติ หรือขาดทุนให้น้อยที่สุดได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเส้นต้นทุนเฉลี่ย (AC) ของผู้ผลิตแต่ละรายเมื่อเทียบกับราคาที่กำหนดขึ้น ส่วนในระยะยาว ปริมาณผลผลิตและราคาของผู้ขายนอกจากจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงขนาดของกิจการแล้วยังขึ้นอยู่กับความยากง่ายที่ผู้ผลิตรายใหม่จะเข้ามาสู่ตลาด การกำหนดราคาในรูปแบบอื่นๆ ราคา (Collusion) โดยไม่มีการแข่งขันในเรื่องราคาสินค้าเพราะจะทำลายผลประโยชน์ของผู้ผลิตทุกรายในตลาด ตลาด จึงถือว่า ผู้ผลิตรายนั้นได้ตั้งตนขึ้นเป็นผู้นำด้านราคา เพื่อขจัดปัญหาการแข่งขันและการโต้ตอบที่จะเกิดขึ้น การรวมตัวกันของผู้ผลิต (Collusion) เป็นการรวมตัวเข้าด้วยกัน (Collusion) ของผู้ผลิตในตลาดเสมือนว่ามีผู้ผลิตในตลาดรายเดียวและทำการตกลงดำเนินนโยบายร่วมกัน รวมถึงการกำหนดราคาของสินค้าร่วมกันเพียงราคาเดียวโดยราคาที่กำหนดนี้จะทำให้กลุ่มได้รับกำไรรวมสูงสุด ปริมาณผลผลิตทั้งหมดของกลุ่มจะทำให้ต้นทุนเพิ่ม (MC) ของกลุ่มเท่ากับรายรับเพิ่ม (MR) ของกลุ่ม ผู้ผลิตแต่ละรายจะได้รับการจัดสรรการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มและขายสินค้าในราคาที่กำหนดขึ้นเท่านั้น การรวมตัวนี้เรียกว่าคาร์เทล (cartel) ซึ่งถือว่าเป็นการรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์ (perfect collusion) ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition Market) ดุลยภาพของผู้ผลิตแต่ละราย สินค้าของแต่ละหน่วยผลิตในตลาดมีความแตกต่างกันทำให้เส้นอุปสงค์ของหน่วยผลิตแต่ละรายลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดสัมผัสกับเส้นต้นทุนเฉลี่ยก่อนจุดต่ำสุด ดังนั้น ราคาจึงเท่ากับต้นทุนเฉลี่ย หน่วยผลิตจึงได้รับเพียงกำไรปกติเท่านั้น
การแบ่งประเภทของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ • จำแนกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆคือ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์(perfect competitive market) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (imperfect competitive market) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1. ตลาดผูกขาด (monopoly) มีผู้ขายรายเดียวขายสินค้าไม่สามารถทดแทนได้ การกำหนดราคาขั้นสูง เป็นมาตรการที่รัฐบาลควบคุมราคาเพื่อให้ความ ช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่สินค้าที่จำเป็นแก่การ ดำรงชีวิตมีราคาสูงขึ้น การควบคุมราคาขั้นสูงรัฐบาลจะกำหนดราคาขายสูงสุดของสินค้านั้นไว้และห้ามผู้ ใดขายสินค้าเกินกว่าราคาที่รัฐบาลกำหนด การรวมหัวกันของผู้ผลิตมักเกิดในตลาดใดการรวมตัวกันของผู้ผลิต (Collusion) เป็นการรวมตัวเข้าด้วยกัน (Collusion) ของผู้ผลิตในตลาดเสมือนว่ามีผู้ผลิตในตลาดรายเดียวและทำการตกลงดำเนินนโยบายร่วมกัน รวมถึงการกำหนดราคาของสินค้าร่วมกันเพียงราคาเดียวโดยราคาที่กำหนดนี้จะทำให้กลุ่มได้รับกำไรรวมสูงสุด ปริมาณผลผลิตทั้งหมดของกลุ่มจะทำให้ต้นทุนเพิ่ม (MC) ของกลุ่มเท่ากับ ...
การรวมกลุ่มแบบ (cartel) เกิดขึ้นในตลาดใดการรวมกลุ่มในตลาดผู้ขายน้อยราย (1) การรวมกลุ่มแบบเป็นทางการเรียกว่า คาร์เทล (Cartel) คือผู้ผลิต ทุกรายจะตกลงร่วมมือกันที่จะดาเนินนโยบายเดียวกันในทุกเรื่อง หน่วยธุรกิจจะได้รับการจัดสรรโควตาการผลิต ในกรณีที่ต้นทุนแตกต่าง กันและกาไรต่อหน่วยแตกต่างกัน
ตลาดในข้อใดที่ผู้ขายเป็น Price Makerตลาดผูกขาด คือ ตลาดที่ไม่มีคู่แข่งขันในตลาดเลย เพราะมีหน่วยธุรกิจหรือ ผู้ขายรายเดียว ในตลาด ไม่มีสินค้าทดแทนกันได้หรือ ทดแทนกันได้ยาก และไม่สามารถเข้า มาแข่งขันได้ ผู้ขายจึงมีอ านาจ ในการก าหนดราคา สินค้าหรือปริมาณผลผลิตได้ตาม ต้องการ หรือเรียกว่า “Price Maker”
ตลาดใดที่ผู้ผลิตจะได้รับกำไรเกินปกติดุลยภาพในระยะยาวของผู้ผลิตในตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
- ระยะสั้น ผู้ผลิต มีแนวโน้มจะได้รับกำไรเกินปกติ
|