ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี

จ่ายเบี้ยฯสั้นเพียง 5 ปี ลดหย่อนภาษี คุ้มครองตลอดสัญญา 10 ปี

ประกันสะสมทรัพย์ให้ผลตอบแทนคงที่ ทางเลือกสุดคุ้มสำหรับคนไทย ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและผันแปร

คุณล่ะชอบมั๊ย ถ้าได้เก็บออมแบบมีการันตีผลตอบแทน?

ลองคำนวณเบี้ยประกัน

เพราะชีวิตคนเราไม่แน่นอน เหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นการทำประกันชีวิต เป็นการสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัว โดยไม่จำเป็นว่าผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินจากผู้เอาประกันเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกทำประกันชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง ได้โดยการเลือกทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ถ้าผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้ รับเงินจำนวนนั้นไป

ประกันชีวิตจะช่วยให้คุณมีเงินสำรองไว้สำหรับภาวะฉุกเฉิน และเป็นกรมธรรม์แห่งความรักและความห่วงใยต่อคนที่คุณรัก เพื่อเป็นเครื่องรับรองว่า “คนที่คุณรักจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้เป็นอย่างดีและมีคุณภาพ"

เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจทำนายและไม่อาจควบคุมได้ ทว่าในชีวิตคนวัยทำงานที่มีค่าใช้จ่ายตายตัวอย่างการเสียภาษีย่อมมองหาวิธีที่ช่วยสร้างทางออกใหม่ๆ เพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงอย่างยั่งยืนมากกว่า ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่เป็นคำตอบหนึ่งของการเริ่มต้นยกระดับความมั่นคงให้กับชีวิต เพราะเป็นการสร้างวินัยทางการออมที่ได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนที่แน่นอนตามเวลาที่วางแผนไว้

รายได้เท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่

การจ่ายภาษีเงินได้เป็นหน้าที่ในทันทีที่คนเราก้าวเข้าสู่การเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะเมื่อทำงานจนก่อเกิดเป็นรายได้ไม่ว่าใครก็ต้องจ่ายภาษีเพื่อให้รัฐบาลนำไปพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อได้ ซึ่งรายได้ที่ไม่เท่ากันเช่น เงินเดือน ค่าจ้าง การขายสินค้าและการให้บริการ การประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น ทำให้แต่ละคนเสียภาษีในอัตราที่แตกต่างกันตามอัตราภาษีก้าวหน้าแบบขั้นบันได

วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ

ซึ่งเมื่อได้จำนวนเงินได้สุทธิมาแล้ว จะต้องจ่ายภาษี ดังนี้

  • เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
  • เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

อัตราภาษีก้าวหน้าแบบขั้นบันได้ เงินได้สุทธิเท่านี้ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่

  • เงินได้สุทธิ 150,001 – 300,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 5%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 5% โดยจะเสียภาษีสูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท
  • เงินได้สุทธิ 300,001 – 500,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 10%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 10% โดยจะเสียภาษีไม่เกิน 27,500 บาท
  • เงินได้สุทธิ 500,001 – 750,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 15%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 15% โดยจะเสียภาษีไม่เกิน 65,000 บาท
  • เงินได้สุทธิ 750,001 – 1,000,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 20%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 20% โดยจะเสียภาษีไม่เกิน 115,000 บาท
  • เงินได้สุทธิ 1,000,001 – 2,000,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 25%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 25% โดยจะเสียภาษีไม่เกิน 365,000 บาท
  • เงินได้สุทธิ 2,000,001 – 5,000,000 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 30%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 30% โดยจะเสียภาษีไม่เกิน 1,265,000 บาท
  • เงินได้สุทธิมากกว่า 500,00 บาทต่อปี (ขั้นบันได้ 35%) ต้องจ่ายภาษีอัตราร้อยละ 35%

อยากลดหย่อนภาษีทำอย่างไรได้บ้าง

เมื่อมีรายได้ที่มากขึ้นย่อมทำให้ภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีเพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 บาท คิดเป็นรายได้ต่อปีอยู่ที่ 600,000 บาท เท่ากับอยู่ในอัตราภาษีขั้นบันได 10% ทำให้ต้องเสียภาษีสูงสุดอยู่ที่ 20,600 บาท นับเป็น 3.43% ของรายได้ทั้งปี หรือเกือบครึ่งหนึ่งของเงินเดือน ด้วยภาระทางภาษีที่เพิ่มขึ้นตามรายได้นี่เอง การลดหย่อนภาษีจึงเป็นทางออกช่วยแบ่งเบามนุษย์เงินเดือน ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

1.   การลดหย่อนภาษีพื้นฐาน ด้านส่วนตัวและครอบครัว

  • ผู้มีเงินได้ หักลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท
  • คู่สมรสที่ฝ่ายหนึ่งไม่มีเงินได้ หักลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท
  • คู่สมรสที่ต่างฝ่ายมีเงินได้ หักลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
  • บุตรตามกฎหมายและบุตรบุญธรรม หักค่าลดหย่อนภาษีได้คนละ 30,000 บาท
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่อายุ 60 ปีขึ้นไปหักค่าลดหย่อนภาษีได้คนละ 30,000 บาท
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้พิการหรือทุพพลภาพ หักค่าลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท
  • ค่าฝากครรภ์และทำคลอดบุตร หักค่าลดหย่อนภาษีได้ท้องละ 60,000 บาท

2.   การลดหย่อนภาษีจากประกัน เงินออม และการลงทุน 

  • เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ที่ถูกหักเงินเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน หักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี
  • เบี้ยประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และเบี้ยประกันบำนาญ (แบบลดหย่อนภาษีได้) ใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกสูงสุด 200,000 บาท และไม่เกิน 15% ของเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี ซึ่งเงินก้อนนี้เมื่อนำไปรวมกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมกันต้องไม่เกิน 500,000 บาท  (รายละเอียดลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบบำนาญ ข้อ 7 และ ข้อ 11)

 

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี

 

3.   การลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • นโยบาลช้อปดีมีคืนเมื่อใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) / สินค้า OTOP / สินค้าหมวดหนังสือ (รวม E-Book) หักค่าลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท
  • ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย หักค่าลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาท

4.   การลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาค

  • การบริจาคทั่วไป หักค่าลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักหักค่าใช้ต่ายและค่าลดหย่อนอื่น
  • การบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา พัฒนาสังคมและโรงพยาบาลรัฐ หักค่าลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคแต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น
  • การบริจาคเพื่อสนับสนุนพรรคการเมือง หักค่าลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 10,000 บาท

ทำประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ช่วยลดหย่อนภาษีดีอย่างไร

ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ คือประกันชีวิตที่ช่วยออมเงินและสร้างความคุ้มครองไปพร้อมกัน นับว่าเป็นการลงทุนที่ได้ประโยชน์กลับคืนทั้งในด้านลดหย่อนภาษีและสร้างกำไรให้กับเงินออม จึงเป็นหนึ่งทางเลือกเพื่อมนุษย์วัยทำงานทุกคนที่ต้องการวางรากฐานชีวิตทางการเงินที่มั่นคงในระยะยาวทั้งเพื่อตัวเองในภายภาคหน้าและเพื่อคนข้างหลังการทำประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Happy Sure 10/1 จึงเป็นคำตอบให้แผนลดหย่อนภาษีเงินได้ที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดด้วยจุดเด่นมากมายของกรมธรรม์ดังนี้

สิทธิประโยชน์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Happy Sure 10/1

  • อัตราเบี้ยประกันเท่ากันทุกเพศทุกอายุ
  • ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว คุ้มครองยาวถึง 10 ปี
  • คุ้มครองชีวิต 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • มีผลตอบแทนที่ชัดเจนและแน่นอน ตามเวลาที่วางไว้ ไร้ความเสี่ยง
  • สร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนเพื่อคนข้างหลัง
  • เบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิตนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
  • มีเงินก้อนสำรองไว้เมื่อจำเป็นต้องใช้ในอนาคต
  • สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจและไม่ต้องแถลงเกี่ยวกับสุขภาพ

ทั้งนี้ การลงทุนทำประกันชีวิตสะสมทรัพย์นอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้วยังเป็นการสร้างวินัยทางการออม สำรองเงินก้อนสำคัญเพื่อวันที่จำเป็นในอนาคต และให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต

 

ที่มาข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย , กรมสรรพากร