หากพูดถึงเรื่องการลงทุน หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เลยตั้งแต่วันนี้! เพื่อบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิต เพราะการลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะเสมอไป การมีเงินเก็บแค่เดือนละ 1,000 บาท ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้แล้ว Show
นั่นเพราะหัวใจสำคัญของการลงทุนคือการ “เริ่มให้เร็ว” และ “ทำอย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งนอกจากจะเป็นการฝึกวินัยในการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ยังมีเวลาให้เงินเติบโตได้เต็มที่ และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นอีกด้วย ทำไมต้องลงทุนให้เร็วและทำอย่างสม่ำเสมอ1.สร้างนิสัยที่ดีทางการเงินแต่เนิ่น ๆ แต่หากเราทำได้เร็วและสม่ำเสมอ ก็จะกลายเป็นนิสัยที่ดีทางการเงินติดตัวเราไปตลอด ซึ่งเป็น Mindset ที่มีประโยชน์อย่างมากในวันที่เรามีเงินมากขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เราไม่มีทางเห็นผลได้เลยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ต้องอาศัยความอดทน และใช้เวลานานเพียงพอถึงจะเห็นผลชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องเริ่มลงทุนให้เร็วตั้งแต่อายุน้อย ๆ
มีเงิน 1,000 บาท เริ่มต้นลงทุนอะไรดี?เมื่อเห็นแล้วว่าการเริ่มลงทุนเร็วและทำอย่างสม่ำเสมอนั้นมีข้อดีมากมาย แต่คำถามคือ หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไปที่มีเงินเก็บเดือนละ 1,000 บาท ควรจะลงทุนอะไรดี? ลองมาดูสินทรัพย์การลงทุนยอดนิยมประเภทต่าง ๆ แล้วเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองกันเลย
สำหรับใครที่มีเงิน 1,000 บาทอยู่ในมือแล้ว แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ttb advisory ขอแนะนำ ttb smart port ที่มีให้เลือกถึง 5 แผนการลงทุนลงทุนตามระดับความเสี่ยง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน ก็ลงทุนอย่างสบายใจในแบบนั้น ขณะเดียวกันยังสามารถทยอยลงทุนแบบ DCA ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับมือใหม่ เริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ และช่วยสร้างวินัยทางการเงินที่ดีในระยะยาวอีกด้วย ลองมาดูกันว่า หากเราทยอยลงทุนด้วยการ DCA เดือนละ 1,000 บาท ผ่าน ttb smart port ทั้ง 5 แผนการลงทุน ในระยะเวลา 1 ปี 5 ปี และ 10 ปี เงินต้นหลักพันจะเติบโตเป็นเท่าไหร่?
*อ้างอิงผลตอบแทนจากดัชนีชี้วัด (Benchmark) คำนวณจากข้อมูลในอดีตย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 ของกองทุน TSP 1 - 5 ซึ่งผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องมิได้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต จากผลลัพธ์การลงทุนข้างต้น ทำให้เห็นว่า ถึงแม้มีเงินลงทุนเริ่มต้นต่อเดือนที่ไม่เยอะมากนัก แต่หากเราลงทุนให้เร็วและต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถเพิ่มโอกาสให้เงินลงทุนงอกเงยได้ แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง คำถามว่ามีเงินเท่านั้นเท่านี้ ลงทุนอะไรดี เป็นคำถามที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ บางคนมีเงินเย็นหลักหมื่น หลักแสนก็อยากหาทางลงทุนต่อยอดให้เงินงอกเงย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงหุ้นตัวไหน กระจายความเสี่ยงยังไงดี แถมในสภาวะที่ตลาดผันผวนแบบนี้จะวางเงินลงทุนแต่ละทีก็ใจหาย บล็อกนี้ PeerPower เลยจะมาตอบคำถามว่า ถ้ามีเงิน 100,000 บาท นอนอยู่ในบัญชีเฉย ๆ คุณจะสามารถลงทุนอะไรได้บ้าง และลงทุนอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ เคสนี้อาจเป็นแนวทางให้ลองไปประยุกต์เป็นวิธีของตัวเองได้ สเต็ปการเริ่มลงทุน อาจแบ่งคร่าว ๆ ได้ประมาณนี้ 1. ก่อนเริ่มลงทุน โปรดแบ่งเงินสำรองแน่นอนว่าทุกคนต้องการรวยเร็ว ลงทุนหลักแสนทั้งทีก็อยากที่จะรวยไวเลยเทหมดหน้าตัก ซึ่งเสี่ยงมากเพราะเรื่องเงินทองไม่มีอะไรแน่นอน อาจมีเรื่องฉุกเฉินต่าง ๆ ที่ทำให้ต้องเสียเงินอย่างไม่คาดฝัน ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม แม้จะมีความเสี่ยงน้อยแค่ไหน โปรดออมเงินสำรอง บางคนแนะนำให้ออมไว้ 20% จำนวนเท่านั้นอาจเห็นภาพยาก โดยส่วนตัวเราขอแนะนำให้กันเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่งโดยคำนวณไว้เผื่อสัก 3-6 เดือน เช่น หากโดยเฉลี่ยคุณมีรายจ่ายประจำราว 10,000 บาท คุณอาจจะกันเงินส่วนนี้สำรองไว้สัก 3 เดือน คิดเป็น 30,000 ซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องเก็บเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินจริง ๆ ไม่ควรเอามาจ่ายตามใจ 2. เลือกลงทุนอะไรดี ? คำถาม checklist ตั้งเป้าหมายการลงทุนสมมุติถ้าหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว คุณเหลือเงินที่พร้อมลงทุนทั้งสิ้น 100,000 บาท ขั้นตอนต่อมาคือคุณต้องตั้งคำถามว่าจะลงทุนไปทำไม เราขอแนะนำให้คุณลองตั้งคำถามเหล่านี้เพื่อที่จะสโคปลงได้ว่าสินทรัพย์ประเภทไหนที่น่าจะตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของคุณ 1. ลงทุนไปเพื่ออะไร ?คำตอบแรกที่เราได้ยินบ่อย ๆ คือ ลงทุนเพราะอยากรวย อันนี้เราเห็นด้วย แต่ควรตอบให้ได้ด้วยว่า “รวย” ในที่นี้หมายถึงอะไร สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ดังนั้นการลงทุนประเภทที่น่าจะตอบโจทย์คือการสร้างกระแสเงินสดเพื่อความยั่งยืนทางการเงินให้กับตัวเอง เน้นลงทุนระยะสั้น สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้อาจเป็นหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทุกเดือน หรือ กองทุนรวมประเภท Income Fund ต่าง ๆ สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินใช้หลังเกษียณแบบที่อยู่ได้ไม่ลำบาก ดังนั้นคุณอาจจะต้องการลงทุนระยะยาวใน ตราสารหนี้ หรือ พันธบัตรรัฐบาล รอเก็บเงินทบต้นทบดอกให้ผลตอบแทนงอกเงยในเวลา 10-20 ปี พอเกษียณก็มีเงินก้อนใช้ เราเขียนบล็อกวางแผนลงทุนรับมือเกษียณด้วยนะ ลองอ่านได้ที่นี่ สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินกองท่วมหัว สมมุติคุณต้องการที่จะรวยแบบนี้ ลองถามข้อต่อไปกับตัวเอง 2. รับความเสี่ยงได้แค่ไหน ?การลงทุนมีความเสี่ยง 3 ประเภท คือ ความเสี่ยงจากตลาด ความเสี่ยงจากธุรกิจเอง และความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากเวลาหรือการคาดการณ์ต่าง ๆ สินทรัพย์แต่ละประเภทมีความเสี่ยงต่างกัน อ่านรายละเอียดที่นี่ สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากมักต้องแลกกับความเสี่ยงมาก แต่ละคนสามารถรับความเสี่ยงได้ต่างกัน นักลงทุนบางคนรับได้ที่จะเสียหลักแสนแลกกับผลตอบแทนหลักล้าน ในขณะที่บางคนเงินหลักพันยังเสียดาย ลองถามตัวเองว่าจะรับได้แค่ไหนถ้าต้องเสียเงินไปเปล่า ๆ จะยังหลับสบายเหมือนเดิมหรือกินข้าวอร่อยมั้ย? เพราะหากลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องลุ้นตลอดเวลาว่าจะเป็นยังไงต่อไป อนาคตการลงทุนคุณอาจจะหาความสบายใจยาก คุณอาจลองเลือกดูว่ามีสินทรัพย์อะไรบ้างที่คุณลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่คุณที่รับไหว ซึ่งภาพข้างล่างอาจตอบได้ส่วนหนึ่งว่าคุณควรลงทุนอะไรดี ระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เรียงขึ้นจากน้อยไปมากสมมุติในกรณีที่คุณยินดีรับความเสี่ยงได้สูงมาก ตราสารอนุพันธ์อาจตัวเลือกลงทุนที่เหมาะสม แต่ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ - กลาง สินทรัพย์อื่น ๆ ก็อาจจะตอบคำถามได้ว่าคุณควรลงทุนอะไร เราลองทำตารางมาว่า ถ้าลงทุน 100,000 บาท ถ้วน คุณจะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีเท่าไหร่ ข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะพอเห็นภาพว่าควรลงทุนอะไรดี และมีอะไรเป็นตัวเลือกให้คุณได้บ้าง ทั้งนี้ ตารางนี้เป็นแค่ข้อมูลคร่าว ๆ เพราะในประเภทสินทรัพย์เดียวกัน ก็ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนและความเสี่ยงไม่เท่ากัน เช่น หุ้นหรือกองทุนรวมที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market (นึกถึงกองทุนจีน เวียดนาม) หรือบริษัทขนาดเล็ก (small-cap) นั้นมีโอกาสขึ้นเร็วลงแรง อาจจะกำไรมหาศาลหรือขาดทุนได้ในพริบตา จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก ในขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่าก็อาจจะเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทประเภท defensive ที่เติบโตแบบช้าแต่ชัวร์มากกว่า พอรู้ข้อมูลความเสี่ยงกับอัตราผลตอบแทนแบบนี้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเราในฐานะนักลงทุนว่าจะเลือกแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ไหน ในสัดส่วนเท่าไหร่บ้าง ที่จะให้ผลตอบแทนอย่างที่เราต้องการ โดยไม่เสี่ยงเกินกว่าที่เรารับไหว ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนอย่างละเอียด เพราะนั่นจะทำให้เราลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น 3.สินทรัพย์นอกกระแส ตัวเลือกลงทุนที่ดีเหมือนกันนอกจากสินทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสินทรัพย์ทางเลือกหรือสินทรัพย์นอกกระแสอื่น ๆ ที่สามารถลงทุนได้เหมือนกัน เช่น ทองคำเงิน 100,000 ลงทุนซื้อทองคำได้ประมาณ 4 บาท (ถ้าตีว่าทองคำบาทละ 25,000 บาท) แต่ถ้าซื้อวันนี้ขายวันนี้ ทองรูปพรรณราคาจะตกลงทันทีเกือบ 1,000 บาท เพราะทองเป็นสินทรัพย์ประเภทที่ออกจากร้านเมื่อไหร่ ก็จะขาดทุนในวันนั้นทันที แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง ราคาขายจะถูกหักไปน้อยกว่า และมูลค่าของทองคำขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักของทองสามารถหายไปได้ถ้าเก็บไว้นาน ๆ หรือมีการหยิบจับใช้งานบ่อย ๆ ดังนั้นถ้าเลือกจะลงทุนกับทองคำ เลือกเป็นทองคำแท่งจะเสียโอกาสน้อยกว่า และถ้าดูสถิติราคาทองคำย้อนหลัง จะพบว่าในระยะสั้น ๆ เช่น 1 ปี การลงทุนกับทองคำมีโอกาสจะขายถูกกว่าซื้ออยู่มาก การลงทุนกับทองจึงน่าจะเหมาะกับการลงทุนระยะยาว คือเก็บไว้ 3 - 5 ปีขึ้นไปมากกว่า แต่ทั้งนี้ด้วยสภาพคล่องของทองคำที่ดีมาก การลงทุนกับทองจึงได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัย อสังหาริมทรัพย์เงิน 100,000 บาท อาจจะดูน้อยเกินไปหากจะซื้อที่ดินหรือคอนโดมิเนียมให้ปล่อยเช่า แต่เงินจำนวนนี้สามารถใช้เป็นการลงทุนระยะสั้นจากการซื้อใบจองอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมแล้วปล่อยขายต่อได้ ซึ่งการขายใบจองสามารถทำกำไรได้ราว 10 - 15% แล้วแต่ทำเลที่คอนโดแห่งนั้นตั้งอยู่ สินทรัพย์ Niche MarketNiche Market คือตลาดเฉพาะกลุ่ม มีทั้งกลุ่มเล็ก - กลุ่มใหญ่ และมีกำลังซื้อมากพอจะผลักดันให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปอย่างคุ้มค่า การลงทุนในลักษณะนี้คือการลงทุนในของสะสมหรือของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ เช่น ตลาดพระเครื่อง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ นาฬิกา ของแบรนด์เนม งานศิลปะ กระเพาะปลา (กระเพาะปลาเก่ามีมูลค่าได้หลักล้าน!) ฯลฯ ข้อดีของสินทรัพย์ประเภทนี้คือ ถ้าเจอคนซื้อที่มี Passion ในสิ่งนั้น พร้อมจ่าย (แถมถ้าเก็งราคาเก่ง) คุณจะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แต่ในขณะเดียวกัน ความยากของการลงทุนในลักษณะนี้คือต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นจริง ๆ เพราะไม่ใช่ว่านาฬิกาแบรนด์เดียวกันจะให้ผลตอบแทนในระดับเดียวกันทุกรุ่น และต้องหาให้เจอว่าคนซื้อของคุณคือใคร ทำธุรกิจส่วนตัวหมายถึงลงทุนโดยการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการลงทุนพร้อม ๆ กับลงแรง ความเสี่ยงของการลงทุนทำธุรกิจมีเท่ากับความผันผวนของระบบเศรษฐกิจ สมมุติถ้ามีเงิน 100,000 ลงทุนทำธุรกิจแบบร้านกาแฟที่เป็น Kiosk เล็ก ๆ หรือซื้อเฟรนไชน์ร้านก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนได้ (เราเคยเขียนเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ เผื่อใครสนใจลองอ่านได้) หรือถ้าหากไม่อยากลงแรงตัวเอง ก็สามารถลงเงินให้ผู้ประกอบการในแพลตฟอร์มของ PeerPower ไปต่อยอดธุรกิจก็ได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของสินทรัพย์ที่น่าจะตอบคำถามได้ว่าคุณควรลงทุนอะไรดี คุณสามารถลองปรับสัดส่วนการลงทุน จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงเพื่อให้เหมาะกับคุณได้ หรือจะลองลงทุนในหลาย ๆ อย่าง สร้าง multi asset class ก็ได้อีกเช่นกัน สุดท้ายนี้ และเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่าลืมลงทุนในตัวเอง การศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ในสิ่งที่ลงทุน และตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เป็นอย่างดี คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว การลงทุนแบบไหนดีที่สุดมีเงิน 10,000 บาท ลงทุนอะไรดี. 1. ฝากเงินในบัญชีดอกเบี้ยสูง ... . 2. สลากออมทรัพย์ ... . 3. พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรออมทรัพย์ ... . 4. หุ้นกู้ ... . 5. กองทุนรวม ... . 6. ลงทุนในหุ้น ... . 7. ออมทอง ... . 8. ลงทุนขายของ หรือเปิดธุรกิจ. ลงทุนทำธุรกิจอะไรดี 2023สินทรัพย์ที่แนะนำให้เก็บเข้าพอร์ตในปี 2023 ได้แก่ หุ้นจีน ธุรกิจ Healthcare ตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนรวมผสม และไม่ลืมที่จะกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตยามเศรษฐกิจผันผวน
มีเงินเย็นลงทุนอะไรดีให้เงินเพิ่มขึ้นในกรณีที่เรามีเงินเย็นและลงทุนระยะยาว แนะนำให้ลงทุนตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตเรตติ้ง Investment Grade ขึ้นไปจะดีกว่า เพราะความเสี่ยงไม่มากนัก แต่ผลตอบแทนก็ยังสูง สำหรับระยะเวลาในการลงทุน ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนยาวนานขนาดไหน เพราะตราสารหนี้มีให้เลือกหลายช่วงอายุ หรือแม้กระทั่งตลอดชีพ
มีเงิน 5000 ทำอะไรได้บ้างพิชิตเงินล้าน ด้วยเงิน 5,000 บาท ลงทุนอย่างไรดี?. 1. ออมเงินในเงินฝากออมทรัพย์ ... . 2. ฝากเงินกับเงินฝากประจำ ... . 3. ลงทุนในหุ้น ... . 4. ลงทุนในกองทุนรวม ... . 5. ลงทุนด้วย ttb smart port.. |