กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

กระเป๋า Louis Vuitton หลุยส์ วิตตอง : ใหม่มากพร้อมส่งนะคะสีใหม่ล่าสุด กับ LV Discovery Bumbag New Color 2019 งานชนshopตอนนี้เลยนะคะ ใช้ก่อนใคร เท่ห์กว่าใครนะคะGrade: Hi-end 1:1 Canvasและหนังแท้% งานคุณภาพ เกรดนำเข้า จะคาดอก คาดเอว ได้หมดตามใจเลยค่ะราคาshopรุ่นนี้ $1,710 หรือ 59,850 บาทเลยนะคะ โห!! แพงมากก เราขายในราคาเพียงหลักพันเท่านั้น ประหยัดไปได้5หมื่นกว่าเลยนะคะ คุ้มมากๆ เลยนะคะ จัดเลยค่ะ อย่าคิดนาน ให้สิทธิ์คนโอนก่อนนะคะSize: 47x20x9 cm.มาพร้อม กล่อง ถุงผ้า ถุงกระดาษ อินวอยส์ ครบเซ็ตส่งไว ส่งจริง ได้รับของตามรู

ราคา : ฿25,800

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
น้องคือ กุยช่าย สูตรชลบุรี ถ้าใครไปทางศรีราชา พัทยา จะเคยทานสูตรนี้นะคะ จะแตกต่างจากที่อื่น แป้งจะบาง ทอดกรอบๆ ให้พอง ป่องตรงกลาง ทานกับน้ำจิ้มจี๊ดจ๊าด เท่าไหร่ก็ไม่พอค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


วัตถุดิบ
แป้ง - แป้งข้าวเจ้า 1-1/2 ถ้วย
แป้ง - แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
แป้ง - แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
แป้ง - แป้งท้าว 1 ช้อนโต๊ะ
แป้ง - เกลือ 1/2 ช้อนชา
แป้ง - น้ำตาล 1 ช้อนชา
แป้ง - น้ำ 1 ลิตร
แป้ง - น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
ไส้ - กุยช่าย 500 กรัม
ไส้ - เกลือ 1 ช้อนชา
ไส้ - น้ำตาล 2 ช้อนชา
ไส้ - ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ไส้ - พริกไทย 1/2 ช้อนชา
น้ำจิ้ม - ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้ม - น้ำส้มสายชู 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้ม - น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้ม - เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำจิ้ม - พริกจินดา 4 เม็ด

วิธีทำ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ผสมแป้ง 4 ชนิด เกลือ น้ำตาล น้ำ น้ำมัน คนให้ละลายก่อนตั้งไฟ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ตั้งกวนไฟอ่อน จนแห้งสนิท พักไว้ให้เย็น
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ซอยกุยช่าย ผัดกับเครื่องปรุงให้ผักสลด
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ตักใส่กระชอน พักไว้
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
น้ำจิ้ม ใส่ทุกอย่าง ตั้งไฟอ่อน เคี่ยวให้งวดเหนียวเล็กน้อย พักไว้
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กลับมานวดแป้งให้แห้ง ไม่ติดมือ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
รีดเป็นแผ่น ตัดเป็นวง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ตักไส้ใส่ ใช้น้ำเปล่าแตะขอบเป็นครึ่งวงกลม พับประกบ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ถ้ายังไม่ทอดเก็บใส่กล่องอย่าให้โดนลมนะคะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ทอดให้เหลืองสวย
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เสร็จพร้อมเสริฟ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


#ทำเองกินเองนักเลงพอbyช่างกบ

 

ข้าวเหนียวไก่ 2in1 โอ๊ย ทำเล่นๆ ดันอร่อยจริงๆ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ปีกกลางไก่เลาะกระดูกออกยัดไส้ด้วยข้าวเหนียวเอาไปทอดในหม้อทอดไร้น้ำมันหอมๆ ไก่นุ่มๆ เผ็ดพริกไทยดำนิดๆ เค็มหวานลงตัว บอกเลยจ๊ะ น้ำจิ้ม ... no need!
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


วัตถุดิบ
ปีกกลางไก่ 1 กก
รากผักชี 4 ราก
กระเทียม 6 กลีบ
พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวเหนียว 1 ถ้วย
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


วิธีทำ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ปีกไก่กลาง สับตัดหัว-ท้าย จับไก่ตั้ง แล้วกดรูดเนื้อลงมา กระดูกจะโผล่ออกมา แล้วสลับข้างรูดอีกครั้ง จะดึงชิ้นกระดูกง่ายๆ เลยค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยทำสามเกลอ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
หมักไก่กับสามเกลอ ซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำตาล ที่เห็นสีน้ำตาลคือน้ำตาลทรายแดงนะคะ ได้มาจากตอนเขียนสูตรให้มิตรผล ได้มาเยอะเลย
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ล้างข้าวเหนียวในกระชอน ผ่านน้ำไหลจนน้ำซาวขาว
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เอาข้าวเหนียวลงชาม ใส่น้ำร้อน แช่ 15 นาที
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
รินน้ำแช่ข้าวเหนียวทิ้ง ใส่น้ำใหม่แค่พอปริ่มข้าว ใส่ไมโครเวฟ 5 นาที คนพลิกข้าว แล้วต่อ 2 นาที นึ่งข้าวเหนียวเสร็จเรียบร้อยค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ใช้ข้าวเหนียว ยัดใส่ในไก่หมักของเรา ไม่ต้องเยอะนะคะ แค่พอดี น้อยกว่านิดหน่อยก็ได้ เวลาไก่สุกจะหดตัวจ๊ะ และอีกอย่าง เวลากินจะ … อิ่ม
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ใส่หม้อทอดไร้น้ำมัน ไฟ 170องศา 10 นาที กลับข้าง ต่ออีก 5 นาทีค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เสร็จพร้อมเสริฟ

#ทำเองกินเองนักเลงพอbyช่างกบ

 

ต้มยำทะเลน้ำข้น
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ไปทะเลไม่ได้
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ก็ยกทะเลมาที่บ้านเซ่
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ทำง่ายๆ รสชาติละมุนเว่อร์ค่ะ ต้มยำน้ำข้นจะไม่เน้นเผ็ดนะคะ แต่จะเน้นความละมุนกับความหอมของเครื่องเทศค่ะ ทานไปเคี้ยวเห็ดนางฟ้านุ่มๆ ไป เพลินๆ ถามว่าไหนปลา ก็ปลามันน่ารัก เลยเก็บไว้มอง ปลาอะไร? … ปรากฎว่าเป็นเธอ ง๊ววว
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


วัตถุดิบ
กุ้ง 300 กรัม
ปลาหมึก 300 กรัม
ปู 2 ตัว
ตะไคร้ 10 ท่อน
ข่า 2 แง่ง
ใบมะกรูด 2 กิ่ง
ผักชีฝรั่ง 8 ต้น
เห็ดนางฟ้า 300 กรัม
นมสด 200 มิลลิลิตร
น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
พริกจินดา 20 เม็ด
พริกแห้งทอด 7 เม็ด
ผงปรุงรส 3 ก้อน
มะนาว 5 ลูก
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


วิธีทำ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เตรียมปอกเปลือกกุ้ง ผ่าหลัง ดึงไส้
หั่นปลาหมึกเป็นแว่น
แกะปูเป็นชิ้น น็อคน้ำแข็งผสมเกลือพักไว้
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ตั้งน้ำพอน้ำเดือดใส่ตะไคร้ทุบ และข่าหั่นแว่น ต้มให้หอม
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เติมผงปรุงรส เห็ดนางฟ้าฉีกลงต้มให้สุก
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
พอน้ำเดือดจัด ใส่กุ้ง ปลาหมึก ปูลงไป ห้ามคนนะคะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
มองน้องเฉยๆ มองเธอเปลี่ยนใจ เอ๊ย เปลี่ยนสีค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ผสมนมสดกับน้ำพริกเผา คนให้ละลาย
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
พออาหารทะเลสุก ใส่นมผสมน้ำพริกเผาที่เตรียมไว้
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ใส่ใบมะกรูดฉีก ผักชีฝรั่ง พริกจินดา ปิดไฟเลยค่ะ
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
ปรุงรสด้วยมะนาว ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ พริกทอด
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
เสร็จพร้อมเสริฟ

#ทำเองกินเองนักเลงพอbyช่างกบ

 

Indonesia: อินโดนีเซียประกาศภาวะฉุกเฉินภูเขาไฟ “เซเมรู” นาน 2 สัปดาห์ อพยพประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2,500 คน ออกจากหลายหมู่บ้านที่คาดว่าเป็นเส้นทางลาวา ประชาชนเดือดร้อนกว่า 60,000 คน บ้านเรือนจมเถ้าภูเขาไฟมิดหลังคา

อินโดนีเซียประกาศภาวะฉุกเฉินภูเขาไฟ “เซเมรู” เป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ และรีบแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชน เพื่อป้องกันอันตรายจากการสูดเอาเถ้าภูเขาไฟ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ และตั้งครัวสาธารณะ เพื่อปรุงอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิง

ด้านเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียอพยพประชาชนเพิ่มเป็น 2,489 คน จากเดิมที่อพยพไปแล้วเกือบ 2,000 คน ออกจากหลายหมู่บ้านเมื่อวานนี้ (5 ธันวาคม) วันที่ 2 ของการปะทุของภูเขาไฟ “เซเมรู” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ลาวาอาจไหลผ่าน ประชาชนเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิง 11 แห่ง

ส่วนข้อมูลจากศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน เกี่ยวกับการบริหารจัดการภัยพิบัติ ระบุว่า มีประชาชนเดือดร้อนราว 61,000 คน จากทั้งหมด 15,256 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากภูเขาไฟ

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยคนกำลังค้นหาใต้ซากบ้านเรือนและมัสยิด ที่จมอยู่ใต้เศษวัสดุที่ปะทุออกมาจากภูเขาไฟจำนวนมหาศาลหลายตัน บ้านบางหลังถูกฝังจมมิดถึงหลังคาบ้าน

เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ระบุด้วยว่า เซเมรูดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวน้อยลงเมื่อวานนี้ แต่ยังเตือนอันตรายจากลาวาที่ยังเคลื่อนตัวไปตามพื้นดิน และกำลังเย็นตัวลง เนื่องจากมีฝนตกหนักลงมา หลังจากลาวาได้ไหลไปทำลายบ้านเรือนและสะพาน

เซเมรูเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดบนเกาะชวา เกาะหลักของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในเขตลูมาจัง เริ่มปะทุเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา พ่นทั้งเถ้าถ่านสูงกว่า 15 กิโลเมตรบนท้องฟ้า และพ่นลาวาออกมาด้วย ทำให้อินโดนีเซียยกระดับเตือนภัยภูเขาไฟเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่เซเมรูปะทุวันแรก จากเดิมอยู่ที่สูงระดับ 2 มานาน 1 ปี และประกาศเขตห้ามเข้า 8 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ

เซเมรูปะทุครั้งล่าสุดนี้ ห่างจากครั้งก่อน 1 ปีพอดี โดยการปะทุในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน บาดเจ็บจากแผลไฟลวกอีกหลายร้อยคน ไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 10,000 คน บ้านเรือนเสียหายกว่า 5,000 หลัง และทำให้ทางการประกาศเตือนภัยภูเขาไฟสูงระดับ 2 ตั้งแต่บัดนั้น จนมาถึงเซเมรูระเบิดในครั้งนี้

เมื่อวานนี้ ชาวบ้านที่อพยพไปแล้ว ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าบ้าน ไปเก็บข้าวของสำคัญ และไปให้อาหารปศุสัตว์ ที่ต้องถูกทิ้งไว้ และต้องกลับไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงอีกครั้ง ยังไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่ในบ้านได้ เนื่องจากหมู่บ้านหลายแห่งจมอยู่ในเถ้าภูเขาไฟที่ตกลงมาปกคลุม บดบังแสงอาทิตย์ส่องลอดลงมาไม่ได้ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนได้

ภูเขาไฟเซเมรูที่ปะทุครั้งนี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดชวาตะวันออก ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียเพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ที่จังหวัดชวาตะวันตกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 331 คน บาดเจ็บกว่า 7,700 คน

อินโดนีเซียมีภูเขาไฟที่ยังมีพลังทั้งหมดมากกว่า 140 ลูก และข้อมูลจาก Reuters ระบุว่า เป็นประเทศที่มีคนอาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟมากที่สุดในโลก คือเกือบ 9 ล้านคน อาศัยอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรของภูเขาไฟ ทั้งนี้ ประเทศอินโดนีเซียตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “วงแหวนอัคนี” ของมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุบ่อยครั้ง
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #อินโดนีเซีย #ภูเขาไฟ #เซเมรู
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

ปราณยามะ (PRANAYAMA)
Posted byJK June 19, 2014

วันที่ 21 มิถุนายน (June) นี้ถือเป็นวันเริ่มฤดูร้อนทางการ เดือนมิถุนาเป็นเดือนที่ดิฉันไม่ชอบที่สุดก็ว่าได้ ในเมกาเรียกเดือนมิถุนาว่า “จูน กลูม” (June Gloom) เพราะอากาศมันขมุกขมัวตอนเช้า กว่าแดดจะออกก็บ่ายๆ จริงๆแล้วก็บ่นไปอย่างงั้นตามประสาคนคาลิฟอร์เนียทางใต้ที่“เหลิง” (Spoiled) มากกับอากาศรัฐนี้ เพราะอากาศที่นี่จะว่าดีที่สุดก็ว่าได้เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐอื่น ตอนนี้ทางรัฐเนบราสก้าพึ่งมีไต้ฝุ่นทอร์นาโดเบิ้ลสองลูกใหญ่บ้านเมืองเสียหายมากมาย สรุป ไม่ควรบ่น คุณสามารถอ่านเพิ่มความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคและอากาศในหนังสือ “อยู่อเมริกา” หน้า 23 (คุณสามารถสั่งซื้อหนังสือได้โดยส่งเช็คถึง Ruji Totari ไปที่ PO BOX 552 Cypress, CA 90630 ในเมืองไทยโปรดสั่งซื้อหนังสือได้ที่คุณนิ้งหน่อง เบอร์ 081-480-4308) บทนี้เรามาคุยกันเรื่อง “ลมปราณ” หรือ “ปราณา” (Prana) หัวใจของการฝึกโยคะ

ลมปราณ

ลมปราณ คือลมที่มีอยู่ในร่างกายถือเป็นพลังชีวิต ลมปราณคืออากาศมีอยู่ทั่วไป เราหายใจเข้าทางจมูก สูดอากาศ (ปราณ) ที่เต็มไปด้วยสารต่างๆ(พลังชีวิต)เข้ามาเลี้ยงในร่างกาย ปราณถือเป็น “นิวเทรียนท์” (Nutrient) ที่สำคัญนอกจากอาหารและน้ำ จะว่าปราณสำคัญที่สุดก็ว่าได้เพราะเราสามารถกลั้นหายใจได้ไม่กี่นาทีก็ “เบรนเด๊ด” (Brain-Dead) หรือตาย แต่เราสามารถอดน้ำและอาหารได้เป็นวันๆ เวลาโยคะครูจะเน้นเรื่องการหายใจเข้า หายใจออก ขณะทำอาสนะหรือท่า (poses) ต่างๆ

ปราณยามะ(Pranayama)

ปราณยามะ เป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติ “องค์แปด” ของ “อัษฎางค์โยคะ” (Ashtanga Yoga) คือ การปฏิบัติแต่ละขั้น 1-8 โดยจุดมุ่งหมายคือ ถึงขั้น “สมาธิ” องค์แปด 8 หลัก คือ (1) ยามะ ละเว้นสิ่งที่ไม่พึงปฏิบัติ (2) นิยามะ ปฏิบัติในสิ่งที่พึงปฏิบัติ (3) อาสนะ ฝึกโยคะเพื่อร่างกายแข็งแรง (4) ปราณยามะ กำหนดลมหายใจเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมที่จะปฏิบัติธรรม (5) ปรัตยาหาระ สำรวมจิต (6) ธารนะ กระทำจิตให้แน่วแน่น (7) ธยานะ เมดิเทท และ (8) ขั้นสุดท้าย คือสมาธิ คำว่าปราณยามะ รากศัพท์มาจาก ปราณา+ยามะ แปลว่า การควบคุมลมหายใจ (พลังชีวิต) หรือบางตำรา ปราณา+อยามะ คือการขยายหรือยืด “Extend” (เอ็กซ์เต็นด์) ลมหายใจ (พลังชีวิต) ที่มาของการค้นพบคือ สมัยก่อนโยคีหรือฤษีไปอาศัยอยู่ในป่าเพื่อแสวงหาความจริง โดยการนั่ง“อาสน์”ทั้งวันทั้งคืน (คงปวดเมื่อย) ท่านได้สังเกตุความเป็นอยู่ของสัตว์ อริยาบทท่าทางของสัตว์ที่รักษาตัวเองเมื่อเจ็บป่วย และยังสังเกตุอีกว่าสัตว์ที่หายใจช้า เช่น เต่า งู ช้าง จะอายุยืน ส่วนสัตว์ที่หายใจเร็วเช่น กระต่าย สุนัข นก จะอายุสั้น เมื่อนำมาสองหลักนี้มารวมกัน มาถึงปัจจุบัน เราจึงได้อาสนะเป็นชื่ออริยาบทสัตว์ เช่นท่า สุนัขยืดลง หรือ “ดาวน์ ด็อก” (Down Dog ย่อมาจาก Downward Facing Dog) (โปรดดูรูป) ท่างู ท่ากระต่าย ท่าเต่า เป็นต้น บวกการฝึกหายใจช้าๆหรือการหายใจแบบโยคีขณะทำอาสนะ

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


ชนิดของปราณยามะ

ปราณยามะมีมากกว่า 20 ชนิด ตอนเรียนคอร์สครูสอนโยคะ 200 ชั่วโมง ดิฉันเรียนวิธีหายใจ 13 ชนิด คอร์สที่สองเรียนเพิ่มอีก 300 ชั่วโมง เรียนปราณเพิ่มอีก 10 กว่าชนิด ซึ่งเป็นระดับยากขึ้นมาก ถือเป็นขั้นขนาดมหากูรูปฏิบัติ แต่ละลมปราณมีเป้าหมาย (Target) ไปแต่ละส่วนของร่างกาย แต่ละลมปราณสามารถเพิ่มความร้อน หรือเย็น หรือไม่ร้อนไม่เย็น ประโยชน์ของปราณยามะมีมากมหาศาลกว่าที่จะบรรยายได้หมด โดยทั่วไปคือ ช่วยให้อ็อกซิเจนไปเลี้ยงสมองมากขึ้น (ช่วยให้ความจำดีขึ้นและป้องกันโรคหลงลืม เคลียร์ไซนัส) เลือดลมวิ่งไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานไม่ค่อยเจ็บป่วย เปิดจักรา ควบคุมอารมณ์ จิตใจ ความร้อน ความหนาว อาจลดหรือไม่ลดความอ้วนขึ้นอยู่กับอาหารการกินแต่แน่ๆคือทำให้ร่างกายเฟิร์ม ลด“เซลยูไลท์” (Cellulite) คือถึงอ้วนก็อ้วนสวยเพาะท้องและหน้าขาเฟิร์ม

ข้อเตือน การฝึกลมปราณเป็นสิ่งซีเรียส ไม่แนะนำให้เรียนเองจากอินเตอร์เน็ท หรือทำตามจากอ่านจากหนังสือ หรือจากทีวี คุณต้องมีครูสอนและควรฝึกกับครูผู้รู้ และต้องรู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวอะไร และควรรู้ธาตุของตน ว่า ดิน ลม หรือไฟ เช่นถ้าคุณเป็นความดันโลหิตสูง โรคตาต้อ หรือธาตุไฟ ถ้าคุณฝึกลมปราณแบบที่เพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย คุณควรฝึกน้อยครั้งหรือไม่ฝึกเลย

ปราณยามะ 4 ชนิด

ในห้องเรียนโยคะที่ดิฉันสอน ดิฉันจะเริ่มด้วยการนั่งลมปราณ 4 ชนิด ถือเป็นการชะล้างทางเดินลมหายใจให้สะอาด และยังช่วยให้คุณจิตใจสงบลงโดยการหายใจให้ช้าลง เพื่อเวลาทำโยคะลมหายใจเข้าออกของคุณจะ “ซิ้ง” (sync) กับ ท่าโยคะ ลมหายใจ 4 ชนิดมีดังนี้ (1) การหายใจแบบโยคีหรือ “โยกิค เบร็ทซ์” (Yogic Breath) (2) การหายใจสลับรูจมูก “ซัทเทิล เอ็นเนอร์จี้ แชนเชิ้ล เคล็นซิ่ง เบร็ทซ์ หรือสันสกฤต “นาดิ โชดาน” (Subtle Energy Channel Cleansing Breath or Nadi Shodhana) (3) การหายใจสมองโล่ง “สกัล ไชน์นิ่ง หรือ คาพาล บาติ” (Skull Shining or Kapala Bhati= กบาลโล่ง) (4) การหายใจขมิบรูทวาร “ฮอร์ส ซีล หรือ อัชวินี มุดรา” (Ashvini Mudra) วันนี้เราจะพูดถึงการหายใจแบบโยคีชนิดเดียว

การหายใจแบบโยคี (Yogic Breath)

การหายใจแบบโยคี คือการหายใจเข้าออกทางจมูก โดยฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ เวลาหายใจเข้าท้องพอง เวลาหายใจออกท้องแฟบ (แฟบคือคุณยุบหน้าท้องเข้าไปนะคะ ไม่ใช่แขม่ว) และ “พอส” (Pause) หยุดหายใจสัก 4-5 วิระหว่างสลับหายใจเข้าออก ตอนเริ่มใหม่ๆคุณอาจหายใจไม่ได้นานแต่นานไปๆการหายใจแบบโยคีแทบจะกลายเป็นการหายใจปกติของคุณโดยไม่รู้ตัว ตอนคุณเริ่มทำโยคะ ไม่ต้องไปกังวลว่าหายใจตามครูไม่ทัน เพราะครูก็จะคิวคุณไปตลอด เวลาเข้าท่า หายใจเข้า “อินเฮล” (Inhale) หายใจออก “เอ็กซ์เฮล” (Exhale) ครูดิฉันสอนว่า 3 เดือนแรกไม่ต้องสนใจว่าจะหายใจผิดๆถูกๆ ไม่ต้องซีเรียส หลังจากนั้นท่าโยคะของคุณมันจะ“โฟล์” (Flow)ไปกับลมหายใจเอง สองสิ่งที่ควรจำคือ

  1. ก่อนบิดตัว หายใจเข้ายืดลำตัว ตอนบิดหายใจออกกดท้องแฟบ
  2. ก่อนก้มตัว หายใจเข้ายืดตัวหรือยกแขนขึ้นเหนือศีรษะยืดตัว และหายออกโน้มตัวก้มลง (อย่าลืมโน้มตัวจาสะโพกนะคะ ไม่ใช่จากเอวไม่งั้นหลังโก่ง ถ้าขาตึงน่องตึง ย่อขาก่อนก้ม)
เมื่อคุณฝึกโยคะสม่ำเสมอไปนานๆการหายใจแบบโยคีจะเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น และสักวันหนึ่งมันแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ

หมายเหตุ หลักสูตรโรงเรียนที่ดิฉันเรียนโยคะ สอนไสตล์อัชตังกาโยคะ ครูสอนว่าระหว่างทำอาสนะให้ใช้ลมหายใจแบบโยคีเท่านั้น ไม่ให้ฝึกลมปราณชนิดอื่นๆขณะอาสนะยกเว้นการหายใจแบบ “อุจัยยี” (Ujjaii) ซึ่งอาจต่างกับการฝึกโยคะประเภทอื่น เช่น กุณฑาลินีโยคะ โยคะร้อน หรือแอเรียลโยคะ ฉะนั้นขอให้คุณใช้วิจารณญานตนเองในการใช้ลมปราณ


https://rujipedia.home.blog/2014/06/19/ปราณยามะ-pranayama/

 

ปราณยามะคืออะไร. ปราณยามะ: ลักษณะของการฝึกหายใจในโรงเรียนโยคะที่มีชื่อเสียง


วันที่เขียน:14.10.2019

เวลาอ่านหนังสือ:25 นาที

และถ้าเราบรรลุกฎแล้วต่อจากนี้เราจะต้องปฏิบัติตาม! ภูมิปัญญาชาวบ้านอินเดียก็เช่นกัน ภูมิปัญญาแตกต่างกันกล่าวว่า: "การเพิกเฉยต่อกฎไม่ได้รับการยกเว้นจากความรับผิดชอบ!"

และสามารถนำมาประกอบกับสถานะที่โลกของเราอยู่ในขณะนี้ จำไว้ว่าอย่างที่เฮเลนา บลาวัตสกีเขียนไว้ว่า: “เราทุกคนล้วนแต่เป็นคนรอบรู้และยังโง่เขลา ดูเหมือนเราจะอายุยืนยาว ศึกษามาทั้งชีวิต แต่ยังรู้น้อย! (และหลายคนไม่อยากแม้แต่จะรู้) และสิ่งที่เรารู้จนถึงตอนนี้ไม่ได้ทำให้เรามีความคิดที่ถูกต้อง หรือยิ่งไปกว่านั้น ความคิดที่สมบูรณ์เกี่ยวกับความหมายของชีวิต กฎของชีวิต ที่มาและการพัฒนาของชีวิต


อย่างไรก็ตาม คุณสามารถดำเนินการต่อได้ แต่จากตัวคุณเอง: “พวกเราส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้า! เราอยู่โดยไม่มีพ่อในหัวของเรา! เรากำลังรอการปล่อยตัวต่อเผ่าพันธุ์ของเราเราขอทัศนคติที่สง่างามเราหวังว่าศรัทธาจะตกอยู่บนหัวของเรา! แต่คุณต้องพบพระคริสต์ในตัวคุณ…”

แล้วทำไมถึงเป็นฉันล่ะ?

หากคุณกำลังคิดเกี่ยวกับกฎการดำเนินการ แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว!

ดังนั้น, อย่ามองหาคำตอบในหนังสือ จงมองหาคำตอบในตัวเอง!จากการฝึกฝนทุกวัน คุณจะพบว่าคุณมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้ว คุณเพียงแค่ต้องฟังตัวเองและเชื่อ


ที่จุดเริ่มต้นของเส้นทาง ค่อยๆ ทำทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีผู้สอนที่มีประสบการณ์อยู่ใกล้คุณ เริ่มการฝึกด้วยการฝึกหายใจ 10-15 นาที และการทำสมาธิ 15-20 นาที ค่อยๆ เพิ่มเวลา เมื่อคุณทำปราณยามะ 30-60 นาทีและการทำสมาธิมากกว่า 90 นาทีต่อวัน นี่จะเป็นชัยชนะเหนือตัวคุณเอง! แต่อย่าเย่อหยิ่งและฝึกฝนต่อไป

ในตอนแรกคุณอาจสับสนกับการรบกวนประเภทต่างๆ และอย่างแรกคือ LAZY! ปล่อยเธอ!

นอกจากนี้ ในระหว่างการฝึก คุณอาจมีอาการต่างๆ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดหัว ฯลฯ หากเป็นเช่นนี้ระหว่างการฝึก ให้หายใจออกแรงๆ สองสามครั้งด้วยปากแล้วนั่งหรือนอนราบในสภาพที่ผ่อนคลาย ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการหย่อนของร่างกายและบล็อกของคุณ อย่าหยุด! ก้าวไปข้างหน้า!


ดังนั้นนี่คือกฎที่ต้องปฏิบัติตาม:

  1. เวลาที่ดีที่สุดในการฝึกปราณยามะคือตอนเช้า หากคุณฝึกฝนในตอนเช้า การออกกำลังกายอย่างแรกที่คุณควรทำอย่างแรกคือการทำความสะอาดกระเพาะอาหารในตอนเช้า หากไม่มีมัน กริยาและปราณายามะก็ไม่มีความหมายที่แท้จริง ในช่วงกลางคืน กระเพาะอาหารจะสะสมสารพิษจำนวนมาก ซึ่งจะต้องถูกกำจัดออกไปในตอนเช้า หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น ในระหว่างปราณยามะ คุณจะไม่ทำความสะอาดช่องตามที่ควรจะเป็น แต่ควรกระจายสารพิษไปทั่วร่างกาย นั่นคือเหตุผลที่ทำปราณยามะในตอนเช้าหลังจากทำความสะอาดกระเพาะและร่างกายโดยรวมแล้ว เมื่อร่างกายพร้อมที่จะรับพลังงานที่สดชื่น
  2. ในระหว่างรอบการออกกำลังกายทั้งหมด หลังควรตั้งตรง ซึ่งจะทำให้พลังงานผ่านทุกช่องทางอย่างสม่ำเสมอ เมื่อกระดูกสันหลังยืดหยุ่นและตรง satvic พลังงานความสุขจะไหลผ่านมัน หากกระดูกสันหลังไม่สมดุลและเฉื่อย พลังงานในกระดูกสันหลังน่าจะเป็น tamasic หากลำตัวและกระดูกสันหลังมีการเคลื่อนไหว แสดงว่าคุณอยู่ในจังหวะที่ตื่นเต้นและตื่นตระหนก
  3. ระหว่างการหายใจควรปิดตาโดยเน้นไปที่ตาที่สามอย่างสมบูรณ์ คุณยังมองลึกลงไปที่หัวใจได้โดยไม่ทำให้ลูกตาตึง การสังเกตภายในนี้จะทำให้คุณมีโอกาสรับรู้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการต่อเนื่องของการบริโภคพลังงานและการดูดซึมพลังงาน
    ดวงตาที่เปิดกว้างให้ "อาหาร" แก่การมองเห็น ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเริ่มกระบวนการคิดและหันเหความสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ลืมตา คุณจะสูญเสียพลังงานที่สะสมจากการออกกำลังกายครั้งก่อนๆ
  4. ให้หูชั้นในของคุณกระฉับกระเฉงเพียงพอ ปรับให้เข้ากับการสั่นสะเทือนของการหายใจเข้าและการหายใจออก และสภาวะการคงอยู่อย่างเงียบเชียบ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะปรับให้เข้ากับการสั่นสะเทือนภายในและซึมซับการสังเกตตัวเองจากภายใน
  5. สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณทำทุกอย่างถูกต้องคือเหงื่อออก ซึ่งอาจปรากฏขึ้นก่อนแล้วค่อยหายไป ความร้อน อุณหภูมิร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของการบิน - ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าพลังปราณ "ฟื้นคืนชีพ"
  6. ให้จิตใจเปิดกว้างและช่างสังเกต แต่ผ่อนคลายและเป็นอิสระจากจิตใจ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ แต่ไม่ต้องวิเคราะห์สถานการณ์
  7. หากคุณฝึกอาสนะที่ซับซ้อน ให้แยกปราณายามะและอาสนะออก: ทำครั้งแรกในตอนเช้า ครั้งที่สองในตอนเย็น หากอาสนะของคุณไม่มีกำลังและออกแบบมาเพื่อชำระล้างช่องสัญญาณ คุณสามารถเริ่มฝึกปราณยามะได้ภายใน 10-15 นาทีหลังจากนั้น
  8. อย่าฝึกปราณยามะเมื่อจิตใจเฉื่อยชาและหดหู่
  9. อย่ากิน 2 ชั่วโมงก่อนทำปราณยามะและอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากสิ้นสุด
  10. ห้ามซัก 2 ชั่วโมงหลังออกกำลังกาย ควรถูเหงื่อที่ยื่นออกมาทางผิวหนัง
  11. ทันทีหลังจากปราณยามะ อย่าเริ่มกิจกรรมที่ออกแรงมาก และโดยทั่วไป จะดีกว่าถ้าคุณเก็บโมอาน่า (ความเงียบ) ไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง
  12. อย่ากลั้นหายใจขณะหายใจเข้าเมื่อสมองอ่อนไหว เนื่องจากสมองอาจได้รับสิ่งรบกวนโดยไม่คาดคิดและก่อนนอนเช่นกัน เนื่องจากปราณยามะที่ตื่นตัวจะนำมาซึ่งความร่าเริง ให้ฝึกปราณยามะโดยไม่กลั้นหายใจ หรือกลั้นหายใจ (กลั้นหายใจออก) แบบ "ครุ่นคิด" แทน ซึ่งทั้งสองกรณีจะทำให้คุณหลับ
  13. ในระหว่างการฝึก พยายามอย่าเงยคางขึ้น ยกเว้นตอนนอนราบ
  14. ทำการล็อคคางเพื่อไม่ให้มงกุฎของศีรษะสูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดการฝึกปราณยามะทั้งหมด สิ่งนี้จะขจัดสิ่งกีดขวางในช่องพลังงานของนาดิสทั้งสองที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของสันจมูก ความแคบของสันจมูก ความตึงของลำคอ และการหดตัวของส่วนหลังของคอบ่งบอกถึงตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องของศีรษะ ในการแก้ไขตำแหน่งของศีรษะ ให้คลายความตึงเครียดภายในลำคอ ผ่อนคลายบริเวณริมฝีปากบนและหลับตาลง
  15. อย่าทำปราณยามะหากคุณรู้สึกประหม่าหรืออยู่ในสภาวะตื่นเต้น
  16. หากคุณเป็นผู้ฝึกหัดที่มีประสบการณ์ ให้เริ่มทำ kumbhaka หลังจากแต่ละเซสชั่น กุมภกะ - กลั้นลมหายใจ หมายถึง หยุดหายใจที่จุดสูงสุดของการหายใจเข้า (ปุณณะ-กุมภกะ) หรือหลังจากหายใจออกเต็มที่ (ซันยะ-กุมภกะ) หรือในช่วงกลางของระยะการหายใจ (เกวลา-กุมภกะ) หลังจากฝึกปฏิบัติแล้ว เวลากลั้นหายใจควรค่อยๆ เพิ่มขึ้น
  17. ปราณและอาปานะรวมกันที่จักรมณีปุระ ดังนั้นจึงแนะนำให้ทำแบบฝึกหัดสำหรับอาปานะก่อน แล้วจึงเริ่มฝึกปราณต่อไป
  18. ปราณยามะปรมาจารย์คนแรกที่มีระยะเวลาหายใจเข้า หายใจออก และพักหายใจเท่ากัน ก่อนทำการหายใจด้วยอัตราส่วนและระยะเวลาที่แตกต่างกันของสามระยะนี้
  19. คุณไม่ควรกลั้นหายใจหากคุณยังอายุไม่ถึง 18 ปี ใบหน้าของคุณจะแก่ก่อนวัยอันควร
  20. ผลลัพธ์ที่ดีของปราณยามะคือแสง ซึ่งเป็นแก่นแท้ของแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นและครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งคุณจะเห็นระหว่างการทำสมาธิหลังการออกกำลังกายเป็นชุด นี่คือความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตนเองที่สูงขึ้น กับจิตวิญญาณและพระเจ้าของคุณ ไปเพิ่มเติมเพื่อทราบความจริง
  21. อยู่ในสภาวะของการทำสมาธิสองครั้งของปราณยามะ
  22. การปฏิบัติที่ผิดก่อให้เกิดความตึงเครียดในกล้ามเนื้อใบหน้า แก่ก่อนวัย กระสับกระส่ายมากกว่าความสงบของจิตใจ และก่อให้เกิดโรคต่างๆ

โดยทั่วไปแล้วผ่อนคลายและสนุกสนาน แต่ทำอย่างมีสติ!

ในโลกสมัยใหม่ของเครื่องจักรและโลกของอารยธรรมตะวันตกที่ได้รับชัยชนะ ดูเหมือนว่าเขาจะหลงทางในเหตุการณ์ที่โหมกระหน่ำ การเชื่อมต่อกับธรรมชาติ พื้นที่ และตัวเขาเองถูกตัดขาด

มีใครบ้างในพวกเราที่ไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวเกี่ยวกับความจริงที่ว่าเราไม่เพียงกระสับกระส่ายไม่มีความสุข แต่ยังไม่เห็นทางออกจากวงจรอุบาทว์ของการกระทำและเหตุการณ์?


การหยุด คิด รู้สึกทุกขณะ ตระหนักถึงตนเอง - ความต้องการนี้นำเราไปสู่ส่วนลึกของภูมิปัญญาโบราณของตะวันออก คำตอบสำหรับคำถามของเราและวิธีการประสานกันสามารถ ปราณ(ปราณโยคะ).

โยคะปราณคืออะไร
เมื่อคุณต้องตัดสินใจ เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าควรไปในทิศทางใด เพื่อให้แน่ใจว่าปรานาโยคะเหมาะกับคุณ คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่ามันคืออะไร


โยคะในความหมายที่แคบ ปราณ- นี่คือการทำงานด้วย ซึ่งช่วยให้คุณควบคุม ประสานพลังปราณในร่างกายของเรา รวมทั้งดึงดูดจากภายนอก ล้างช่องของคุณ และถอดออกจาก ในความหมายที่กว้างกว่า นี่คือปฏิสัมพันธ์ผ่านกระแสของปรานา (การดึงดูดและการกลับมา การสูดดมและการหายใจออก และวัตถุที่เป็นดาว) การขยายและทำให้กระแสน้ำบริสุทธิ์เพื่อให้ได้พลังงาน

สวัสดีผู้อ่านที่รัก!

คุณรู้สึกขาดพลังงานและความแข็งแกร่งหรือไม่? ถ้าอย่างนั้นคุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับปราณาโยคะและเทคนิคการหายใจ!

และในบทความนี้เราจะพูดถึงความมีชีวิตชีวาประเภทต่างๆ ความสามารถในการสะสมพลังปราณในร่างกายและควบคุมมัน ด้วยการใช้เคล็ดลับและกลเม็ดของเรา คุณจะสามารถฝึกฝนการฝึกโยคะปรานาเป็นครั้งแรก เสริมสร้างสุขภาพและจิตใจให้แจ่มใส


ปราณคืออะไร?
พรานาแปลตามตัวอักษรว่า "อากาศ" และถูกกำหนดให้เป็นพลังงานชีวิตภายใน เรียกอีกอย่างว่าพลังงานของ qi หรือ chi ลมหายใจสากลซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกชีวิต พลังงานบริสุทธิ์นี้เชื่อมโยงพลังงานกับร่างกายและให้องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นแก่ร่างกาย ได้แก่ อากาศ สารอาหาร ของเหลว พรานาส่งเสริมการดูดซึมของทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายและช่วยชีวิตบุคคลจากสิ่งที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย


เพื่อกระตุ้นจิตใจและร่างกายของมนุษย์อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องมีพรานาในปริมาณที่เพียงพอ จากนั้นบุคคลนั้นจะเต็มไปด้วยสุขภาพและความรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตและพลังงานของประสาทจะอยู่ในสภาวะที่สมดุล หากมีพรานาไม่เพียงพอ บางคนกินมากเกินไป มองหาความประทับใจที่สดใสไม่ว่าจะด้วยราคาใดก็ตาม ซึ่งนำไปสู่โรคต่างๆ และภาวะซึมเศร้า

ปราณ 10 ประเภทในโยคะ
ตามคำสอนของโยคะ ปราณาเคลื่อนที่ผ่านช่องทางพลังงาน - นาดิส ซึ่งสัมพันธ์กับบางจุดในร่างกายมนุษย์ มีพลังงานพื้นฐาน 10 ชนิดหรือประเภทของปราณที่เคลื่อนที่ในนาดิสทั้งหมด เหล่านี้คือปราณาหลัก 5 ประการ และปราณาอุปปาทั้ง 5 ประการ


พลังงานหลักคือปราณที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายมนุษย์:

  • อาปานะ. นี่คือพลังชีวิตจากมากไปน้อยที่เคลื่อนที่ในช่องท้องส่วนล่างของร่างกายและกระจุกตัวอยู่ในทวารหนัก ตามหน้าที่ apana มีหน้าที่รับผิดชอบระบบสืบพันธุ์และการขับถ่ายของร่างกาย ปราณนี้เชื่อมต่อกับธาตุดิน
  • อุดานา. พลังงานจากน้อยไปมากซึ่งแปลเป็นภาษาท้องถิ่นในหน้าอก, ลำคอ, คอ Udana ทำหน้าที่ในการพูด การแสดงออกทางสีหน้า อวัยวะรับความรู้สึก และกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย อีเธอร์เป็นองค์ประกอบที่พลังงานนี้สอดคล้อง
  • พรานา พลังงานถูกส่งเข้าภายใน มันเดินทางเข้าไปในหน้าอก หัวใจ และปอด พรานาหล่อเลี้ยงและสนับสนุนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ดังนั้น องค์ประกอบของมันคืออากาศ
  • สมนา. พลังแห่งความสมดุลของชีวิตตั้งอยู่ในสะดือและมีหน้าที่ในการเผาผลาญและการย่อยอาหาร สมณะแจกจ่ายอาหารและของเหลวที่กินเข้าไปทั่วร่างกาย องค์ประกอบของมันคือไฟ
  • วิยานา. พลังงานแผ่กระจายของ vyana ผ่านทั่วร่างกายและแขนขา ด้วยความช่วยเหลือของพลังสำคัญนี้การไหลเวียนโลหิตในร่างกายจึงเกิดขึ้นและการเคลื่อนไหวต่างๆ น้ำเป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับ vyana

อุปภาวนาประกอบด้วยพลังงานอีก 5 ประเภทที่ไม่ออกจากร่างกายมนุษย์:

  1. นาคมีหน้าที่สำลัก
  2. Kurma ควบคุมการมองเห็น การเคลื่อนไหวของเปลือกตา การกะพริบตา
  3. Krikara ทำให้เกิดความกระหายและความหิวโหย
  4. พระเทวทัตทำให้เกิดความเกียจคร้านและหาว
  5. ธนะชัย กระจายไปทั่วร่างกาย เสริมสร้างร่างกาย ให้สารอาหาร

หากปราณทั้งหมดอยู่ในสภาวะที่กลมกลืนกัน แสดงว่าร่างกายทำงานเต็มที่ หากพลังงานอันใดอันหนึ่งล้มเหลว พลังงานอื่นก็ล้มเหลวเช่นกัน

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


ปราณาโยคะให้อะไรได้บ้าง?
ในวัยเยาว์ บุคคลนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่สำคัญและไม่กลัวอุปสรรคใด ๆ ในเส้นทางของเขา Prana ให้ความมั่นใจในตนเองและฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากออกแรง จิตใจที่บริสุทธิ์ทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ บุคคลสามารถนอนหลับและกินน้อยลงเมื่อเขาเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต


การขาดพลังงาน-ปรานาสามารถนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บและความชราภาพอย่างรวดเร็วของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีจัดการพลังงาน โดยไม่เสียแรงไปกับความปรารถนาเย้ายวนและการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล ปราณาโยคะสอนบุคคลให้จัดการพลังงานแห่งชีวิตอย่างเหมาะสม ควบคุมร่างกายและจิตใจ สะสมและกระจายกำลังอย่างเหมาะสม

ความสามารถในการบันทึกและถ่ายโอนพลังปราณไปยังผู้อื่นทำให้โยคีสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ การทำงานกับพลังงานช่วยให้คุณควบคุมกระบวนการเผาผลาญในร่างกายได้ ในระดับสูงของความเชี่ยวชาญของปรานาโยคะ บุคคลสามารถพัฒนาความสามารถในการส่งกระแสจิตและแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น เป็นที่เชื่อกันว่าการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอนำไปสู่สภาวะพิเศษของสมาธิ - อยู่ในความเป็นจริงสูงสุดหรือการตรัสรู้


การออกกำลังกายโยคะปรานา: ประโยชน์และข้อห้าม
ปราณาโยคะหรือโยคะลมหายใจขึ้นอยู่กับเทคนิคการหายใจทุกประเภทที่เพิ่มพลังงานภายใน แบบฝึกหัดต่างๆ ที่มุ่งควบคุมและกลั้นหายใจเรียกว่าปราณายามะ ผู้ปฏิบัติจะชำระ "ร่างกายที่บอบบาง" ของเขาให้บริสุทธิ์ เปลี่ยนแปลงพลังชีวิตภายในและควบคุมมัน


ต้องขอบคุณการฝึกหายใจ เซลล์ทั้งหมดของร่างกายจะเต็มไปด้วยออกซิเจน ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น กล้ามเนื้อทางเดินหายใจทุกกลุ่มมีส่วนร่วมและนวดอวัยวะภายใน การหายใจโดยเฉพาะช่วยเสริมสร้างระบบประสาท ผ่อนคลาย และสงบบุคคล จิตสำนึกของมนุษย์จะมีเสถียรภาพมากขึ้นคุณสมบัติการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น

เนื่องจากมีการกลั้นหายใจในแบบฝึกหัดจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจกับข้อห้ามบางประการ:

  • โรคเรื้อรัง;
  • การบาดเจ็บที่สมองและความผิดปกติทางจิต
  • โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
  • โรคตาและโรคทางเดินหายใจ
  • เนื้องอกวิทยาทุกระดับ;
  • การตั้งครรภ์


แบบฝึกหัดการหายใจสำหรับผู้เริ่มต้น
การหายใจแบบสมบูรณ์ในโยคะประกอบด้วยกระดูกไหปลาร้า ทรวงอก และกระบังลม และการฝึกหายใจหลายๆ ท่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสุขภาพและทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ปราณาโยคะมีเทคนิคและการออกกำลังกายที่หลากหลาย ควรทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่ซับซ้อนภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เราจะพูดถึงเพียงไม่กี่วิธีที่คุณสามารถเริ่มการฝึกปฏิบัติโดยอิสระได้


ก่อนอื่นคุณต้องควบคุมการหายใจให้เต็มที่ นั่งสบาย ๆ โดยควรอยู่ในท่าดอกบัวหรือดอกบัวครึ่งตัว หายใจเข้าลึก ๆ ด้วยท้องของคุณลดไดอะแฟรมของคุณ ในกระบวนการนี้ บริเวณทรวงอกและกระดูกไหปลาร้าจะค่อยๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องเต็มไปด้วยออกซิเจนและปรานา ตอนนี้หายใจออกอย่างช้า ๆ ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์

และมีประสิทธิภาพมาก

นาดี โชธนา ออกกำลังกาย
นั่งในท่าตุรกีที่สบาย บนส้นเท้าหรือในท่าดอกบัว ใช้นิ้วโป้งกดรูจมูกขวาเบาๆ เพื่อปิดกั้นอากาศ หายใจเข้าอย่างสงบในรูจมูกซ้าย ตอนนี้ปล่อยรูจมูกขวา ปิดกั้นรูจมูกซ้ายด้วยนิ้วนาง หายใจออกทางขวาจนสุด โดยไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งของนิ้ว ให้ทำแบบเดียวกันในลำดับที่กลับกัน ทำซ้ำรอบนี้ 10 ครั้ง



วราจนะ - เดินออกกำลังกาย
ขณะเดินหรือทำธุรกิจ คุณสามารถฝึกการออกกำลังกายที่เรียบง่ายและมีประโยชน์นี้ได้ หายใจเข้าและหายใจออกทางจมูกโดยไม่ชักช้า หายใจเข้าลึก ๆ ช้าๆ 4 ขั้นตอนและหายใจออก 6 ขั้นตอน เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนขั้นตอนในการหายใจเข้าและหายใจออกจะเพิ่มขึ้น


สิตาลี ปราณายามะ
การออกกำลังกายนี้ช่วยให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ ลดเหงื่อที่มือและเท้า และทำให้เลือดบริสุทธิ์ ในการทำเช่นนี้ ให้นั่งสบาย ๆ แล้วขดลิ้นของคุณให้เป็นท่อและหายใจเข้าช้าๆ ผ่านอากาศ ตอนนี้กลืนและปิดปากของคุณช้าๆหายใจออกทางจมูกของคุณ

ทำแบบฝึกหัดง่ายๆ เหล่านี้เป็นประจำ ภายในหนึ่งเดือน คุณจะรู้สึกดีขึ้นในความเป็นอยู่ที่ดีและจะสามารถก้าวไปสู่การเรียนรู้เทคนิคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้


สิ่งที่ต้องจำ:
1. ปราณเป็นพลังงานบริสุทธิ์ของชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

2. พลังปราณมี 10 ชนิด

3. ปราณาโยคะช่วยในการสะสมและกระจายพลังงานที่สำคัญอย่างเหมาะสม

4. การฝึกหายใจมีข้อห้าม ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

5. คุณสามารถเริ่มเรียนรู้เทคนิคการหายใจง่ายๆ ด้วยตัวเอง และเทคนิคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นภายใต้การแนะนำของผู้สอน

เจอกันใหม่ในบทความหน้า!


ที่ โยคะสูตรของปตัญชลีปราณยามะเป็นขั้นตอนที่สี่หลังจากยามะ นิยามะ และอาสนะ ซึ่งหมายความว่าแนะนำให้ฝึกฝนเฉพาะหลังจากที่ผู้ปฏิบัติได้เข้าใจวินัยทางศีลธรรมแล้วและเตรียมร่างกายด้วยความช่วยเหลือจากอาสนะ ความจริงก็คือว่าปราณยามะให้พลังงานเพิ่มเติม และหากบุคคลใดมีการเสพติดหรือมีวินัยทางศีลธรรม "ง่อย" โดยทั่วไปแล้ว พลังงานที่บุคคลได้รับจากการปฏิบัติอาจไม่ถูกนำมาใช้อย่างดีที่สุด สำหรับตัวเขาเองและคนรอบข้างด้วย ตัวอย่างเช่น หากบุคคลติดขนมหวาน ปราณายามะจะช่วยให้คุณสามารถสะสมพลังงานได้ และจะจบลงด้วยการที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงแค่บริโภคขนมหวานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กล่าวคือในปริมาณที่มากขึ้น และคุณเห็นว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากปราณยามะ โดยทั่วไป ปราณายามะเป็นเพียงเครื่องมือในการทำให้ชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหากโดยหลักการแล้วบุคคลนั้นมีวิถีชีวิตที่ไม่เพียงพอและแรงจูงใจของเขานั้นห่างไกลจากความสูงส่งและเห็นแก่ผู้อื่น ปราณายามะก็จะทำอันตรายมากกว่าดี


นอกจากนี้ ก่อนฝึกปราณยามะ แนะนำให้เตรียมร่างกายผ่านการฝึกอาสนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึกปราณยามะ จำเป็นต้องฝึกฝนอาสนะเพื่อการทำสมาธิอย่างมั่นคง - ปัทมาสนะ และนี่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบรรณาการให้กับแฟชั่น ความจำเป็นของ Padmasana นั้นถูกอธิบายโดยแง่มุมที่ใช้งานได้จริงอย่างสมบูรณ์ พลังงานไหลเวียนในร่างกายมนุษย์ ลม. หนึ่งในนั้นซึ่งเรียกว่า "อาปานวายุ", ตั้งอยู่ในส่วนล่างของร่างกายและมีการเคลื่อนไหวลง. มีหน้าที่ในการขับถ่ายต่างๆของร่างกาย แต่นอกจากนี้ การไหลของพลังงานนี้ทำให้จิตสำนึกของเราลดต่ำลงจนถึงจักระส่วนล่าง และด้วยเหตุนี้ หากพลังงานอาปานะ-วายุแข็งแกร่งเกินไป สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่าบุคคลจะปรากฎตัวในจักระตอนล่าง ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การฝึกปราณยามะจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน และในกระบวนการเติม apana-vayu ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าเสียดาย เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ในระหว่างการแสดงปราณยามะ จำเป็นต้องพับขาเข้าไปในดอกบัวหรืออย่างน้อยก็พับครึ่งดอกบัว เป็นที่พึ่งสุดท้าย - ในวัชระสนะ ซึ่งจะปิดกั้นช่องทางพลังงานและป้องกันไม่ให้พลังงานอาปานะวายุไหลลงมา



กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

นอกจากนี้ สำหรับการฝึกปราณยามะ จำเป็นต้องปฏิบัติตามอาหารมังสวิรัติ มิฉะนั้นสารพิษที่ยังคงอยู่ในลำไส้ในระหว่างการเน่าเปื่อยของผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จะถูกลำเลียงไปทั่วร่างกายในระหว่างการฝึกปราณยามะและเป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้นปัญหาของการควบคุมปราณยามะที่หลากหลายควรได้รับการเข้าหาอย่างรับผิดชอบและปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งหมดอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง


คำประกอบด้วยสองลำต้น "พรานา" - 'พลังชีวิตที่แทรกซึมทุกสิ่ง', และ "หลุม" - 'ควบคุม'. ดังนั้น 'ปราณยามะ' จึงหมายถึง ' การควบคุมพลังงานชีวิต . แน่นอนว่าหลายคนเคยได้ยินคำว่า "pranaedenie" นี่คือชื่อของประเภทของโภชนาการเมื่อคนไม่กินอาหารทางกายภาพ แต่เป็นพรานา แต่สิ่งที่ผิดธรรมดาก็คือ เราทุกคนต่างก็กินพรานา เพราะอาหารประกอบด้วยปรานา น้ำประกอบด้วยปรานา และอากาศประกอบด้วยปรานา หากไม่มีพรานา ชีวิตก็เป็นไปไม่ได้ เราบริโภคพรานาทุกวัน ปราณยามะช่วยให้คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากประสบการณ์แสดงให้เห็นว่า การฝึกปราณยามะโดยการเพิ่มปริมาณพลังงานที่บริโภคเข้าไป จะช่วยลดความจำเป็นในการนอนหลับและอาหาร


สิ่งสำคัญที่ควรทราบอีกประการหนึ่งคือ เนื่องจากมันช่วยให้คุณได้รับพลังปราณจากอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านคุณภาพของพรานานั้นมีความสำคัญ เป็นการดีที่สุดที่จะเล่นปราณยามะในที่ที่สะอาด - ที่ไหนสักแห่งในธรรมชาติห่างจากการตั้งถิ่นฐาน แต่เนื่องจากทุกคนไม่สามารถมีเงื่อนไขในอุดมคติดังกล่าวได้ ดังนั้นเมื่อฝึกซ้อมในเมืองจึงควรคำนึงถึงคำแนะนำต่อไปนี้ การฝึกปราณยามะควรได้รับการฝึกฝนแต่เช้าตรู่ ยิ่งเร็วเท่าไร คุณภาพของปราณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกปราณยามะคือเวลาที่เรียกว่าบราห์มามูฮูรตะ นี่คือหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นี่คือช่วงเวลาที่มีสถานะที่เรียกว่า "นิพพาน" - ไม่มีอิทธิพลของพลังงานในอวกาศ ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดสำหรับการปฏิบัติทางจิตวิญญาณใดๆ ช่วงเวลานี้ใช้เวลา 48 นาที ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นก็มีสภาพเป็นพระสัตวกุนะ คือ พลังแห่งความดี และหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น เวลาของราชากุณก็เริ่มต้นขึ้น - พลังงานแห่งความหลงใหล ด้วยระยะเวลาที่คุณจะฝึกปราณยามะ คุณจะได้ผลลัพธ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทะมะกุนะ พลังแห่งความเขลา ทำงานอยู่แล้วจนถึงค่ำ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ฝึกปราณยามะในตอนกลางวันและตอนเย็น



กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

ปราณยามะสำหรับผู้เริ่มต้น
หากคุณตัดสินใจที่จะเชี่ยวชาญปราณยามะ คุณไม่ควรเริ่มฝึกปฏิบัติยากๆ ในทันที ในกรณีที่ล้มเหลว ความปรารถนาที่จะควบคุมปราณยามะอาจหายไปเป็นเวลานาน ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นด้วยเทคนิคง่ายๆ หนึ่งในเทคนิคที่ง่ายที่สุด (แต่ในขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพมาก) เรียกว่า Nadi Shodhana ร่างกายมนุษย์มีช่องทางพลังงานหลักสามช่องทาง: ไอด้า ปิงคลา และสุสุมนา ไอด้าคือช่องซ้าย ปิงคลาคือทางขวา สุสุมณะคือช่องกลาง ช่องทางขวาถือเป็นช่องทางสำหรับผู้ชาย เนื่องจากแสดงถึงคุณสมบัติของผู้ชาย และช่องทางซ้ายเป็นผู้หญิง เป็นที่พึงปรารถนาสำหรับโยคีที่จะสร้างสมดุลช่องทางเหล่านี้และปล่อยพลังงานผ่านช่องทางกลาง - สุสุมนา เท่านั้นจึงจะเกิดความสมดุลและความสามัคคีได้ และนี่คือเป้าหมายอย่างแม่นยำที่ Nadi Shodhana pranayama ไล่ตาม แนวปฏิบัติของนาดี โชธนะ มีดังนี้


  • นั่งอาสนะอาสนะ: โลตัส ครึ่งโลตัสหรือวัชรนา
  • วางนิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาไว้บนพื้นที่ระหว่างคิ้ว: ใช้นิ้วโป้งและนิ้วนางเพื่อปิดรูจมูกสลับกัน มีความเห็นว่าผู้หญิงควรใช้มือซ้าย
  • ปิดรูจมูกข้างหนึ่งด้วยนิ้วของคุณเริ่มหายใจช้าๆด้วยรูจมูกที่เปิดอยู่
  • หลังจากหายใจเข้าไป ให้เริ่มหายใจออกทางรูจมูกเดียวกัน การหายใจเข้าและหายใจออกควรอยู่ในอัตราส่วน 1:1
  • หลังจากครบจำนวนรอบที่กำหนด (ตามธรรมเนียม 54 หรือ 108) ให้เปลี่ยนรูจมูกแล้วทำซ้ำเหมือนเดิม


กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

นี่คือปราณายามะที่ง่ายที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น ในขณะที่คุณเชี่ยวชาญ คุณควรทำให้การฝึกนั้นซับซ้อน: หายใจเข้าทางรูจมูกข้างหนึ่งแล้วหายใจออกอีกข้างหนึ่ง ยืดเวลาการหายใจเข้า/ออก แล้วเชื่อมโยงอีกแง่มุมหนึ่งของการฝึกปฏิบัติ - กุมภากา - กลั้นลมหายใจระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก นอกจากนี้ ในเวลาต่อมา มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนอัตราส่วนการหายใจเข้า / ชักช้า / หายใจออก ในระยะเริ่มต้น อัตราส่วนนี้จะเป็น 1:1:1 จากนั้น 1:1:2 จากนั้น 1:2:2, 1:3:2, 1:4:2 เป็นต้น - ไม่มีการจำกัดความสมบูรณ์แบบ . สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์ขอแนะนำให้เพิ่มความล่าช้าหลังจากหายใจออก ในระหว่างการหายใจเข้าล่าช้า ร่างกายของเราจะดูดซึมพลังปราณอย่างมีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยพลังงาน แต่การชำระจิตสำนึกและช่องทางพลังงานอย่างล้ำลึกจะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำในระหว่างการกลั้นหายใจออก


การฝึกปราณยามะครั้งที่ 2 ซึ่งแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น เรียกว่า อาปานสติ ฮินายะนะ พระศากยมุนีเองได้ประทานการปฏิบัตินี้แก่สาวกของพระองค์ และได้อธิบายไว้โดยละเอียดในอานาปานสติสูตร พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้สาวกปฏิบัติปราณยามะนี้เพื่อทำให้จิตใจสงบ ชำระจิตให้บริสุทธิ์ และขจัดกิเลสที่ลุกเป็นไฟ นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่พระพุทธเจ้าทรงฝึกฝนปราณยามะอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และด้วยเหตุนี้พระองค์จึงตรัสรู้ สาระสำคัญของปราณยามะนี้คือการหายใจออกทีละน้อย การหายใจเกิดขึ้นในสัดส่วนต่อไปนี้: หายใจเข้า / หายใจออก: 5/5 จากนั้น 6/6 จากนั้น 7/7, 8/8 เป็นต้น ยืดลมหายใจต่อไปจนกว่าคุณจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ณ จุดนี้คุณควรหยุดและหายใจสักครู่ในโหมดนี้ จากนั้นเริ่มลดระดับลมหายใจของคุณในลำดับที่กลับกัน เช่น อัตราส่วนการหายใจเข้า/หายใจออก: 20/20 จากนั้น 19/19, 18/18 เป็นต้น จนกว่าคุณจะกลับสู่ค่าเดิม อย่า "พายุ" ความสูงที่รุนแรงในทันที: อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตสำนึก การปฏิบัติควรจะเชี่ยวชาญค่อยๆ


จากประสบการณ์แสดงให้เห็น แม้ว่าอัตราส่วนของการหายใจเข้าต่อการหายใจออกถึงเครื่องหมาย 30/30 เราสามารถทำให้จิตใจสงบลงได้ลึกและได้รับประสบการณ์ที่ละเอียดอ่อนในเบื้องต้น เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าเองทรงให้การปฏิบัตินี้แก่ผู้คน ซึ่งหมายความว่าโดยการฝึกปราณายามะนี้ คุณจะสร้างการเชื่อมต่อที่มีพลังกับตถาคตซึ่งจะช่วยเร่งความก้าวหน้าในทางปฏิบัติได้อย่างมาก ยิ่งกว่านั้น เราแต่ละคนมีการจุติมากมายที่อยู่เบื้องหลังเรา และถ้าคุณโชคดีพอที่จะเจอการปฏิบัตินี้ในชีวิตนี้ ก็เป็นไปได้ทีเดียวที่คุณจะจุติมาเกิดบนโลกใบนี้ในสมัยของพระศากยมุนีพุทธเจ้าและปฏิบัติปราณยามะนี้



กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

ปราณายามะ: เทคนิคการหายใจสำหรับผู้เริ่มต้น
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการฝึกปราณยามะให้เชี่ยวชาญ ขอแนะนำให้ฝึกการหายใจแบบโยคะเต็มรูปแบบ อันที่จริงนี่คือลมหายใจที่แนะนำให้หายใจในชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องยอมรับว่าพวกเราส่วนใหญ่หายใจผิด พวกเราส่วนใหญ่หายใจด้วยการหายใจตื้นหรืออย่างดีที่สุดโดยการขยายหน้าอก ด้วยการหายใจเช่นนี้ ประสิทธิภาพของกระบวนการจึงต่ำมาก ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมีจำนวนมาก และปริมาณของอากาศที่ย่อยได้ต่ำ จะแก้ไขได้อย่างไร? ควรฝึกการหายใจแบบโยคะเต็มที่ สาระสำคัญของมันเป็นเรื่องง่าย:


  • เราหายใจเข้า โดยนำอากาศไปยังส่วนต่ำสุดของปอด เรากรองไดอะแฟรมและปล่อยให้อากาศเข้าไปเติมเต็มส่วนล่างของปอด
  • จากนั้นเราหายใจเข้าต่อไป: เราขยายซี่โครงและปล่อยให้อากาศเติมเต็มส่วนตรงกลางของปอด
  • เราหายใจเข้าในส่วนบนของปอดต่อไปโดยยกไหล่และกระดูกไหปลาร้า
  • หลังจากหายใจเข้าเสร็จแล้วให้หายใจออกในลำดับที่กลับกัน
ดังที่ประสบการณ์ได้แสดงให้เห็น หลังจากการหายใจดังกล่าวผ่านไป 10–15 รอบ จิตที่ไม่สงบก็จะสงบลง และสภาวะของจิตที่เป็นสุขก็เข้ามา เมื่อเวลาผ่านไป เป็นที่พึงปรารถนาที่จะควบคุมการหายใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะช่วยให้คุณอิ่มตัวร่างกายด้วยออกซิเจนและพรานาให้ได้มากที่สุด



กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

ประโยชน์ของปราณยามะ
ปราณยามะเป็นเทคนิคการหายใจแบบพิเศษที่ช่วยให้ชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เราควรตั้งตนให้มั่นคงในยะมะและนิยามะ เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิผลหลังการฝึกปราณยามะจะไม่กลายเป็นการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพ หากปฏิบัติตามใบสั่งยาและคำแนะนำทั้งหมด และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ผลของปราณายามะก็น่าทึ่งมาก อันที่จริง โรคใด ๆ - ทั้งในระดับร่างกายและจิตวิญญาณ - เป็นการอุดตันของช่องทางพลังงาน - nadis และปราณยามะช่วยให้คุณสามารถทำความสะอาดช่องเหล่านี้ได้ ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของปราณายามะ คุณสามารถรักษาโรคได้เกือบทุกชนิด


นอกจากนี้ ในตำราโบราณเกี่ยวกับโยคะหลายฉบับกล่าวว่า พลังปราณ - พลังงานสำคัญนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับจิต - จิตสำนึก และผู้ที่สามารถควบคุมพลังปราณได้จะสร้างการควบคุมจิต และนี่คือแก่นแท้ของโยคะ นั่นคือการควบคุมจิตใจของคุณ นอกจากนี้การยืดลมหายใจและคัมภากา - การกลั้นหายใจมีผลดีต่อร่างกาย การสังเกตสิ่งมีชีวิตแสดงให้เห็นว่ายิ่งวงจรการหายใจทำงานน้อยลงเท่าใด สิ่งมีชีวิตก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นเท่านั้น เต่าทำการหายใจสองรอบต่อนาทีและมีชีวิตอยู่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ตั้งแต่ 200 ถึง 1,000 ปี ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ผู้ที่มีอัตราการหายใจสองรอบต่อนาทีจะสามารถแข่งขันกับเต่าในแง่ของอายุขัยได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าสัตว์หลายชนิดไม่ดูหมิ่นการฝึกปราณยามะ ตัวอย่างเช่น จระเข้หายใจเอาออกซิเจนและไม่มีร่องเหงือก อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอเหยื่อ เขาสามารถซุ่มโจมตีใต้น้ำได้นานหลายชั่วโมง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? อาจกล่าวได้ว่าจระเข้ทำ kumbhaka: มันปิดวาล์วหัวใจและเลือดหยุดไหลผ่านการไหลเวียนของระบบ แต่จะรักษาเฉพาะการเคลื่อนไหวของเลือดผ่านการไหลเวียนในปอดซึ่งเลี้ยงเฉพาะหัวใจและสมองเท่านั้น ดังนั้นจระเข้จึงลดการใช้ออกซิเจนลงอย่างมากหลังจากนั้นจะกลั้นหายใจและดำน้ำใต้น้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเขาเห็นเหยื่อ เขาเปิดวาล์ว กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดทั้งหมด แขนขาของเขาได้รับเลือดอีกครั้ง และเขากระโดดเข้าหาเหยื่ออย่างร้ายแรง



กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง

หากปราณายามะที่มีความล่าช้าหลายชั่วโมงมีให้สำหรับจระเข้ การควบคุมกุมภกะอย่างน้อยสักสองสามนาทีก็เป็นไปได้สำหรับบุคคล ผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์จะบรรลุกุมภากาใน 40 นาทีขึ้นไป ขณะกลั้นหายใจ จิตก็สงบลึก พระสูตรอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวจากชีวิตของพระพุทธเจ้า ครั้งหนึ่ง ในระหว่างการเทศนา นักเรียนคนหนึ่งถามว่า “ทำไมโลกนี้จึงไม่สมบูรณ์นัก?” ครั้นแล้ว พระพรหมผู้สร้างโลกซึ่งได้ร่วมแสดงพระธรรมเทศนาด้วยก็กล่าวว่าพระองค์ได้ทรงสร้างโลกนี้ในอุดมคติและเพียงเพราะว่าสิ่งมีชีวิตมีการหายใจเร็วเกินไปและเป็นระยะ ๆ ปราณจึง "กระโดด" ในร่างกายและดังนั้น " การกระโดด” เกิดขึ้นในจิตสำนึก และด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงมองว่าโลกนี้ไม่สมบูรณ์ นี่เป็นเวอร์ชันที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งควรค่าแก่การทดสอบด้วยประสบการณ์ของคุณเอง และเมื่อหยุดหายใจแล้ว ให้บรรลุความสงบของจิตใจเพื่อพยายามมองโลกในอุดมคติ


ปราณยามะเป็นวิธีปฏิบัติที่น่าอัศจรรย์ที่สามารถให้ประสบการณ์ที่น่าสนใจแก่คุณได้ ข้อได้เปรียบของมันคือ ปราณายามะสำหรับผู้เริ่มต้นและการออกกำลังกาย เช่น การหายใจแบบโยคะเต็มรูปแบบ ใครๆ ก็สามารถควบคุมได้โดยไม่มีอุปสรรค

ปราณยามะคือการควบคุมการหายใจ ซึ่งมีผลคือความสงบของจิตใจและความสมดุลของระบบประสาท ควรพิจารณาการแปลตามตัวอักษรและเปิดเผยสาระสำคัญ: ปรานา - อากาศ, ลมหายใจ, พลังแห่งชีวิต; อายามะ - การขยายความกว้าง ความยาว ปริมาตร


ปราณยามะคือการสูดดมและหายใจออกที่ยาวขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อร่างกายของเรา ประสบการณ์ในการขยายและขยายลมหายใจนั้นมาพร้อมกับเวลา จิตใจจะสงบขึ้นและให้ความสนใจในเรื่องที่ละเอียดอ่อน

การฝึกอย่างปราณีตใช้ได้กับลมหายใจ ทั้งระหว่างอาสนะและเมื่อทำปราณายามะหรือการทำสมาธิ

จิตใจและลมหายใจของเราเชื่อมโยงกัน จังหวะการหายใจเปลี่ยนแปลงไปตามอิทธิพลของความคิดและอารมณ์ เมื่อคุณประสบกับความรู้สึกที่รุนแรง (ความวิตกกังวล ความสุข ฯลฯ) มันจะล่าช้าหรือเร็วขึ้นตามสัญชาตญาณ ความเครียดและความตึงเครียดที่ยืดเยื้อจะสะท้อนออกมาในลมหายใจ


ในระบบปรัชญาหลายระบบ มีความสำคัญอย่างยิ่งและติดอยู่กับการหายใจ นี่ไม่ใช่แค่ปฏิกิริยาเคมีเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการพลังงานที่ซับซ้อนอีกด้วย

การทำงานอย่างมีสติกับการหายใจเข้าและหายใจออกเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาของโยคะ ไทชิ และโรงเรียนสอนจิตวิญญาณอื่นๆ ในภาคตะวันออกเป็นเวลาหลายพันปี นอกจากนี้ยังมีมูลค่าสูงในด้านจิตบำบัดสมัยใหม่ การหายใจเป็นพลังงานในแง่ของสรีรวิทยา ในกระบวนการหายใจมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย - เซลล์จะได้รับออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเผาไหม้สารอินทรีย์พวกเขาจะทำความสะอาด ระหว่างการเผาไหม้พลังงานจะถูกสร้างขึ้น ร่างกายได้รับออกซิเจนดีขึ้นทำงานได้ดีขึ้น นั่นคือเหตุผลที่หลังจากเดินเล่นในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เป็นเวลานาน ร่างกายจะยืดหยุ่นมากขึ้นและสมองก็จะ "มีสติ" มากขึ้น โยคะที่เน้นการหายใจรักษาสุขภาพที่ดีและจิตใจที่ดีในวัยชรา ดังนั้นเพื่อให้รู้สึกมีสุขภาพที่ดี ปรับปรุงคุณภาพชีวิต จึงจำเป็นต้องศึกษาเทคนิคการหายใจเพื่อชำระล้างอย่างมีสติสามขั้นตอน (ปุรากา กุมภกา เรชากา)


กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


ใช้เวลาสองสามนาทีระหว่างวันเพื่อฝึกฝน:

  1. หลับตา ผ่อนคลายตัวเอง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  2. หายใจเข้าทางจมูกหายใจออกทางปาก
  3. หายใจเข้าและโค้งท้องของคุณออกไปด้านนอก ดันอากาศเข้าไปในส่วนล่างของปอดของคุณ
  4. กลั้นหายใจและนับถึงห้า
  5. หายใจออกช้าๆ ผ่อนคลายไหล่ ลำตัว และหน้าท้อง
  6. ให้หายใจฟรีและลึก

ขณะที่คุณลอยขึ้นไปในอากาศ ลองนึกภาพว่ามีกระแสแห่งพลังชำระล้างที่ให้ชีวิตเข้ามาหาคุณ เมื่อหายใจออก สิ่งสกปรกทั้งหมดก็ออกมา

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


ปราณยามะในหฐโยคะ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการฝึกหายใจที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ฝึกสมาธิจดจ่อกับจิตใจและมีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว

ปราณยามะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ การหายใจอัตโนมัติ ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาร่างกายในช่วงชีวิต แต่เป็นการหายใจที่โยคีพัฒนามาหลายชั่วอายุคนในทางปฏิบัติ เมื่อใช้เทคนิคการหายใจปราณายามะ ร่างกายของโยคีจะดูดซับออกซิเจนอย่างมากมาย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเล็กน้อยเกิดขึ้นในร่างกายของโยคี


เป็นเวลาหลายศตวรรษ ที่โยคีได้รวบรวมความลับของความเชี่ยวชาญทีละน้อย เพื่อรักษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ดูแลความรู้ของบรรพบุรุษคือคำสั่งของ Swami Saraswati ซึ่งผู้นำทางจิตวิญญาณคือ Swami Satyananda Saraswati ในหนังสือของเขา "อาสนะปราณยามะมุทราบันธา" ซึ่งเป็นผลงานมากว่าหนึ่งปี อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้จัดระบบเทคนิคโบราณของปราชญ์อินเดียให้ทันสมัย เทคนิคทั้งหมดที่อธิบายไว้ในหนังสือ ซึ่งได้รับการทดสอบโดยโยคีและฤๅษีอินเดียหลายชั่วอายุคน เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญในชีวิตของบุคคล พวกเขาเปลี่ยนมันอย่างน่าอัศจรรย์เพื่อให้ดีขึ้น ให้อารมณ์และความสุขของการเป็น


กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


เทคนิคปราณยามะที่จะช่วยในการฝึกโยคะ
บ่อยครั้งในสถานการณ์ที่ตึงเครียดพวกเขาพูดถึงความสงบและแม้กระทั่งการหายใจ เราแต่ละคนได้ยินมากกว่าหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง: “นับถึงสิบ; หายใจลึก ๆ; หายใจออก". การหายใจส่งผลต่อระบบประสาทกระซิกทำให้จิตใจสงบลง นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการฟื้นฟูบุคคลสู่ยุคปัจจุบันและมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เกิดขึ้น "ที่นี่และเดี๋ยวนี้" สี่ขั้นตอนในเชิงบวกและเทคนิคการหายใจนี้สามารถใช้ในระหว่างการทำสมาธิหรือโยคะ


ประโยชน์ของปราณยามะ
ผลทันทีของการฝึกหายใจคือการเติมเต็มร่างกายด้วยพลังงานและความสดชื่นของจิตใจตลอดจนการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพและพักผ่อน หลังจากการฝึกปราณยามะ คนๆ หนึ่งจะรู้สึกสงบและเย็นสบายเพียงใด หฐโยคะและการฝึกปราณยามะหลายปีได้รับชัยชนะเหนือจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึก จิตใจเริ่มต่อต้านการล่อลวงที่แฝงตัวอยู่ทุกทาง และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง


กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


เช่นเดียวกับอาสนะ ปราณายามะเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่การทำสมาธิ

ประโยชน์ของเทคนิคปราณายามะที่เหมาะสม
นอกจากคุณสมบัติของยากล่อมประสาทแล้ว การหายใจที่เหมาะสมยังมีความหมายที่สำคัญไม่แพ้กัน:

  • ช่วยกระตุ้นกระบวนการทางเคมีในสมอง เพิ่มการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วยลดภาวะซึมเศร้า
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมใต้สมองที่รับผิดชอบต่อสัญชาตญาณที่ดีขึ้น
  • ขับสารพิษออกจากปอด
  • ทำให้เลือดบริสุทธิ์
  • เพิ่มพลังงานและความมีชีวิตชีวา
  • ควบคุมระดับ pH ในร่างกาย ซึ่งช่วยให้เอาชนะความเครียดได้ดีขึ้น

ในโยคะการหายใจลึก ๆ เรียกว่าปราณายามะ ในภาษาสันสกฤต prana หมายถึงพลังงานที่ให้ชีวิต และ yama หมายถึงการควบคุมและการขยายตัว ปราณยามะเป็นวิธีการเพื่อให้แน่ใจว่าการไหลเวียนของพลังงานที่ให้ชีวิตในร่างกายเป็นไปอย่างเหมาะสม ในระหว่างการฝึกโยคะหรือการทำสมาธิ การผสมผสานระหว่างจิตใจและลมหายใจจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยความสนใจและความเข้าใจ ตามคำบอกเล่าของ Ram Dass ปราณยามะช่วยให้คุณอยู่ได้จริง "ที่นี่และเดี๋ยวนี้"

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


สี่เทคนิคการหายใจ
มีปราณายามะหลายประเภทที่น่าสนใจและให้ค้นพบจนกว่าคุณจะพบปราณยามะที่เหมาะกับคุณ เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหา เราจะพิจารณาสี่เทคนิคและประเภทของปราณยามะ:


สม ฤทธิ ปราณายามะ
แซม หมายถึง ความเท่าเทียม และ วริตตี หมายถึง การกระทำหรือการเคลื่อนไหว ในแบบฝึกหัดนี้ การหายใจเข้าจะคงอยู่นานเท่ากับการหายใจออก เริ่มนับถึงสี่เช่นเดียวกับที่คุณหายใจออก - นับถึงสี่พอดีหากคุณรู้สึกสบายเพียงพอ อนุญาตให้หยุดพักระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก ซึ่งจำกัดการนับสูงสุดสี่ครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความสมดุลของร่างกายและร่างกาย


ปราณยามะนี้มักถูกเรียกว่าลมหายใจแห่งชัยชนะเพราะอุจิคือพลังและอายคือชัยชนะหรือชัยชนะ Ujjayi ทำให้ระบบประสาทสงบลง ให้การนวดอวัยวะลึกๆ เช่น หลอดอาหารและม้าม

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


  • หายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกโดยปล่อยให้อากาศสัมผัสส่วนหลังของลำคอ
  • อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการทำความคุ้นเคยกับวิธีการนี้ แต่ในที่สุด คุณจะได้เสียงที่คล้ายกับเสียงกรอบแกรบของมหาสมุทร

Ujjayi pranayama เรียกอีกอย่างว่าการหายใจในมหาสมุทร

กะปาลาภติ
Kapala - ส่วนกะโหลก Bhati - เบา อีกชื่อหนึ่งสำหรับ kapalabhati pranayama คือลมหายใจแห่งไฟหรือ kriya เนื่องจากคุณสมบัติในการทำให้บริสุทธิ์


  • การออกกำลังกายเริ่มนั่งไขว่ห้างและวางมือบนเข่า (ท่าดอกบัว)
  • หายใจออกทางจมูกอย่างแรง กล้ามเนื้อหน้าท้องหดตัวและขับลม ไดอะแฟรมหดตัว
  • เมื่อหายใจออกแต่ละครั้งให้กดสะดือไปที่กระดูกสันหลัง purs ริมฝีปากของคุณทำให้เสียงคล้ายกับ "shh"
  • การสูดดมแบบพาสซีฟจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติโดยธรรมชาติผ่านการคลายตัวของไดอะแฟรมของช่องท้อง
  • เวลาออกกำลังกาย - 1 นาที แนะนำให้ผู้เริ่มต้นหายใจ 1 ครั้งต่อวินาที และขั้นสูง 2 ครั้งต่อวินาที

การหายใจของกปาลาภติ (กริยา) ชำระล้างเลือดและตับ เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด และทำให้จิตใจสงบ

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


การหายใจเข้าและหายใจออกใน kapalabhati มีความยาวแตกต่างกัน การหายใจเข้าควรนานกว่าการหายใจออกสามเท่า มันเป็นความผิดพลาดที่จะทำให้ระยะเวลาของพวกเขาเท่ากันเนื่องจากคุณสมบัติหลักของ kapalabhati หายไป - พลังของการหายใจออก


สิมภาสนะ
การฝึกหายใจสิมภาสนะ หมายถึง การหายใจของสิงโต การหายใจออกเกิดขึ้นทางปากที่เปิดกว้างพร้อมกับเสียงที่เป็นลักษณะเฉพาะ "a-xxx" และยื่นลิ้นออกมาให้มากที่สุด เมื่อถึงจุดนี้ สายตาควรมุ่งไปข้างหน้า

การฝึกสิมภาสนะสามารถฝึกได้ในขณะนั่งและนอน เช่นเดียวกับการทำอาสนะอื่นๆ เช่น สุนัขที่มีศีรษะต่ำ

เทคนิคการหายใจที่น่าสนใจช่วยผ่อนคลายและป้องกันความเครียด กระตุ้นกล้ามเนื้อปาก ใบหน้า และดวงตา

การแสดงเทพเบดาน
เทพในการแปลหมายถึงดวงอาทิตย์ bheda มาจากคำว่า bhid - การเจาะทะลุผ่านบางสิ่ง

กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


ในพระสุริยะภะดานะปราณายามะ ปราณาผ่านปิงคลานาดี (รูจมูกขวา) หรือสุริยะนาดี ซึ่งเป็นพลังงานทางกายภาพและร่างกาย การหายใจดังกล่าวมีความสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญหลายอย่าง ประโยชน์ของปราณยามะ:


  1. เพิ่มอุณหภูมิร่างกายซึ่งขจัดความไม่สมดุลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากและมีประสิทธิภาพในโรคอ้วน
  2. การฝึกหายใจทางรูจมูกขวาเป็นประจำใช้เพื่อลดน้ำหนัก
  3. พรานาเพิ่มและเพิ่มพลังชีวิต
  4. มีผลกับภาวะซึมเศร้าช้าและพลังงานต่ำ
  5. มีประสิทธิภาพในการบรรเทาความเครียด
  6. ช่วยลดความวิตกกังวล ซึมเศร้า และโรคทางจิตอื่นๆ
  7. ความสมดุลของ Ida และ Pingala ขจัดสิ่งกีดขวางในช่องพลังงานบุคคล Pranic ส่งผลให้เกิดการตื่นขึ้นทางจิตวิญญาณ

การฝึกหายใจ Surya bhedan ควรทำกับผู้เชี่ยวชาญโยคะเท่านั้น


ผู้เริ่มต้นสามารถเริ่มต้นด้วยการฝึกหายใจเข้าลึก ๆ ในท่านั่ง (Padmasana-Lotus, Swastikasana, Vajrasana, ตำแหน่งใดก็ได้ที่ร่างกายผ่อนคลายและกระดูกสันหลังตั้งตรง)

  1. ปิดรูจมูกซ้ายด้วยมือขวาแล้วหายใจเข้าทางขวา
  2. หายใจเข้าทางรูจมูกขวาเป็นเวลา 4 วินาที และหายใจออกทางรูจมูกขวาหรือซ้ายเป็นเวลา 6 วินาที
  3. ฝึกฝนเป็นเวลา 5-6 นาที
  4. เมื่อคุณได้รับทักษะ คุณสามารถเพิ่มคะแนนเป็นอัตราส่วน 4:8 หรือ 5:10 หรือ 6:12 วินาที

มาตรการป้องกัน:

  • หากคุณรู้สึกไม่สบายแม้แต่น้อย คุณต้องลดอัตราส่วนของการหายใจเข้าและหายใจออก
  • ไม่ควรบังคับปราณยามะไม่ว่าในกรณีใด
  • ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดช่องท้อง ผ่าตัดหัวใจ หรือสมอง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษา
  • อย่ารีบเร่งที่จะเพิ่มสัดส่วนเพราะอาจเป็นอันตรายได้
  • ทำอีกสองสามรอบหลังจาก 5-10 นาที โดยเน้นที่ความสามารถทางกายภาพของคุณ

ทำแบบฝึกหัด:

  1. ดวงตา หน้าผาก คิ้ว และผิวหนังควรอยู่เฉยๆ โดยไม่มีอาการตึงเครียดใดๆ
  2. จิตต้องปรับให้เข้ากับการสังเกตเสียงลมปราณและรักษาจังหวะการหายใจให้เหมาะสม
  3. การหายใจเข้าและหายใจออกแต่ละครั้งควรเท่ากัน
  4. การหายใจเข้าและออกไม่ควรบังคับ ต้องรักษาจังหวะที่สม่ำเสมอและสงบตลอดเวลา
  5. หลังจากปราณยามะเสร็จแล้ว

เทคนิคการหายใจแบบบรามารี
เทคนิคการหายใจแบบบรามารีปราณายามะได้รับการตั้งชื่อตามผึ้งอินเดียสีดำชื่อภรามารี และมีประสิทธิภาพมากในการทำให้จิตใจสงบ Brahmari เป็นหนึ่งในแบบฝึกหัดการหายใจที่ดีที่สุดที่บรรเทาความตื่นเต้น ความคับข้องใจ ความวิตกกังวล และบรรเทาความโกรธในระดับมาก เทคนิคนี้ง่าย บราห์มารีปราณายามะสามารถฝึกฝนได้ทุกที่ ที่ทำงาน ที่บ้าน นี่คือการปลดปล่อยความเครียดทันที การหายใจออกในปราณยามะคล้ายกับเสียงหึ่งๆ ของผึ้ง การสั่นสะเทือนของเสียงที่ดังกังวานมีผลทำให้สงบโดยธรรมชาติ


  1. นั่งตัวตรงในบริเวณที่เงียบสงบและมีอากาศถ่ายเทสะดวกโดยหลับตา รักษารอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของคุณ
  2. อย่าลืมตาสักครู่ สังเกตความรู้สึกในร่างกาย
  3. วางนิ้วชี้ในหูของคุณบนกระดูกอ่อนที่อยู่ระหว่างแก้มและหูของคุณ
  4. หายใจลึก ๆ. หลังจากหายใจออก ให้กดกระดูกอ่อนเบา ๆ แล้วส่งเสียงดังเหมือนผึ้ง
  5. สามารถสร้างเสียงต่ำได้ แต่เสียงสูงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  6. หายใจเข้าอีกครั้งและทำซ้ำขั้นตอน 3-4 ครั้ง

มีแนวทางการหายใจอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์เท่าเทียมกัน เช่น vrajana pranayama ซึ่งประสบความสำเร็จในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร pranayama ramdev swami ตามระบบโยคะโบราณของ Patanjali และ Nata Sampradaya hatha Yoga; อาปานสติ ปราณายามะ - วิธีการควบคุมจิตใจ ที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าประทานแก่สาวกของพระองค์ ทำให้จิตใจสงบและอยู่ใต้บังคับบัญชาของโยคี ชีตาลี ปราณายามะ สิตการี ปราณายามะ และสิตาลี ปราณายามะ เป็นปราณายามะที่ทำให้เย็นลงซึ่งช่วยกำจัดความร้อนภายในที่เกิดจากความคับข้องใจ ความตื่นเต้น ความโกรธ พวกเขายังถูกเรียกว่าปราณายามะซึ่งมีชัยชนะเหนือไฟสี่ประเภท ปราณยามะคืนสุขภาพที่ดี ความสงบ ความสงบ และการควบคุมตนเอง



การปฏิบัติของจันทราภะทนะ
รูจมูกด้านขวาเชื่อมต่ออย่างกระฉับกระเฉงกับพลังงานความร้อนในร่างกายของเรา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์และพยางค์ HA พลังงานความเย็นของร่างกายของเราซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "ดวงจันทร์" และพยางค์ THA นั้นสัมพันธ์กับรูจมูกด้านซ้าย


ในคนธรรมดาพลังงานเหล่านี้ขัดแย้งกันซึ่งนำไปสู่ความเจ็บป่วยและความวิตกกังวล เป้าหมายของหฐโยคะและจันทราภะดานะปราณายามะคือการบูรณาการและประสาน HA และ THA เพื่อความสุขและสุขภาพ จุดประสงค์ของการหายใจทั้งสองนี้เพื่อสร้างสมดุลในการ "ร้อนขึ้น" และในทางกลับกัน "ทำให้ร่างกายเย็นลง"

นั่งในอาสนะที่สะดวกสบายและทำ Mrji Mudra สำหรับ chandra bhedana pranayama ให้ปิดกั้นรูจมูกขวาและหายใจเข้าทางซ้าย จากนั้นปิดด้านซ้ายและหายใจออกทางขวา ทำต่อไปอีก 1-3 นาที หายใจเข้าทางรูจมูกขวา หายใจออกทางซ้าย


สำหรับ Chandra Bedana ก่อนเข้านอน ให้หายใจเข้าทางรูจมูกซ้ายเสมอ หายใจออกทางขวา ฝึกต่อเป็นเวลา 1-3 นาที


การชำระล้างด้วยไฟ
Agnisara Dhauti (Agni = Fire, Sara = Cascade, Dhauti = Purification) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเพิ่มไฟย่อยอาหาร เช่นเดียวกับการล้างและกระตุ้นศักยภาพของพลังงานในช่องท้อง เทคนิค agnisar ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในช่องท้องและการกักเก็บอากาศในปอดที่ว่างเปล่า จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ Uddiyana Bandha เพื่อดำเนินการ agnisara


กระเป๋าคา ดอก ห ลุย ส์ ผู้หญิง


เทคนิค
Agnisara ดำเนินการในท่ายืนหรือในท่านั่ง

  1. หายใจออกให้หมด (เช่นเดียวกับใน Simhasana)
  2. กลั้นหายใจในปอดที่ว่างเปล่า
  3. วางมือบนเข่า งอเข่า เอียงลำตัวไปข้างหน้า แตะหน้าอกด้วยคาง
  4. ดึงหน้าท้องขึ้นโดยใช้เอฟเฟกต์การดูดที่เกิดจากการถือปอดเปล่า (Uddiyana Bandha)
  5. ดันและดึงท้องตามลำดับช้าๆในตอนแรกแล้วค่อยๆเพิ่มความเร็ว
  6. ปลดปล่อยท้องของคุณ
  7. ค่อยๆ กลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้น
  8. หายใจเข้าอย่างสม่ำเสมอ ทำซ้ำได้ถึง 3 ครั้ง

อย่ารอจนวินาทีสุดท้ายหายใจออก มิฉะนั้นคุณอาจไอได้ หากอาการวิงเวียนศีรษะก็ไม่ควรยืนกราน เทคนิค agnisar ใช้ในขณะท้องว่าง


วิธีทำ สมฤฏิ ปราณายามะ
ในการทำปราณยามะหรือที่เรียกว่าปราณยามะสแควร์ ให้หาท่านั่งสบายที่ยกสะโพกขึ้นเหนือเข่า

เมื่อทำปราณยามะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส สามารถนั่งบนผ้าห่ม หมอน หรือเก้าอี้เพื่อเปิดไดอะแฟรมและเพื่อให้หายใจสะดวก คุณสามารถทำให้การฝึกปราณยามะสี่เหลี่ยมผ่อนคลายยิ่งขึ้น


หลังจากที่คุณสงบสติอารมณ์แล้ว ให้เริ่มสังเกตการหายใจเข้าและออกตามธรรมชาติของคุณ สังเกตความยาว ความรู้สึกในร่างกาย และการไหลของลมหายใจ


หากคุณรู้สึกตึงเครียดในลมหายใจ ให้ดูวิธีสงบสติอารมณ์ "ขับกล่อม" เพื่อให้สงบ นุ่มนวล และแม้กระทั่งระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน


จากนั้นเริ่มฝึก square pranayama และนับการหายใจออก (สี่ครั้ง) หายใจเข้าช้า ๆ และบิดเบา ๆ เพื่อหายใจออก หายใจออกสี่ครั้ง

ทำอย่างนี้ต่อไปหลายรอบ

หากการนับดูเหมือนสั้นเกินไปสำหรับคุณ ให้เริ่มเพิ่มการนับอย่างช้าๆ นับถึง 10 อย่าลืมรักษาความสบายและความเบาในร่างกายและจิตใจ คุณต้องไม่บังคับลมหายใจให้ทำงาน หากคุณนับไม่ครบ ให้เริ่มใหม่อีกครั้ง


หลังจากฝึกสแควร์ปราณายามะเสร็จแล้ว ให้รอจนกว่าการหายใจจะกลับสู่ปกติ สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายและจิตใจของคุณพร้อมกับการหายใจเป็นจังหวะและสมดุล


https://amikamoda.ru/th/chto-takoe-...bennosti-dyhatelnoi-praktiki-v-izvestnyh.html