เรียนรู้วิธีการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างไรตามแบบ Mark Zuckerberg เจ้าของ Facebook Show Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีระดับโลก ด้วยปริมาณทรัพย์สินกว่า 9.81 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.94 ล้านล้านบาท เป็นคนร่ำรวยที่สุดในอันดับ 5 ของโลก ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เรื่องเล่าความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ที่เรามักได้ยินกันคงเป็น การเรียนไม่จบ ลาออกจากมหาวิทยาลัย Harvard กลางคันเพื่อมาก่อตั้ง Facebook จนประสบความสำเร็จกลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีคนสำคัญของโลกแบบง่ายๆ แต่ในความจริงแล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ไม่มีอะไรง่ายเสมอไป ทุกๆ อย่างล้วนมีที่มา อย่าสนใจกับเรื่องไม่สำคัญ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่ผ่านมา Mark Zuckerberg เคยพูดถึงวิธีการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง บางอย่างเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน แต่กลับส่งผลอย่างมหาศาลกับการทำงาน วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างแรกของ Mark Zuckerberg คือ การไม่ให้ความสนใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นในชีวิตต้องตัดออกไปให้หมด เราจึงมักเห็น Mark Zuckerberg ในลุคการทำงานที่เหมือนเดิมทุกวัน คือ เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบคู่เดิม เขาเคยให้เหตุผลที่แต่งตัวในลุคเดิมทุกวันจากการสัมภาษณ์ในปี 2014 ว่าเป็นเพราะ “เขาต้องการเคลียร์เรื่องต่างๆ ในชีวิตออกไปให้หมด และต้องการตัดสินใจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกๆ เรื่อง” ซึ่งไม่ใช่แค่การแต่งกายเท่านั้น ยังรวมถึงการเลือกอาหารเช้าในแต่ละวันด้วย โดยเขาจะเลือกกินอะไรก็ได้ที่รู้สึกอยากในวันนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาต้องการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ให้น้อยที่สุดนั่นเอง ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำงานได้ตลอดเวลาในด้านชีวิตการทำงานแบบจริงจังของ Mark Zuckerberg เขาให้ความสนใจกับการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาเคยตอบคำถามให้กับคนทั่วไปทาง Facebook ส่วนตัวของเขาเองว่า เขาทำงานในสำนักงานคิดเป็นเวลา 50-60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ย 10-12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ความจริงแล้ว Mark Zuckerberg ไม่ได้ทำงานแค่ในสำนักงานเท่านั้น เพราะทุกๆ ที่ สามารถทำงานได้หมด โดยเฉพาะการใช้เวลาไปกับการอ่าน และคิด ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นหากถามว่าเขาทำงานตอนไหนบ้าง เขาจะตอบว่า เขาทำงานตลอดเวลาในชีวิต นอกจากนี้ Mark Zuckerberg ยังตั้งคำถามกับตัวเองในทุกๆ วันด้วยว่า “เขาได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เขาสามารถทำได้แล้วหรือยัง” เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่ง ตั้งเป้าหมายเป็นประจำทุกปีMark Zuckerberg เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายใหญ่ๆ เป็นประจำทุกปี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ การที่เขาเคยตั้งเป้าหมายที่จะอ่านหนังสือ 1 เล่ม ทุกๆ 2 สัปดาห์ ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็มๆ ในปี 2015 เขาได้เปิดเพจ Facebook ในชื่อ A Year of Books เพื่อบอกเล่าหนังสือที่เขาอ่านอยู่ในขณะนั้น แทนที่จะอ่านหนังสือเฉพาะช่วงเวลาที่ว่างเท่านั้น Mark Zuckerberg ใช้วิธีเดียวกับการทำงาน ที่เขาบอกว่าเขาสามารถทำงานได้ตลอดเวลามาใช้กับการอ่านหนังสือด้วย ทำในสิ่งที่ง่าย แล้วค่อยเริ่มทำสิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในหนังสือ Mark Zuckerberg: 10 Lessons In Leadership ตัว Mark Zuckerberg เคยยกคำพูดของตัวเองไว้ว่า “กฎง่ายๆ ของการทำธุรกิจคือ ให้เริ่มทำในสิ่งที่ง่ายๆ ก่อน แล้วหลังจากนั้นคุณจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้” แนวคิดนี้ของ Mark Zuckerberg ตรงกับแนวคิดการทำธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่จะเน้นการทดลองทำ Minimal Viable Product หรือสินค้าที่มีฟีเจอร์น้อยๆ ขึ้นมาก่อนเป็นการทดลองตลาด แทนที่จะต้องรอสินค้าตัวเต็มที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ครบทุกอย่างแล้วปล่อยสินค้าตัวเต็มตัวเดียว ที่มา – inc (1), (2), business insider ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Mark Zuckerberg ถูกยกให้เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างที่ทราบกันว่าเขากับเพื่อนเริ่มสร้าง Facebook ตั้งแต่ปี 2004 สมัยยังเรียนที่ Harvard และนักศึกษากว่า 2 ใน 3 แห่กันมาสมัครเป็นสมาชิก Facebook อย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้ Facebook มีทรัพย์สินในบริษัทอยู่กว่า $3.5 แสนล้านเหรียญฯ และมีรายได้ในปีที่ผ่านมาประมาณ 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ สำหรับวิดีโอนี้ เป็นโปรเจคสัมภาษณ์แบบซีรีส์ “How to Build the Future” จาก *Y Combinator ซึ่งมันน่าสนใจมาก โดยเลือก Zuckerberg มาเป็นแขกสัมภาษณ์พิเศษคนแรก สัมภาษณ์โดย Sam Altman ประธานบริษัท Y Combinator และด้านล่างคือคีย์สำคัญ 5 ข้อที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากบทวิดีโอสัมภาษณ์จาก Mark Zuckerberg ชิ้นนี้ *Y Combinator (YC) ก่อตั้งเมื่อปี 2005 เป็นบริษัท seed accelerator จากสหรัฐอเมริกา ที่เฟ้นหา และบ่มเพาะ startup ที่มีศักยภาพมาแล้วทั่วโลก และ Fast Company ถึงกับขนานนาม YC ว่าเป็น “the world’s most powerful start-up incubator” เลยทีเดียว “ในโลกที่ทุกอย่างเปี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือการไม่ยอมเสี่ยงกับอะไรเลย“ปี 2006 Yahoo ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการจาก Zuckerberg เหตุการณ์นั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของ Facebook
Facebook เข้าซื้อกิจการ Oculus เพราะต้องการมืออาชีพ
ตอนแรก Zuckerberg ไม่ได้คิดว่าจะตั้ง Facebook ขึ้นมาเป็นบริษัท
3 เรื่องที่ Facebook มุ่งโฟกัส
คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับ Zuckerberg
แหล่งอ้างอิง: The macro แหล่งอ้างอิง: Fortune แหล่งอ้างอิง: Time แหล่งอ้างอิง: Fast Company
|