3. อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การใช้ยาพาราเซตามอลรักษาอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ โดยเฉพาะการใช้ยามากกว่า 15 วันต่อเดือนประมาณ 2 - 3 เดือนติดต่อกันจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด “โรคปวดศีรษะเหตุใช้ยาเกิน (medication overuse headache)” ดังนั้นผู้ที่อาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง เช่น ปวดศีรษะไมเกรนมากกว่าเดือนละ 3 - 4 ครั้ง หรือปวดศีรษะจากความเครียดที่มีลักษณะอาการปวดเหมือนศีรษะถูกบีบรัดมากกว่า 15 วันต่อเดือน ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและอาจจำเป็นต้องรับยาอื่นที่ไม่ใช่พาราเซตามอลเพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะต่อไป Show เมื่อถึงวันนั้นของเดือน ผู้หญิงต้องเจอกับอาการปวดท้องประจำเดือนทุกครั้ง ซึ่งเป็นปัญหากวนใจของใครหลายๆ คน โดยทั่วไปอาการปวดประจำเดือน มักเกิด 1-2 วันก่อนมีประจำเดือน หรืออาจเกิดขึ้นในวันที่มีประจำเดือนก็ได้ ซึ่งการเกิดอาการดังกล่าว เกี่ยวข้องกับสารกระตุ้นการอักเสบ Prostaglan din ซึ่งมีการศึกษาพบว่า ในเลือดประจำเดือนของผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน มีสารชนิดนี้สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่มีอาการปวดถึง 2 เท่า และนอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบแล้ว ยังมีผลทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน และอาจลามไปที่เอวด้านหลัง ต้นขา หรือในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และอ่อนเพลียร่วมด้วย ทั้งนี้เมื่อไหร่ที่สาว ๆ มีอาการปวดท้องประจำเดือน ก็จะมีความเคยชินว่าจะต้องไปซื้อยามากิน เพื่อบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้น ซึ่งยาที่สาว ๆ คุ้นเคยโดยมีชื่อทางการค้าที่หลายคนรู้จักคือ “พอนสแตน” (Ponstan) และยี่ห้ออื่น ๆ เช่น “โกเฟน” (Gofen) มีคุณสมบัติเป็นยาต้านการอักเสบ และบรรเทาปวดระดับน้อยไปจนถึงระดับปานกลาง เช่น ปวดฟันหลังผ่าตัด ปวดประจำเดือน ปวดกระดูก และปวดจากโรคข้อบางชนิด นอกจากนั้นยังใช้ลดอาการไข้ได้ด้วย หากถามว่ากินยาทุกครั้ง เมื่อปวดท้องประจำเดือนจะเป็นอันตรายไหม ขอบอกเลยว่าถ้ากินอย่างต่อเนื่อง และเกินปริมาณย่อมมีผลข้างเคียงแน่นอน ดังนั้นสำหรับผู้ใหญ่ขนาดสูงสุดที่รับประทาน คือไม่ควรเกิน 500 มิลลิกรัมต่อครั้ง และไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน อาการปวดทั่วไปไม่ควรรับประทานยาติดต่อกันเกิน 7 วัน ผลข้างเคียงจากการกินยาแก้ปวดท้องประจำเดือนด้านผลข้างเคียงของการได้รับยานี้อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดแตก (เลือดจึงออกได้ง่ายและหยุดยาก) โลหิตจาง ภาวะซีด ระคายเคืองในช่องท้อง ท้องผูก บางคนก็ท้องเสีย เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผิวหนังบวม หอบหืด ปวดศีรษะ ง่วงนอน หงุดหงิด หรืออันตรายถึงขนาดเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ใจสั่น ลมพิษ ภาวะตับและไตทำงานผิดปกติได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคไต ผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดชนิดต่างๆ เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำ สตรีที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่ผ่าตัดเส้นเลือดที่หัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้อีกด้วย การปวดประจำเดือนนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ปวดมากขึ้นในแต่ละเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคในระบบสืบพันธุ์ที่ต้องรีบรักษา ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อปวดประจำเดือนก็มักกินยาแก้ปวดพวก พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือยากลุ่ม NSAIDs เช่น บรูเฟน (ibuprofen) พอนสแตน (ponstan-mefenamic acid) ซึ่งก็เป็นกลุ่มยาที่ทานได้ตามปกติ แต่การกินยาก็ยังถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะมักจะต้องกินทุกครั้งที่ปวดหรือต้องกินทุกเดือน แถมการกินยาแก้ปวดก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคกระเพาะ ก่อนกินยาแก้ปวดก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน ปรับ 3 อย่างนี้สิ นอกจากสุขภาพดี ยังช่วยลดปวดประจำเดือนได้
พาราเซตามอล แก้ปวดท้องเมนได้ไหมดังนั้น สรุปได้ว่าสามารถใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้หากเป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรง และบรรเทาได้ในระยะสั้นแม้จะสามารถหาซื้อพาราเซตามอล (Paracetamol) มาใช้ได้เองแต่หากใช้ไม่ถูกวิธีย่อมก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
ยาแก้ปวดท้องเมน มีอะไรบ้างยากลุ่มเอ็นเสดหรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นกลุ่มยาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบและยับยั้งการผลิตสารโพรสตาแกลนดินซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ทำให้อาการปวดลดน้อยลง โดยตัวอย่างยาในกลุ่มเอ็นเสด ได้แก่ ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยานาพรอกเซน (Naproxen) ยาเมเฟนามิคแอซิด (Mefenamic Acid) หรือยาเซเลโคซิบ (Celecoxib)
กินยาแก้ปวดท้องเมนมีผลค้างเคียงไหมด้านผลข้างเคียงของการได้รับยานี้อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดแตก (เลือดจึงออกได้ง่ายและหยุดยาก) โลหิตจาง ภาวะซีด ระคายเคืองในช่องท้อง ท้องผูก บางคนก็ท้องเสีย เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผิวหนังบวม หอบหืด ปวดศีรษะ ง่วงนอน หงุดหงิด หรืออันตรายถึงขนาดเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ยาเเก้ปวดท้องประจำเดือนกอนกี่เม็ดยาแก้ปวดท้องเมนส์ อันตรายไหม
สำหรับการรับประทานยาแก้ปวดท้องเมนส์นั้นจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ถ้าหากมีการเลือกใช้ยาอย่างเหมาะสม และรับประทานอย่างถูกวิธีตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ โดยการรับประทานยาแก้ปวดท้องเมนส์ไม่ควรทานเกิน 500 mg ต่อครั้ง และสามารถทานได้มากสุด 3 ครั้งต่อวันเท่านั้น
|