กลุ่ม มิตรผล บริษัทในเครือ

กลุ่มมิตรผล เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และธุรกิจต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมายาวนานกว่า 60 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของกลุ่มผู้บริหาร พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญโดยการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการจัดการอย่างบูรณาการ ทำให้กลุ่มมิตรผลในวันนี้เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยจำนวนโรงงานน้ำตาล 16 แห่ง โรงไฟฟ้าชีวมวล 11 แห่ง และโรงงานผลิตเอทานอล 4 แห่ง พร้อมเกษตรกรชาวไร่อ้อยในความดูแลจำนวนกว่า 143,000 รายในประเทศไทย ลาว จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังเป็นผู้ผลิตพลังงานชีวมวลรายใหญ่ในเอเชีย และยังดำเนินงานในธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจลอจีสติกส์ในอุตสาหกรรมเกษตร

Show

ติดต่อ

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด

เลขที่ 2 อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชั้น 3 ถ.สุขุมวิท2

แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

กลุ่มมิตรผล เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และธุรกิจต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมายาวนานกว่า 60 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของกลุ่มผู้บริหาร พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญโดยการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการจัดการอย่างบูรณาการ ทำให้กลุ่มมิตรผลในวันนี้เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยจำนวนโรงงานน้ำตาล 16 แห่ง โรงไฟฟ้าชีวมวล 11 แห่ง และโรงงานผลิตเอทานอล 4 แห่ง พร้อมเกษตรกรชาวไร่อ้อยในความดูแลจำนวนกว่า 143,000 รายในประเทศไทย ลาว จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังเป็นผู้ผลิตพลังงานชีวมวลรายใหญ่ในเอเชีย และยังดำเนินงานในธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจลอจีสติกส์ในอุตสาหกรรมเกษตร

Contacts

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด

เลขที่ 2 อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชั้น 3 ถ.สุขุมวิท2

Khlong Toei Khlong Toei Bangkok 10110

Directions

BTS เพลินจิต Video แนะนำบริษัท https://www.youtube.com/watch?v=VsXAZi6CJo4&t=5s

ทุกคนรู้จัก “มิตรผล” ในนามของแบรนด์น้ำตาลที่อยู่เคียงคู่วิถีชีวิตคนไทยมายาวนานกว่า 65 ปี แต่รู้หรือไม่ว่าผลิตผลหลักทางการเกษตรของประเทศไทยอย่าง “อ้อย” ไม่ได้มีประโยชน์แค่ผลิตน้ำตาลและน้ำเชื่อมเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก อีกทั้งเป็นตัวช่วยสำคัญสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม Bio-based ที่กำลังจะเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คน วันนี้ mediator ได้รับเกียรติจากคุณประวิทย์ ประกฤตศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่แห่งกลุ่มมิตรผล มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราว โอกาส ความสำเร็จ และทิศทางของกลุ่มมิตรผล ตลอดจนเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นมาทำความรู้จักกับบริษัทผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก

จากโรงน้ำเชื่อมเล็กๆ สู่ผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย

กลุ่มมิตรผล (Mitr Phol Group) ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2489 ณ ตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยเริ่มจากการเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนขนาดเล็กที่ผลิตน้ำเชื่อมส่งขายให้โรงงานผลิตน้ำตาลทราย เพียงสิบปีต่อจากนั้น กลุ่มมิตรผลก้าวสู่การพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมโรงงานที่สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้เองเป็นครั้งแรก ก่อนจะขยายอาณาจักรผลิตน้ำตาลไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และหลายภูมิภาคทั่วโลก อาทิ ลาว จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย รวมแล้วกว่า 18 โรงงาน บนพื้นที่รวมกว่า 2.5 ล้านไร่ สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมิตรผลสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชีย ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์อันกว้างไกล

กลุ่ม มิตรผล บริษัทในเครือ

เมื่อ “มิตรผล” ไม่ได้เป็นแค่บริษัทผลิตน้ำตาล แต่ยังเป็นเจ้าของ 7 กลุ่มธุรกิจที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะทราบว่ากลุ่มมิตรผลไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้นำด้านอุตสาหกรรมน้ำตาลรายใหญ่ของไทยและของโลก แต่ยังมีธุรกิจในเครืออีกกว่า 7 กลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มธุรกิจส่งเสริมและพัฒนาอ้อย กลุ่มธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ กลุ่มธุรกิจการลงทุนเกี่ยวกับการขนส่งและการลงทุนทางการค้า กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจยีสต์และอาหารเสริมสำหรับสัตว์ เป็นต้น และในปัจจุบัน กลุ่มมิตรผลกำลังให้ความสำคัญกับการผลักดันธุรกิจชีวภาพ (Bio-based Business) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเน้นการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับการบริหารจัดการแบบบูรณาการเพื่อสร้างคุณค่าและความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ ด้วยการเปลี่ยนน้ำตาลและอ้อยให้เป็นผลิตภัณฑ์ Bio-based

กลุ่ม มิตรผล บริษัทในเครือ

จากแนวคิด “From Waste to Value” แก่นแท้ของการเติบโตอย่างยั่งยืนและจุดกำเนิดของธุรกิจในเครือ

โลกในปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย อันเกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้คุณค่า กลุ่มมิตรผลจึงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจบนแนวคิดการจัดการแบบ “From Waste to Value” ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของเหลือทิ้ง ด้วยการนำส่วนที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาพัฒนาต่อยอดสู่อุตสาหกรรม พลังงานทดแทน และธุรกิจอื่นๆ อาทิ การนำชานอ้อย (Bagasse) มาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าชีวมวล และผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกลุ่มธุรกิจและจำหน่ายสู่ภายนอก การนำกากน้ำตาล (Molasses) มาหมักกับยีสต์เพื่อผลิตเป็นเอทานอล การนำน้ำกากส่า (Vinasse) ที่เป็นของเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาพัฒนาร่วมกับกากหม้อกรอง (Filter Cake) ที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาล มาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพเพื่อนำกลับไปใช้ในไร่อ้อย เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นการดำเนินธุรกิจด้วยแก่นแท้ของการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยต่อยอดสิ่งที่เหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง

คว้ารางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class จากการจัดอันดับของ S&P Global 2021

การทำธุรกิจในโลกปัจจุบันไม่ใช่เพียงการมุ่งแสวงหากำไรเท่านั้น แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืน มิตรผลจึงได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ในกลุ่ม Food Product จากการจัดอันดับของ S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ตามกรอบการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการสร้างผลประกอบการที่ดี เดินหน้าเติบโตอย่างสมดุลทั้งธุรกิจและสังคม

BCG Model โมเดลเศรษฐกิจสีเขียวสู่ความยั่งยืนระยะยาว

ในการวางโมเดลสำหรับพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวในยุคปัจจุบันจำเป็นจะต้องมีปัจจัยด้านความยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด BCG Model คือหนึ่งในโมเดลเศรษฐกิจที่กลุ่มมิตรผลนำมาใช้เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อผลักดันความสามารถในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และพร้อมพัฒนาสิ่งต่างๆ สู่ความยั่งยืนระยะยาว ด้วยการต่อยอดสินค้าเกษตรอย่างอ้อยสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นด้วยนวัตกรรม อาทิ โครงการแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ โครงการนวัตกรรมจากยีสต์ และโครงการนวัตกรรมอาหารสุขภาพพรีไบโอติกส์ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มมิตรผลเชื่อว่าโมเดล BCG นี้จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

กลุ่ม มิตรผล บริษัทในเครือ

New S-Curve ของกลุ่มมิตรผล ต่อยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ในช่วงที่ผ่านมา เราจะเริ่มเห็นการดิสรัปชันในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก กลุ่มมิตรผลเองก็เช่นกันที่แต่เดิม First S-Curve เป็นเพียงการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำตาลและการปลูกอ้อย ต่อมาจึงริเริ่มโครงการเพิ่มผลผลิตอ้อยด้วยการทำเกษตรสมัยใหม่แบบ “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol ModernFarm)” แนวทางการทำไร่อ้อยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี ไม่เผาอ้อย โดยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีตลอดจนเครื่องจักรกลทางการเกษตร ร่วมกับการพัฒนาพันธุ์อ้อย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต ลดต้นทุน ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ปรับปรุงคุณภาพดิน จนได้รับการรับรองมาตรฐานบองซูโคร (Bonsucro) เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านการดำเนินงานที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ก่อนจะริเริ่มธุรกิจพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานชีวมวล (Biomass Power) ไบโอเอทานอล (Bio-Ethanol) และปุ๋ย (Fertilizer)

ในเวลาต่อมา สำหรับ New S-Curve ของกลุ่มมิตรผลที่น่าจับตามอง คือ การต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีให้เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Product) เช่น ยีสต์สำหรับคนและสัตว์ พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์ เอนไซม์ในอาหารสัตว์ ฯลฯ เพื่อผลักดันธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว ซึ่งแต่ละธุรกิจต่างก็มีเป้าหมายร่วมกันคือ การมองหาโอกาสใหม่ที่สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปเสริมให้ธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นได้ เพื่อให้สามารถสร้างกลุ่มธุรกิจครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างยั่งยืน

กลุ่ม มิตรผล บริษัทในเครือ

นำร่องการสร้าง Ecosystem ร่วมกับพันธมิตร ใจกลางเมืองขอนแก่น

กลุ่มมิตรผลยังได้ทำหน้าที่เป็นเรือธงในการสร้างศูนย์นวัตกรรม Khon Kean Innovation Center (KIC) ขึ้นที่ขอนแก่นบนแนวคิด Smart Building และ Energy Saving โดยหมายจะปั้นให้เป็นศูนย์ Innovation Hub เพื่อสร้าง Eco-Environment ในการบ่มเพาะธุรกิจ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพหรือไบโอเทค (Biotech) ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ภายในอาคารสูง 28 ชั้น บนพื้นที่กว่า 53,000 ตารางเมตรแห่งนี้ประกอบด้วยศูนย์วิจัย ศูนย์การศึกษา ศูนย์ข้อมูล ศูนย์นวัตกรรม ห้องปฏิบัติการ ศูนย์การประชุม ศูนย์ให้บริการด้านธุรกิจแบบครบวงจร ส่วนที่พักอาศัย และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อตอบรับวิถีแห่งโลกยุคใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดบริการได้ในช่วงเดือนเมษายนของปี 2565 นี้

โอกาสและสิ่งที่กลุ่มมิตรผลต้องการความร่วมมือจากองค์กรญี่ปุ่น

กลุ่มมิตรผลเชื่อว่าความสำเร็จในด้านนวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) ด้วยหลัก “M-T-O” คือ มีทีมการตลาดที่ดี มีทีมเทคโนโลยีที่ดี และมีทีมดำเนินการที่ดี กลุ่มมิตรผลจึงกำลังมองหาความร่วมมือจากองค์กรญี่ปุ่น โดยเฉพาะสายผลิตภัณฑ์ Bio-based ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มิตรผลให้ความสนใจเป็นพิเศษ อาทิ Bio-based Chemicals, Bio-based Material, Bio-Fertilizer, Food for the Future และ Feed for the Future โดยกลุ่มมิตรผลจะมีทรัพยากรตั้งต้นสำหรับการพัฒนาให้ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากธุรกิจในเครือ เช่น อ้อย ชานอ้อย กากน้ำตาล น้ำกากส่า กากหม้อกรอง ฯลฯ และ co-product และ by product ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต รวมถึงโรงงานต่างๆ อาทิ โรงงานผลิตน้ำตาล โรงงานผลิตยีสต์และผลิตภัณฑ์จากยีสต์ โรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี โรงงานผลิต FOS (Fructo-Oligosaccharide) เป็นต้น โดยองค์กรหรือสถาบันวิจัยสัญชาติญี่ปุ่นสามารถนำเสนอ Proposal เพื่อร่วมมือกับกลุ่มมิตรผลในการต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ต่อไป

จะเห็นได้ว่ากลุ่มมิตรผลไม่เพียงมุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยที่มีการทำเกษตรกรรมเป็นหลักให้มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน เพราะแก่นแท้ของการเติบโตอย่างยั่งยืนคือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เกื้อกูลกัน ใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เกิดการหมุนเวียน สร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยสร้างอาชีพและรายได้แก่ชุมชนสู่สังคมเพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยที่มั่นคงต่อไป

บริษัทมิตรผลทำอะไรบ้าง

โดยปัจจุบัน กลุ่มมิตรผลมีธุรกิจทั้งสิ้น 7 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจไร่บริษัท. ธุรกิจน้ำตาล, ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้, ธุรกิจปุ๋ย, ธุรกิจด้านการขนส่งและคลังสินค้า และธุรกิจอื่นๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ธุรกิจมิตรผล

บริษัท มิตรผล มีที่ไหนบ้าง

โรงงานน้ำตาลในกลุ่มมิตรผล โรงงานน้ำตาลมิตรผล จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อตั้งปี พ.ศ. 2533. โรงงานน้ำตาลมิตรภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ก่อตั้งปี พ.ศ. 2538. โรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อตั้งปี พ.ศ. 2540. โรงงานสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ก่อตั้งปี พ.ศ. 2540 (ถือหุ้นปี พ.ศ. 2546)

มิตรผล มีอะไรบ้าง

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ขนม & เบเกอรี่ อาหาร.
คอฟฟี่ชูการ์ 40.00฿ – 90.00฿.
น้ำตาลกรวด 35.00฿.
น้ำตาลกรวดผลึกใส 36.00฿.
น้ำตาลทรายขาว 12.00฿.
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 21.50฿.
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 28.00฿ – 153.00฿.
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (ขวด) 23.00฿ – 37.00฿.
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (ถุงกระดาษ) 28.00฿.

น้ำตาลมิตรผลของใคร

เขาคือใคร? อิสระ คือประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของไทย นอกจากนั้นเขายังมีหุ้นส่วน ใน บมจ.บ้านปู และเครือ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เจ้าของเชนโรงแรมดังเช่น ไอบิส, เมอร์เคียว หรือโนโวเทล กรุงเทพ เป็นต้น