บัตรข้าราชการตํารวจ แบบใหม่

รูปที่ใช้ในการทำบัตรข้าราชการตำรวจให้ใช้เป็นรูป 1 นิ้ว สีพื้นสีขาว ทรงผมและป้ายชื่อตามระเบียบ

• ข้าราชการตำรวจ ยศ สิบตำรวจตรี (ส.ต.ต.) สิบตำรวจเอก (ส.ต.อ.) ใส่ชุดปกติขาว
• ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่มียศ จ.ส.ต.ขึ้นไป ใส่ชุดปกติกากีคอพับแขนยาว(สี สนว.01 เท่านั้น)หรือชุดปกติขาว
• ข้าราชการชั้นสัญญาบัตรใส่ชุดคอแบะ,ชุดปกติกากีคอพับแขนยาว (สี สนว.01 เท่านั้น) หรือชุดปกติขาว

พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่การพิจารณาอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจแบบใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ล่าสุดมีการประชุมวาระที่ 3 ของคณะทำงานกับนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ โดยมุ่งหวังสร้างฐานเงินเดือนใหม่ที่เป็นธรรมต่อนายตำรวจชั้นผู้น้อย และป้องกันการคอร์รัปชัน หรือการเก็บส่วยของเจ้าหน้าที่รัฐ

นี่อาจเป็นภาพฝันอันสวยหรู ท่ามกลางคำถามของประชาชนและตำรวจชั้นผู้น้อย ถึงการทำงานที่สอดคล้องกันระหว่างเงินเดือนและชั่วโมงทำงาน ความกดดันจากผู้บังคับบัญชา เพราะความเป็นจริงกับภาพฝันอาจต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคำพูดที่ว่า “เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงก์”

“พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” ส.ส.พรรคก้าวไกล และอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า การพิจารณาฐานเงินเดือนตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ มีการแบ่งตามกลุ่มงาน แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสมมากขึ้นคือ เงินเดือนของชั้นประทวน ที่เป็นกลุ่มทำงานใหญ่สุด ซึ่งมีประมาณ 1.4 แสน/นาย ทั่วประเทศ ส่วนอีก 5 หมื่น/นาย เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร

ขณะนี้ฐานเงินเดือนตำรวจชั้นประทวนเริ่มตั้งแต่ 7,140 - 29,690 บาท แม้ตลอดการทำงานจะไม่ได้เลื่อนยศ แต่ฐานเงินเดือนจะขึ้นไปจนสุดเพดาน ส่วนตำรวจชั้นสัญญาบัตรมีเงินเดือนตั้งแต่ 6,470 – 37,050 บาท ยศตั้งแต่พันตรี มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 13,160 - 38,750 บาท ยศพันโทอยู่ที่ 16,190 – 54,890 บาท ขณะที่ยศพันเอกมีฐานเงินเดือน 19,860 – 58,390 บาท นอกจากนี้ยศชั้นนายพลฐานเงินเดือนเริ่มตั้งแต่ 70,000 บาท

“การปรับฐานเงินเดือนตำรวจในรอบนี้ มีความพยายามจะใช้ฐานเงินเดือนตามแบบทหาร ที่มีการปรับเงินเดือนไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขณะนี้ฐานเงินเดือนของตำรวจอยู่ในขั้นพิจารณา จึงพยายามผลักดันให้มีฐานเงินเดือนใกล้เคียงกัน”

นอกจากฐานเงินเดือนที่ต้องพิจารณาแล้ว ต้องคำนึงถึงค่าตอบแทน เงินประจำตำแหน่ง เบี้ยเลี้ยง และค่าวิชาชีพ ดังนั้นการปรับฐานเงินเดือนใหม่ ต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงในการทำงาน เพราะตำรวจเกินครึ่งต้องทำงานเป็นกะหมุนกันไป ทำให้มีเวลาส่วนตัวน้อย แต่ต้องทำงานมากกว่าเงินที่ได้รับ จนทำให้เกิดการรับส่วยหรือคอร์รัปชันตามมา

“ตัวอย่างเช่นพนักงานสอบสวน ต้องหมุนกะมากกว่าตำแหน่งอื่น เพราะบางครั้งต้องเข้าเวรพาผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาล เท่ากับต้องเสียเวลาไปทั้งวัน หลังจากนั้นต้องมานั่งทำสรุปสำนวนหรือสอบพยาน ถ้าให้พนักงานสอบสวนต้องทำงานหมุนเป็น 4 กะจะเหนื่อยมากขึ้น บางรายไม่มีเวลาไปทำสำนวนคดี ดังนั้นควรจำกัดให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนไม่เกิน 70 คดีต่อปี”

จัดสรรเวลาเพื่อสร้างอาชีพที่ 2

“พล.ต.ต.สุพิศาล” กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืองบประมาณที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับเฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท แต้ต้องจ่ายเงินเดือนบุคลากรประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท ยิ่งถ้าเงินเดือนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี งบประมาณที่ต้องนำมาจ่ายเงินเดือนบุคลากรก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้รัฐบาลต้องหางบประมาณมาเพิ่มให้เพียงพอในทุกปี

“ตัวอย่างเช่น ตำรวจชั้นประทวนสิงคโปร์มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 3 หมื่นบาท แต่ไทยทำได้ยาก เพราะถ้าเงินเดือนเริ่มต้นที่ 3 หมื่นบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ดังนั้นทางแก้ปัญหา จะต้องให้ข้าราชการตำรวจมีเวลาว่างเพิ่มขึ้น เพื่อให้พวกไปทำอาชีพที่ 2 ได้ ซึ่งทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น มีเวลาทำงาน 6 ชั่วโมงต่อวัน หลังออกเวรจะไม่มีการใช้งานเพิ่ม แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทดแทนกำลังพล”

ส่วนกำลังพลตั้งแต่ผู้กำกับขึ้นไป มีรายได้เกินเดือนละ 3 หมื่นบาท ต้องให้ลงมาทำงานให้เต็มที่มากขึ้น เพราะทุกวันนี้งานส่วนใหญ่ให้ชั้นประทวนทำ

“ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมาคิดทบทวนใหม่ถึงการคืนค่าเสียโอกาส เพื่อให้กำลังพลได้หารายได้จากอาชีพที่ 2 เพราะที่ผ่านมากำลังพลส่วนใหญ่เสียโอกาส จนไม่มีรายได้เพียงพอเหลือเก็บ”

อนาคตตำรวจไทยควร “ใช้คนให้น้อย แต่ใช้ให้มีคุณภาพ” เพราะการขึ้นเงินเดือนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้ทั้งหมด แต่ควรอำนวยความสะดวกให้ระหว่างทำงานไม่ต้องจ่ายเงินตัวเองในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทุกวันนี้ตำรวจต้องใช้เงินส่วนตัวในการซื้อมือถือและจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตรายเดือน เพื่อถ่ายรูปรายงานผู้บังคับบัญชา ทั้งที่นายระดับบนแทบไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มในการทำงาน

ท่ามกลางคำถามถึงการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของตำรวจนอกรีต การเพิ่มอัตราตอบแทนถือเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือตำรวจชั้นผู้น้อย ที่เป็นกลไกสำคัญของการทำงาน ให้ควบคู่ไปกับการพัฒนาการทำงานด้านอื่น เพื่อทำให้เกิดความสมดุลในชีวิตการทำงาน.