ทํา ไม่ พระอภัย มณี จึง หนีนางผีเสื้อสมุทร

 กล่าวถึงพระอภัยมณีอยู่กับนางผีเสื้อจนมีบุตรชาย หน้าตาเหมือนพระบิดา แต่ดวงตาแดงดังสุรีย์ฉาย(พระอาทิตย์) มีกำลังดังพระยาคชาพลาย(ช้าง) มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา(อำนาจ)  พระบิดามีความรักใคร่เลี้ยงดูมาจนอายุได้แปดปี จึงให้ชื่อว่าสินสมุทรสอนวิชาเป่าปี่และเพลงอาวุธให้จนชำนาญวันหนึ่งนางผีเสื้อน้ำออกจากถ้ำไปหาอาหารฝ่ายสินสมุทรซึ่งรักพ่อมากกว่าแม่ เห็นพระอภัยหลับอยู่ก็หนีไปวิ่งเล่นในถ้ำ  เห็นแผ่นหินปิดปากถ้ำไว้   จึงเข้าลองผลักเล่น แต่ด้วยมีกำลังมากก็พังออก มองออกไปเห็นหาดทรายงาม ทะเลกว้างและป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ตื่นตาตื่นใจออกวิ่งเล่นและว่ายน้ำด้วยความสนุกสนานไปพบเงือกเข้าก็แปลกใจเห็นเป็นครึ่งคนครึ่งปลาจึงจับไปให้พระบิดาดูพระอภัยทราบว่าสินสมุทรมีกำลังมากสามารถผลักหินที่ปิดปากถ้ำออกได้ก็ตกใจบอกว่าถ้าแม่ของสินสมุทรรู้ก็จะโกรธด้วยเกรงว่าจะพาพระบิดาหนีจะพากันตายหมด

สินสมุทรได้ฟังก็สงสัยจึงถามความจริงจากพระบิดาพระอภัยก็เล่าให้ฟังจนหมดสิ้นสินสมุทรรู้เรื่องแล้วก็เสียใจที่มีแม่เป็นยักษ์ ฝ่ายเงือกน้ำฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องก็ขออาสาพระอภัยที่ได้ไว้ชีวิตว่าจะใช้ตนทำอะไรก็จะรับใช้ทุกอย่างพระอภัยเห็นว่าเงือกพูดได้และได้ฟังเรื่องแล้วก็เกิดความสงสาร  แล้วบอกว่าตนต้องการหนีนางผีเสื้อ แต่ไม่รู้ว่าจะไปแห่งหนใดเพราะไม่รู้ทาง   ขอให้เงือกผู้เจนทางกลางทะเลช่วยแนะนำด้วยเงือกน้ำจึงบอกว่า

ที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของนางผีเสื้อ  ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร   ข้างทิศใต้ไปเกาะแก้วมังกร ใช้เวลาเดินทางเจ็ดเดือนจึงจะถึง   แถวนี้จะไม่มีบ้านเรือนคนเลย แต่บางทีมีเรือสำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมาบ้าง  บางครั้งถ้าเรือแตกพวกเงือกจะมาเลือกเอาคนไปเป็นคู่  เหมือนปู่ย่าของข้าที่เป็นมนุษย์ข้าจึงรู้ภาษามนุษย์   อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ จึงรู้จักถิ่นแถวนี้ดีถ้าจะหนีนางผีเสื้อผู้มีกำลังมากคงจะยาก  แต่มีโยคีตนหนึ่งมีเวทมนต์มาก   อายุถึงพันเศษ อยู่เกาะแก้วพิสดาร กินลูกไม้เผือกมันเป็นอาหาร   เวลาพวกแขกฝรั่งและอังกฤษเรือแตกก็จะมาพึ่งพิงฤาษีตนนี้เพราะมีมนต์ดลวิชา ปราบบรรดาภูติพรายไม่กรายไปถ้าท่านจะคิดหนีต้องหนีไปที่เกาะแก้วพิสดารนี้จึงจะรอดเพราะนางยักษ์จะทำอะไรไม่ได้เผื่อวันใดมีเรือสำเภาหลงเข้ามาจะได้อาศัยติดเรือกลับไปบ้านเมืองแต่ระยะทางจากนี่ไปไกลเหลือเกินมีแต่ทะเลกับป่าและไม่มีความสะดวกสบายใดๆ จึงขอให้พระอภัยคิดให้ดีเสียก่อน

ทํา ไม่ พระอภัย มณี จึง หนีนางผีเสื้อสมุทร

แล้วเงือกก็บอกว่า ด้วยกำลังของตนจะพาหนีก็ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดราตรีแต่นางผีเสื้อน้ำมีกำลัง ถ้าติดตามไปเพียงสามวันก็จะตามทัน ถ้าจะแก้ไขให้นางผีเสื้อน้ำไปอยู่ป่าล่วงหน้าก่อนก็จะค่อยยังชั่วบ้าง

พระอภัยได้ฟังความแล้วก็ค่อยคลายทุกข์ แล้วให้เงือกกับสินสมุทรช่วยกันไปปิดปากถ้ำไว้อย่างเดิม อย่าให้เป็นที่สงสัยของนางผีเสื้อน้ำได้จากนั้นเงือกก็ลาไป เมื่อนางผีเสื้อกลับมายังถ้ำก็แปลงร่างเป็นสาวสวย  เอาผลไม้มาให้พระอภัย เมื่อค่ำลงก็พากันหลับไป  ฝ่ายนางผีเสื้อเมื่อจะพรากจากลูกผัว ได้เกิดฝันว่า เทวดาที่อยู่เกาะนั้นมาทำลายถ้ำ แล้วเอาพะเนิน(ค้อนใหญ่) ทุบนางจนแทบถึงชีวิตจากนั้นได้ควักเอาดวงตาไปด้วย เมื่อนางตื่นขึ้นจึงเล่าความฝันให้พระอภัยฟัง แล้วขอให้ทำนายฝันให้ด้วย

พระอภัยได้ฟังแล้วก็เห็นว่าที่ตนคิดจะหนีนางผีเสื้อนั้นคงจะไปได้แต่นางผีเสื้อจะเป็นอันตรายจึงแกล้งทำนายฝันว่าเป็นฝันร้ายนัก ตามตำราว่าเทวดานั้นคือ มัจจุราชหมายเอาชีวิต แล้วแกล้งทำโศกเศร้าแนะนำให้นางผีเสื้อสะเดาะเคราะห์ นางผีเสื้อก็ขอคำแนะนำว่าจะให้นางสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการอย่างใด พระอภัยจึงบอกให้นางไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขาแล้วอดข้าวอดปลาให้ครบสามวันนางผีเสื้อก็เชื่อแล้วออกไปอยู่ที่เขาใหญ่สินสมุทรสงสารแม่ยิ่งนักร้องไห้อาลัยด้วยความเป็นห่วงแม่พระบิดาจึงห้ามไม่ให้สินสมุทรตามแม่ไป

ทํา ไม่ พระอภัย มณี จึง หนีนางผีเสื้อสมุทร

เมื่อนางผีเสื้อไปแล้วพระอภัยก็ให้สินสมุทรผลักแผ่นศิลาปิดปากถ้ำออกไปแล้วพากันไปที่หาดทรายฝ่ายเงือกน้ำก็พาลูกเมียไปรอแล้วก็พาพระอภัยขึ้นบ่าพาไปส่วนสินสมุทรก็ขี่หลังเมียเงือกบรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยกลิ่นตัวของสินสมุทรคล้ายผีเสื้อผู้เป็นมารดา ส่วนลูกสาวเงือกก็ว่ายน้ำตามไปโดยไม่ยอมหยุดพักด้วยเกรงนางผีเสื้อจะตามมาทัน

ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรอดปลาอดนอนได้สามวันก็อ่อนกำลังจวนเจียนถึงชีวิต เมื่อครบกำหนดแล้วก็หาผลไม้มากินแล้วกลับมายังถ้ำเห็นประตูถ้ำเปิดอยู่เข้าไปดูในถ้ำไม่พบใครก็ตกใจแลดูปี่ที่เป่าก็หายไปด้วยก็รู้ว่าพากันหนีนางไปแล้วมีความเสียใจมากที่ทั้งลูกและผัวหนีจากไปแล้วก็เกิดความโกรธ ออกติดตามดูร่องรอยในมหาสมุทรก็ไม่พบจึงเรียกสมุนของตนที่เป็นปีศาจภูติพรายมาซักถามพวกผีที่อยู่ทิศใต้แจ้งว่า เห็นเงือกพามนุษย์ไปทางทิศใต้เมื่อคืนวานซืนตนจะตามไปก็เกรงขามเด็กตัวเล็กแต่ไม่กลัวผี

ทํา ไม่ พระอภัย มณี จึง หนีนางผีเสื้อสมุทร

นางผีเสื้อรู้ความแล้วก็รีบติดตามไปอย่างรีบร้อนและโกรธมาก   ทำลายทุกสิ่งที่กีดขวางทางอย่างโมโหไปตลอดทางฝ่ายพระอภัยมณี หนียักษ์มาได้ห้าคืน เห็นทะมื่นมาข้างหลังดังสะเทือนไปหมดจึงถามเงือกว่าเกิดอะไรขึ้นฝ่ายเงือกรู้ว่าสิ่งนั้นคือฤทธิ์ของยักษ์จึงตอบพระอภัยไปว่า นางยักษ์กำลังตามมา คงจะทันกันในวันนี้ หนีไม่พ้น เห็นจะตายลงด้วยกันแน่ๆ พระอภัยจึงบอกเงือกว่าให้เงือกหนีไปเสีย ส่วนสินสมุทรก็ให้กลับไปกับแม่ตัวเขาจะขอสู้จนตายแต่ผู้เดียวสินสมุทรตอบว่า จะไม่ทิ้งพระบิดาถ้าแม้แม่ตามมาจะห้ามไว้แล้วให้พระบิดารีบหนีไปก่อน
ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรตามมาได้สามวันก็ตามทันผัวกับลูกน้อยฝ่ายเงือกน้ำสิ้นกำลังที่จะพาพระอภัยหนีต่อไป จึงเรียกลูกสาวให้ช่วยพาพระอภัยหนีต่อ

สินสมุทรเห็นมารดาในร่างเดิม ไม่ใช่ร่างนิมิตที่ตนเคยเห็น ก็สงสัยออกขวางกลางน้ำ แล้วร้องถามว่าเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำทำไมดำนักหนาที่ตามมานั้นต้องประสงค์อะไร นางผีเสื้อน้ำได้ยินคำพูดของลูกก็ให้นึกอดสู จึงตอบไปว่าตนไม่ใช่ชาติยักษ์ เมื่ออยู่ในถ้ำไม่ได้แปลงร่าง  แต่ออกเดินทางอย่างนี้ต้องนิมิต รูปจึงผิดไปกว่าเก่าจนเป็นที่สงสัย แล้วถามว่าพ่อไปอยู่ที่ไหน   สินสมุทรได้ฟังสำเนียงก็รู้ว่าเป็นแม่แต่ดูรูปร่างแล้วน่าสมเพช ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงหนี จึงแกล้งบอกว่าตนไม่เชื่อถ้าหากเป็นแม่จริงก็อย่าตามมา ด้วยแม่เป็นผีเสื้อ แต่พระบิดาเป็นมนุษย์จึงขอให้ปล่อยพระบิดาไป ส่วนตนนั้นจะขอลาไปเที่ยวสักหนึ่งปี ถ้าได้พบ อา ย่า ปู่ อยู่เป็นสุขแล้วก็จะชวนพระบิดากลับมาหามารดาต่อไป

นางผีเสื้อรู้ทันสินสมุทรเมื่อเจรจาหว่านล้อมไม่เป็นผลแล้วนางจึงเข้าโจนจับสินสมุทรแต่สินสมุทรก็หลบหลีกไปได้แล้วหนีล่อให้มารดาตามตนไปอีกทางหมายให้ห่างพระบิดานางผีเสื้อก็ไล่ตามจะจับให้ได้แต่สินสมุทรดำน้ำหนีไปนางผีเสื้อหาลูกและผัวไม่พบจึงอ่านพระเวทมองหาพระอภัย เมื่อเห็นแล้วก็ติดตามไปพบเงือกยายตา
ที่อ่อนกำลังว่ายน้ำอยู่จึงเข้าไปจับแล้วซักถาม สองเงือกก็หลอกนางผีเสื้อว่าพระอภัยอยู่บนเขาริมทางที่ผ่านมาตนจะพาไปจับตัวถ้าไม่เหมือนคำที่สัญญาก็ขอให้ฆ่าตนทั้งสองเสียนางผีเสื้อก็เชื่อเงือกพานางผีเสื้อมาได้ครึ่งวันแล้วก็พูดล่อหลอกต่อไปแต่นางผีเสื้อรู้ทันจึงว่าสองเงือกตอแหล จึงหักขาฉีกสองแขน แล้วเคี้ยวกินเงือกทั้งสองนั้นเสียจากนั้นก็ออกติดตามพระอภัยต่อไป

ฝ่ายเงือกสาวพาพระอภัยและสินสมุทรมาถึงเกาะแก้วพิสดารพระอภัยก็ดีใจว่าคงจะรอดตายแล้ว  ฝ่ายโยคีที่อยู่บนภูเขา กับพวกเรือแตกทั้งหลาย มีทั้งจีนแขกไทยชวาฝรั่งจำนวนมากพระโยคีได้ยินเสียงดังโครมครามก็จับยามสามตาดูแล้วบอกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ทั้งหลายว่าวันนี้ชายมีศักดิ์จักมาหาแต่มีผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามมาด้วยเราจะต้องไปช่วยเสียหน่อย พระอภัยหนีผีเสื้อสมุทรมาถึงฝั่งนางผีเสื้อตามมาทันเกือบจะจับพระอภัยได้แต่พระโยคีช่วยไว้ได้ทันตวาดเสียงดังนางผีเสื้อกลัวยืนตัวสั่นอยู่ไม่กล้าขึ้นฝั่งพระอภัยกับสินสมุทรช่วยกันลากนางเงือกสาวขึ้นฝั่งได้แล้วก้มกราบโยคีขอให้ช่วยโยคีก็มีเมตตาบอกว่าจะช่วยแต่ขอให้เล่าความจริงให้ฟังก่อนพระอภัยจึงเล่าความจริงให้ฟังโยคีจึงบอกว่าไม่ต้องกลัวให้พักอยู่ที่นี่เถอะ  เพราะยักษ์หรือภูตผีขึ้นมาบนเกาะไม่ได้เนื่องจากพระฤาษีเสกคาถาอาคมไว้ ถ้ามาถูกทรายก็จะขาดใจตายทันทีมันแค่อยู่ห่างๆไม่เป็นไรฝ่ายนางผีเสื้อวิงวอนพระอภัยขอติดตามไปด้วยจนตลอดชีวิต ขอให้พระอภัยอย่าได้ตัดรอนความรักของเธอเลย   พระอภัยได้ฟังก็สงสารและได้ชี้แจงนางไปถึงความจำเป็นและเหตุผลที่ต้องหนีมาโดยบอกว่าเราเป็นคนละเผ่าพันธุ์อยู่ด้วยกันไม่ได้  ขอให้หักใจเสียถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้พบกันใหม่อย่าได้แคล้วคลาดจากกันเหมือนชาตินี้เลย นางผีเสื้อก็พยายามอ้อนวอนทำทีว่าขอให้เห็นใจในความรักของเธอด้วยหากพระอภัยไม่เห็นใจนางๆก็จะขอลาตายแต่ขอให้พระอภัยลงมากลางน้ำนี้ก่อนเถิด  นางจะให้มนต์เวทวิเศษแก่พระอภัยแล้วร้องเรียกสินสมุทรว่าให้มาด้วยกันกับพ่อก่อนที่แม่จะขอลาตายสินสมุทรสุดแสนสงสารแม่แล้วบอกว่าลูกรู้ว่าแม่รักลูกไม่ลืมบุญคุณหรอกถึงตัวไกลใจลูกยังผูกพันอย่าโกรธลูกเลยแม่กลับไปอยู่ถ้ำเสียเถิดฝ่ายพระโยคีก็ช่วยพูดจาปลอบโยนและให้โอวาทนางผีเสื้อแต่นางผีเสื้อไม่ฟังและโกรธต่อว่าด่าทอพระโยคีด้วยคำหยาบต่าง ๆนานาด่ารวมไปถึงเงือกสาวว่ามายุ่งเรื่องผัวเมียคนอื่นจนพระโยคีโกรธเสกทรายขว้างไปทรายนั้นเป็นดังลูกปืนยิงยักษ์เจ็บปวดไปหมดนางผีเสื้อกลัวตัวสั่นงันงกจึงหลบออกไป

ทํา ไม่ พระอภัย มณี จึง หนีนางผีเสื้อสมุทร

https://krusurang.wordpress.com