ตัวอย่างการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ชื่อ Best Practices “ คลินิกให้การปรึกษา ” (รายบุคคลและรายกลุ่ม) ระบบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้รับการออกแบบให้ครอบคลุมภาระกิจหลัก 5 ประการ ดังนี้ 1. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล 2. การคัดกรองนักเรียน 3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนานักเรียน 4. การจัดกิจกรรมช่วยเหลือนักเรียน 5. การส่งต่อนักเรียน งานแนะแนวและสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนต้องดำเนินการจัดการประชุมและวางแผนการทำงานเชิงรุกเพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สำหรับครู ผู้ปกครอง และนักเรียนในการให้การปรึกษา ซึ่งพบว่าคลินิกให้การปรึกษาเป็นงานที่สอดคล้องกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นอย่างดี ดังนี้ 1. สอดคล้องกับขั้นตอนการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนานักเรียน พบว่าการที่ผู้ปกครอง ครู และนักเรียน มาใช้บริการคลินิกให้การปรึกษา เมื่อมาปรึกษาแรกเริ่มอาจรู้สึกว่าตนเองมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ แต่หลังจากกระบวนการให้การปรึกษาสิ้นสุดลงบางครั้งพบว่า สิ่งที่เป็นปัญหานั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างแท้จริง อาจเป็นเพียงการวิตกกังวลเท่านั้น ดังนั้นจะทำให้ผู้ใช้บริการคลายความวิตกกังวลลงและหันมาพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาตนเองต่อไป จึงถือได้ว่าคลินิกให้การปรึกษามีส่วนในการพัฒนาศักยภาพของบุคคลได้ทางหนึ่ง 2. สอดคล้องกับขั้นตอนการจัดกิจกรรมช่วยเหลือนักเรียน เป็นที่ทราบดีว่าหนึ่งในวิธีการช่วยเหลือนักเรียนคือวิธีการให้การปรึกษา ดังนั้นคลินิกให้การปรึกษาซึ่งให้การปรึกษาทั้งนักเรียน ครูและ ผู้ปกครอง จึงเป็นวิธีช่วยเหลือให้เกิดการเข้าใจในปัญหาของตนเอง นำไปสู่การหาทางออกให้กับตนเองอย่างชาญฉลาด ส่งผลให้ปัญหาต่างๆได้รับการคลี่คลายไปในทางทีดี พบทางออกใหม่ๆ ทำให้มีกำลังใจในการจัดการกับปัญหาของตนเองต่อไป 3. สอดคล้องกับขั้นตอนการส่งต่อนักเรียน ในการช่วยเหลือนักเรียนหากค้นพบว่าเกินกำลังของครูและผู้ปกครองที่จะให้การช่วยเหลือ การส่งต่อนักเรียนไปสู่ผู้ที่เชี่ยวชาญกว่าจะช่วยได้ดียิ่งขึ้นคลินิกให้การปรึกษาประกอบด้วยนักจิตวิทยา พยาบาล แพทย์ และจิตแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้การปรึกษา บุคคลเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นผู้ปกครอง บางส่วนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆภายนอกโรงเรียน การส่งต่อนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ให้เข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล่าวโดยสรุป คลินิกให้การปรึกษาสอดคล้องกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทั้งในส่วนของการเป็นกิจกรรมช่วยเหลือ กิจกรรมส่งเสริมพัฒนา และการส่งต่อ ตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดังแผนภูมิการดำเนินงานของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน (Flow Chart) ซึ่งครอบคลุมตามขั้นตอน การจัดกิจกรรมช่วยเหลือ แก้ไข ป้องกัน การส่งเสริมพัฒนา และการส่งต่อ ดังนี้ บทบาทของครู ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ประกอบด้วย 5ภารกิจ ดังนี้ 1. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล SDQ การสังเกต ระเบียนสะสม สมุดผลการเรียน -ฯลฯ - จากการจัดกิจกรรมโฮมรูมด้วยเครื่องมือต่างๆ - จากการเรียนการสอนในห้องเรียน - สัมภาษณ์นักเรียน เพื่อน ผู้ปกครอง ฯลฯ 2. การคัดกรองนักเรียนรายบุคคล - การให้การปรึกษา (คลินิกให้การปรึกษา) - กิจกรรมซ่อมเสริม - การติดต่อผู้ปกครอง - เพื่อนช่วยเพื่อน ฯลฯ 3. การจัดกิจกรรมช่วยเหลือ แก้ไข ป้องกัน- กิจกรรมโฮมรูม - class room metting- คลินิกให้การปรึกษา - ฯลฯ 4. การจัดกิจกรรมส่งเสริม พัฒนา - การส่งต่อภายใน (คลินิกให้การปรึกษา) - การส่งต่อภายนอก (คลินิกให้การปรึกษา) - ฯลฯ 5. การส่งต่อ กระบวนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนดังกล่าว สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ปกครอง และ ชุมชน ที่ต้องการให้โรงเรียนดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นกับนักเรียน ช่วยในการพัฒนานักเรียน มีที่รองรับในการส่งต่อนักเรียน นอกจากนี้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ยังช่วยให้ครูมีแนวทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ซึ่งคลินิกให้การปรึกษาเป็นวิธีการหนึ่งของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่ช่วยเหลือนักเรียน ครูและผู้ปกครองได้เป็นอย่างดี ขั้นตอนการดำเนินงานของคลินิกให้การปรึกษา ได้ดำเนินการตามขั้นตอน PDCA ดังนี้ P (Plan) 1. ประชุมวางแผนร่วมกันระหว่างงานแนะแนวและกรรมการสมาคมผู้ปกครองและครู 2. จัดทำโครงการและงบประมาณเพื่อขออนุมัติ 3. สำรวจปัญหาและผู้ที่สนใจใช้บริการคลินิก 4. จัดทำตารางให้บริการร่วมกับทีมวิทยากร และทำการประชาสัมพันธ์การให้บริการคลินิกให้การปรึกษา 5. การเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ รถรับส่งวิทยากร เอกสาร อาหาร เครื่องดื่ม D (Do) 1. การนัดหมายนักเรียน ครู ผู้ปกครองที่ตอบรับการใช้บริการตามความเร่งด่วนของปัญหา 2. งานแนะแนวจะประสานให้ผู้ใช้บริการพบวิทยากรผู้ให้การปรึกษาทั้งเป็นรายบุคคล และรายกลุ่ม C (Check) 1. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการให้คำปรึกษาแต่ละครั้ง ผู้ใช้บริการกรอกแบบประเมินผลและทีมงานแนะแนวสรุปผลแบบประเมินเมื่อสิ้นสุดในแต่ละภาคเรียน 2. ทีมงานแนะแนวและกรรมการสมาคมผู้ปกครองและครู ประชุมร่วมกันเมื่อสิ้นปีการศึกษา เพื่อหาข้อที่ควรปรับปรุงในปีการศึกษาต่อไป A (Action) นำผลจากขั้น C มาพัฒนาการให้บริการในปีการศึกษาต่อไป |