อันตรายจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์• การใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานเกินไปโดยไม่พัก อาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมาในภายหลัง ดังนั้น เราควรป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากผลกระทบดังกล่าว นับได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยหลักในการทำงาน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และเป็นอุปกรณ์ที่เราหลีกเลี่ยงการใช้งานไม่ได้เลยสำหรับยุคนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับการนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้พัก อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายขึ้นได้ วันนี้เราได้จัดอันดับ 5 โรคเสี่ยงจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานานมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย! ภัยที่ 1 โรคตาที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ (Computer Vision Syndrome : CVS) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับสายตาและการมองเห็น เกิดจากการใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงรังสีที่แผ่ออกมาบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็มีผลกระทบต่อดวงตาเช่นกัน อาการ อาจจะรู้สึกแสบตา ไม่สบายตา เกิดอาการระคายเคืองตา เจ็บตา ตาพร่ามัวจากการจ้องมองที่ไม่ค่อยกระพริบตา เป็นผลให้มีอาการตาแห้ง ซึ่งเป็นอาการเพียงชั่วคราว แต่หากเป็นอยู่บ่อยๆ และนานขึ้น อาจจะเกิดอันตรายได้ เช่น กระจกตาอักเสบแห้ง มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสายตาสั้นชั่วคราว ประมาณร้อยละ 32 นอกจากนี้ อาจจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ไหล่ ปวดหลัง จากบริบทการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสมร่วมด้วย การรักษา อาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมหยอดตาบ่อยๆ หรือยาหยอดตาชนิดที่ยับยั้งการคั่งของเลือดบริเวณตา การป้องกัน -ควรจัดสถานที่ตั้งคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะ โดยเฉพาะจอภาพ แป้นพิมพ์ และที่วางเอกสาร เป็นต้น จะช่วยให้สบายตา หรืออาจใช้หลอดไฟโซเดียมเพื่อให้แสงสว่าง -ควรใช้แผ่นกรองแสงเพื่อลดแสงจ้า และแสงสะท้อน จะช่วยลดความล้าของสายตาลงได้ ภัยที่ 2 โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ หรือ Carpal Tunnel Syndrome (CTS) เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นบริเวณข้อมือด้านฝ่ามือ และไปกดทับถูกเส้นประสาทมีเดียน ซึ่งอยู่ผ่านช่องข้อมือแขนงไปยังนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วหัวแม่มือ จะทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้ว ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือลีบเล็กลง เกิดจากการใช้งานข้อมือในท่าเดิมๆ ของคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้เมาส์ โดยใช้ข้อมือเป็นจุดหมุน กดแป้นคีย์บอร์ด การเย็บผ้า การถักนิตติ้ง เป็นต้น อาการ จะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานในลักษณะเกร็งนานๆ ในท่าเดิม มักจะมีอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และบางส่วนของนิ้วนางตามแนวของเส้นประสาท บางรายที่ถูกกดทับนานจะเริ่มมีอาการอ่อนแรงของมือ เช่น จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีแรงเวลากำมือ โดยเฉพาะการใช้มือหยิบของเล็กๆ จะทำได้ลำบาก การรักษา ปรับการใช้ข้อมือในการทำงานและชีวิตประจำวัน โดยการปรับอุปกรณ์การทำงานให้ถูกตามหลักสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งนานๆ ในงานที่ต้องใช้ข้อมือกระดกขึ้น งอข้อมือนานๆ รวมถึงงานที่มีการสั่นกระแทกจนทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้นด้วย ภัยที่ 3 โรคอดทนรอไม่ได้ อาการของโรคนี้จะเกิดกับคนที่ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต เวลาที่หน้าเว็บไซต์โหลดช้า หรือการดาวน์โหลดต้องใช้เวลานาน จะทำให้ผู้ใช้หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจร้อน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ อาจทำให้เป็นโรคประสาทได้เหมือนกัน รุนแรงน่าดูนะคะสำหรับโรคนี้ การรักษา ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มาก หรือหากิจกรรมอื่นๆ ทำระหว่างการนั่งรอโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดงานต่างๆ เช่น การเล่นเกม หรืออ่านหนังสือควบไปด้วย เพราะถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ งานก็จะไม่เดิน เพื่อนร่วมงานก็อาจจะหนีหน้าเอาได้ ภัยที่ 4 โรคภูมิแพ้ สำหรับโรคนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดน พบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานมีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีในบริเวณที่ทำงาน หรือที่อยู่อาศัยจึงจำเป็นอย่างยิ่ง การรักษา โรคนี้คงยากสักหน่อยสำหรับผู้ที่อยู่ในบ้าน หรือออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัด แต่อาจจะเปิดพัดลมเป่าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วยในระหว่างที่ใช้ จัดห้องให้อากาศถ่ายเทสะดวกที่สุดก็น่าจะพอหลีกเลี่ยงได้บ้าง หรือหาต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆ มาวางไว้ใกล้ๆ เพราะต้นกระบองเพชรจะช่วยดูดรังสีได้ ภัยที่ 5 โรคนอนไม่หลับ นอกจากปัญหาของความเครียดและอาการปวดหัวแล้ว ปัญหาการนอนไม่หลับจากการใช้คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนเป็นอยู่แต่อาจไม่รู้ตัว มีผลการวิจัยพบว่าความสว่างของหน้าจอมีผลต่อการนอนไม่หลับจริง แล้วไม่ใช่แค่การใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตต่างๆ ด้วย เมลาโทนิน (Melatonin) คือ ฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการนอนหลับและเวลาตื่นของมนุษย์ จากการศึกษาของนักวิจัยพบว่า การที่เราสัมผัสกับแสงของหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทำให้จำนวนของเมลาโทนินลดลง นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงกลางคืนยังทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว และยังทำให้นาฬิกาชีวิตเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับนั่นเอง ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์มาก และกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่โทษของการใช้งานเป็นเวลามากเกินไปโดยไม่ระมัดระวัง ก็อาจก่อให้เกิดโทษและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณเองได้ ดังนั้น ควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคตนะคะ เรียบเรียงโดย : น้องแว่น เดิมเป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ แต่ด้วยความชื่นชอบในมือถือและไอที จึงทำให้เริ่มศึกษาค้นคว้าหาความรู้ กลายเป็นคนอัพเดทกระแสข่าวไอที พร้อมกับมีแว่นหนาเตอะขึ้นทุกวัน |