1. ใช้พันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา ซึ่งเป็นพันธุ์ลูกผสมที่ได้จากการผสมระหว่าง แม่ดูรา กับ พ่อฟิสิเฟอรา มาปลูกเพราะจะทำให้ได้ปริมาณผลผลิตทะลายสด และน้ำมันสูง ถ้าใช้ต้นกล้าจากแหล่งปลูกหรือแหล่งพันธุ์ที่ไม่ทราบที่มา หรือเก็บเมล็ดจากใต้ต้นมาเพาะ จะทำให้ผลผลิตต่ำหรือไม่ได้ผลผลิตเลย ซึ่งในปัจจุบันมีแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมเทเนอราที่เชื่อถือได้ทั้งในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น กรมวิชาการเกษตร และบริษัทเอกชน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของปาล์มน้ำมัน ระหว่างดูรา x พิสิเฟอรา ได้ลูกผสมเทเนอรา ผลปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา เมล็ดงอกปาล์มน้ำมันคุณภาพสูง ภาพเปรียบเทียบความสูงของปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ทั่วไป (ซ้าย) กับสายพันธุ์คอมแพ็คท์(ขวา) ปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ เดลีคอมแพ็คท์ อายุ 5 ปี 2. อายุของต้นกล้าที่ใช้ปลูก ควรมีอายุ 10-18 เดือน และต้องผ่าน การคัดต้นกล้าที่ผิดปกติทิ้งไปในอัตรา 20-30% ในระยะ pre และ main nursery เช่น ต้นเตี้ย และแคระแกรน ทางใบทำมุมที่แคบกว่าปกติ ทางใบสั้น ต้นผอมชะลูด ซึ่งการดูแลรักษาต้นกล้าปาล์มน้ำมันในแปลงเพาะมีความสำคัญมากในการผลิตปาล์มน้ำมัน ทั้งนี้เพราะถ้ามีการนำต้นกล้าปาล์มที่ไม่แข็งแรงและไม่สมบูรณ์ไปปลูกจะทำให้เริ่มได้ผลผลิตล่าช้า และผลผลิตที่ได้จะต่ำในระยะยาว ดังนั้นการพิจารณาแหล่งพันธุ์ และแหล่งเพาะกล้าจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการทำสวนปาล์มน้ำมันให้ประสบความสำเร็จ ดิน และน้ำ สมบูรณ์ คือ สวรรค์ของปาล์มน้ำมัน ภาคใต้จึงประสบความสำเร็จกับการปลูกพืชน้ำมันตัวนี้มาหลายสิบปีแต่ระยะหลังๆ ความได้เปรียบของภาคใต้ ค่อยๆ ลดน้อยถอยลง เมื่อต้องเผชิญกับภัยแล้งยาวนานทุกปี บางปีแล้งถึง 8 เดือน จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับ “ภูเขา” ของชาวสวนปาล์ม นับประสาอะไรกับภูมิภาคอื่นๆ ภัยแล้งจึง เป็นเชือกฉุดรั้งคุณภาพปาล์มน้ำมันไทยให้ตามหลังเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซียและอินโดนีเซีย เป็นต้น จึงมีความพยายามพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้เหมาะสมกับภูมิอากาศของเมืองไทย และให้ผลผลิตสูง ที่สำคัญคือ ต้องทนแล้ง “โกลด์เด้นเทเนอร่า” คือ ผลผลิตของการพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ในประเทศไทย โดยฝีมือคนไทย มีคุณสมบัติครบ ทั้งในแง่ ผลผลิต/ไร่ เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงแบบไม่อายเพื่อนบ้าน และที่สำคัญ ท้าท้าย ความแห้งแล้งได้นานถึง 3 เดือน ทีมงานยาง&ปาล์มออนไลน์ จะนำท่านไปรู้จักปาล์มน้ำมันพันธุ์นี้อย่างละเอียด ปาล์มน้ำมันพันธุ์ โกลด์เด้นเทเนอร่า พัฒนาพันธุ์โดย นายเอนก ลิ่มศรีวิไล นักอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม และนักพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน สัญชาติไทย นายเอนก ตั้งโจทย์กับพันธุ์ปาล์มมาตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ว่าทำอย่างไรให้ปาล์มน้ำมันมีสายพันธุ์ที่ดี เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อจะให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากพันธุ์ปาล์มที่นำไปปลูกมากที่สุด ทั้งนี้ การพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน จะใช้ต้นแม่พันธุ์ดูร่า (Dura) ซึ่งมีคุณสมบัติ ลูกใหญ่ ทะลายใหญ่ แต่ เปลือกบาง กะลาหนา เปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำ ส่วนต้นพ่อพันธุ์พิสิเฟอร่า (Pisifera) มีลักษณะเปลือกหนา กะลาบาง เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง แต่ขนาดทะลายเล็ก เนื่องจากช่อดอกตัวเมียมักเป็นหมัน ในการพัฒนาพันธุ์นายเอนกได้คัดเลือกต้นพ่อแม่พันธุ์ (เนื้อเยื่อ) มาทดลองปลูกในประเทศไทย ก่อนจะคัดต้นพ่อแม่ที่มีคุณสมบัติดี เติบโตได้ดีในภูมิอากาศของไทย เพื่อนำมาผสมกัน เป็นลูกผสมเทเนอร่า (Tenera) D x P ที่รวมคุณสมบัติที่ดีของพ่อแม่ไว้อย่างครบถ้วน คือ เปลือกหนา กะลาบาง เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ลูกใหญ่ ทะลายใหญ่ เป็นต้น พ่อแม่พันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกสําหรับผลิตพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสม เทเนอรา จะให้ผลผลิตผลปาล์มสด (Fresh Fruit Bunch ; FFB) สูงสุดต่อไร่ต่อปีและมี เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) ที่หีบสกัด ณ โรงงานได้สูงสุด (% Oil Extraction Rate ; %OER) โดยเฉพาะมีความสามารถปรับตัวได้ดีให้ผลผลิตสม่ำเสมอในสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่มีช่วงฤดูแล้งนาน 60–90 วัน ต่อมาได้จดทะเบียนพ่อแม่พันธุ์กับกรมวิชาการเกษตร และตั้งชื่อพันธุ์ลูกผสมเทเนอร่า ว่า “โกลด์เด้นเทเนอร่า” โกลด์เด้นเทเนอร่า เป็นลูกผสม DXP ที่มีคุณสมบัติดี คือ 1.ให้ผลผลิตมากกว่า 5 ตันต่อไร่ต่อปี (ในสภาพแวดล้อมเหมาะสมเมื่ออายุ 8 ปี) 3.ต้นเตี้ย สูงช้าเก็บเกี่ยวสะดวก 4.ทนแล้งได้นานกว่า 90 วันและยังให้ผลผลิตได้ต่อเนื่อง 5.ผลปาล์มสุกรอบชั้นนอกหลุดร่วงช้าและให้ผลปาล์มชั้นในสุกสม่ำเสมอ มีผลทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้น 7.มีงานวิจัยต่อเนื่อง ด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเปอร์เซ็นต์น้ำมัน ปาล์มน้ำมันพันธุ์โกลด์เด้นเทเนอร่า เป็นหนึ่งในพันธุ์ปาล์มน้ำมันสัญชาติไทย ที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรทั่วประเทศ และเป็นตัวเลือกหนึ่งที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับชาวสวนปาล์ม |