อัตราค่าส่งไปรษณีย์ ต่างประเทศ 2565

เผยแพร่: 28 มี.ค. 2565 13:12   ปรับปรุง: 28 มี.ค. 2565 13:12   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ไปรษณีย์ไทย หนุนร้านค้าออนไลน์ อีคอมเมิร์ซไทยในตลาดต่างประเทศผ่าน 3 บริการส่งด่วน ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) ในบริการจัดส่งแบบ “คูเรียร์โพสต์” ส่งด่วนพรีเมียมในราคาพิเศษ 2,300 บาท จากปกติ 3,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า เพื่อรองรับการเติบโตของผู้ประกอบการสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มการขายต่างประเทศที่ปัจจุบันได้รับความนิยม เช่น คูเรียร์โพสต์ โลจิสโพสต์ระหว่างประเทศ และพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศทางภาคพื้น ในอัตราค่าบริการสุทธิไม่มีบวกเพิ่มค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าภาษีน้ำมัน ค่านำจ่ายในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังได้ลดค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) บริการคูเรียร์โพสต์จากเดิม 3,000 บาท เป็น 2,300 บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับสิ่งของฝากส่งที่มีขนาดกล่องด้านใดด้านหนึ่งยาวเกิน 120 ซม. แต่ไม่เกิน 150 ซม. รวมทั้งเตรียมปรับวิธีคิดอัตราค่าบริการคูเรียร์โพสต์ โลจิสโพสต์ระหว่างประเทศ พัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศทางภาคพื้น ตามน้ำหนักปริมาตร (Volumetric Weight) โดยคำนวณจากด้านกว้าง x ยาว x สูง หารด้วย 5,000 ให้สอดคล้องตามมาตรฐานการขนส่ง ซึ่งวิธีดังกล่าวจะใช้ควบคู่กับวิธีคิดตามน้ำหนักจริง (Gross Weight) หากน้ำหนักวิธีใดสูงสุดจะนำไปคิดอัตราค่าบริการ โดยจะเริ่มปรับอัตราบริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

สำหรับ 3 บริการเด่นของไปรษณีย์ไทยที่รองรับทุกรูปแบบความต้องการจัดส่งสิ่งของไปต่างประเทศได้อย่างครบครัน โดยมีค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) ในอัตราค่าบริการสุทธิ ประกอบด้วย

บริการคูเรียร์โพสต์ ส่งด่วนพรีเมียม - ส่งเอกสารสำคัญ หรือสิ่งของที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเครื่องหมาย อย. โดยสามารถจัดส่งสิ่งของได้สูงสุดไม่เกิน 30 กก./เอกสารไม่เกิน 2 กก. ถึงที่อยู่ปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ

บริการโลจิสต์โพสต์ระหว่างประเทศ - ส่งของชิ้นใหญ่ หรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก เช่น สินค้ากลุ่มประดับยนต์ เครื่องจักสาน  ส่งได้ตั้งแต่ 20-200 กก. ถึงที่อยู่ปลายทางภายใน 7-10 วันทำการ  (สิ่งของชิ้นใหญ่ที่ที่มีน้ำหนักปริมาตรเกิน 70 กก.เป็นต้นไป มีค่าเซอร์ชาร์จ 1,500 บาท/ชิ้น)

บริการพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศทางภาคพื้น (Surface) - เน้นความประหยัดในการขนส่ง โดยจัดส่งทางเรือ สำหรับสินค้าที่ส่งไปขายจำนวนมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ของเหลวที่ไม่เป็นอันตรายระหว่างการขนส่ง (เช่น น้ำมันมะพร้าว ซอสปรุงรส น้ำมันหอมระเหย) เป็นต้น  ส่งได้สูงสุดน้ำหนักจริง 30 กก. น้ำหนักปริมาตร 50 กก.

สำหรับสิ่งของที่ฝากส่งบริการคูเรียร์โพสต์ และโลจิสโพสต์ระหว่างประเทศต้องบรรจุในกล่องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม และหุ้มห่ออย่างแน่นหนาตามมาตรฐานการหุ้มห่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://international.thailandpost.com

วันที่ 6 ก.ค. 2565 คือวันแรกของการบังคับใช้ กฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. 2565 หรือกฎการขึ้นราคาค่าบริการไปรษณีย์ ซึ่งการปรับขึ้นครั้งนี้กระทบกับพ่อค้าแม่ค้าที่ใช้บริการไปรษณีย์ไทยเพราะถ้าส่งสินค้าน้ำหนักไม่ถึง 500 กรัม จะถูกคิดค่าบริการ 30 บาท จากเดิมไม่รวมลงทะเบียนอยู่ที่ 3-15 บาท

ไปรษณีย์ไทยปรับขึ้นราคาส่งสินค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค. 2565 กฎกระทรวงดังกล่าวมีการประกาศบังคับใช้แล้ว มีเนื้อหาสำคัญคือการประกาศขึ้นราคาของบริการไปรษณีย์ไทยต่าง ๆ เนื่อง กฎกระทรวงเดิมที่ใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 มีผลใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน และทางองค์กร ไม่ได้ขอปรับอัตราราคาค่าบริการไปรษณีย์พื้นฐานในประเทศ แต่ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

สำหรับการปรับขึ้นในปี 2565 มี จดหมายประเภทซอง และมีการเพิ่ม จดหมายประเภทหีบห่อ เป็นประเภทการส่งใหม่ รายละเอียดดังนี้

ก่อนหน้านี้การส่งจดหมายไม่ว่าสิ่งที่อยู่ภายในจดหมายจะเป็นกระดาษ หรือเป็นสิ่งของใด ๆ ที่มีความนูนออกมา จะถูกจัดอยู่ในจดหมายประเภทซองทั้งหมด แต่ ไปรษณีย์ไทย ต้องการปรับเป็นรูปแบบตามสหภาพสากลไปรษณีย์จึงมีความจะเป็นต้องแยกการจัดส่งเป็น 2 รูปแบบคือ ประเภทซอง และประเภทหีบห่อ (กล่อง)

การปรับขึ้นราคาครั้งนี้จะกระทบกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือผู้ต้องการส่งพัสดุที่มีน้ำหนักไม่ถึง 500 กรัม เช่นก่อนกฎกระทรวงใหม่บังคับใช้ ถ้าต้องการส่งต่างหูน้ำหนัก 19 กรัม จะมีค่าบริการ 3 บาท แต่ปัจจุบันถ้าจะส่งต่างหูน้ำหนัก 19 กรัม จะมีค่าบริการเริ่มต้น 30 บาท เป็นต้น

ทั้งนี้ราคาใหม่ดังรูปข้างต้นยังไม่มีการรวมค่าบริการลงทะเบียน หรือ EMS ทำให้ผู้ใช้บริการต้องคำนวณค่าใช้จ่ายใหม่ โดยเฉพาะต้นทุนของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันคู่แข่งในตลาดทั้ง Kerry Express, Flash Express และอื่น ๆ ต่างมีการปรับราคาขึ้น

ไปรษณีย์ไทย ชี้แจงว่า ได้ให้บริการไปรษณีย์พื้นฐานในประเทศโดยทั่วถึงแก่ประชาชนในอัตราเริ่มต้นที่ 3 บาท ทำให้องค์กรมีภาระเชิงสังคมต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น จากข้อมูลปี 2554 – 2563 เป็นจำนวนสูงถึง 18,380 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละ 1,838 ล้านบาทและมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 2563 มีภาระการให้บริการเชิงสังคม 3,072 ล้านบาท)

อ้างอิง // รัฐบาลไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา