ข้อดี ข้อเสียของ องค์การสหประชาชาติ

7.2  สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการอำนวยการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วม ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพตามความต้องการของสหประชาชาติ ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มว่า งานด้านนี้จะมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากความจำเป็นและหน้าที่ด้านการดูแลความสงบเรียบร้อยภายหลังจากความขัดแย้งยุติลง เพื่อฟื้นฟูความมั่นคงปลอดภัยภายในประเทศ และสนับสนุนการปฏิรูปหน่วยงานด้านความมั่นคงก่อนที่จะถ่ายโอนความรับผิดชอบจากกองกำลังตำรวจสหประชาชาติให้แก่รัฐบาลของประเทศนั้น

 องค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN)

                การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในค.ศ.1939 บ่งชี้ถึงความล้มเหลวของนานาชาติอีกครั้งหนึ่งที่จะรักษาสันติภาพให้คงอยู่ แต่ มนุษย์ก็ยงมีความหวังกับการที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และต้องการที่จะกอบกู้ฟื้นฟูโลกภายหลังสงคราม ดังนั้น ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้แทนของประเทศจีน สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา จึงได้ประชุมร่วมกันที่คฤหาสน์ดัมบาร์ตันโอกส์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อวางแนวทางในการจัดตั้งองค์การระหว่างประเทศขึ้นใหม่เมื่อสงครามยุติลงใน ค.ศ.1945

ข้อดี ข้อเสียของ องค์การสหประชาชาติ

                ต่อมาผู้แทนของ 50 ประเทศได้ประชุมที่นครแซนแฟรนซิสโก เพื่อดำเนินการร่างกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติขึ้น ในที่สุดองค์การสหประชาชาติก็ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1945 เมื่อกฎบัตรได้รับสัตยาบันจากจีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ สหรัฐอเมริกาและจากชาติอื่นๆ ที่ลงนามในกฎบัตรเป็นส่วนใหญ่

                จุดประสงค์หลักของการต่อตั้งองค์การสหประชาชาติก็เพื่อเป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่รักษาสันติภาพโลกและความมั่นคงร่วมกัน อีกทั้งสนับสนุนความสันพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศประเทศสมาชิกล้วนยอมรับในกฎบัตรซึ่งเปรียบเสมือนสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่วางหลักการแห่งความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ ตามกฎบัตรนี้สหประชาชาติมีจุดมุ่งหมาย 4 ประการ ได้แก่

1.             รักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลก

2.             พัฒนาความสันพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศ

3.             ร่วมมือแก้ปัญหาระหว่างประเทศและส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน

4.             เป็นศูนย์กลางในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในการดำเนินนโยบายของชาติต่างๆ

กล่าวได้ว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การประสานประโยชน์ในการสร้างสันติภาพโลก คือ ภารกิจ

หลักขององค์การสหประชาชาติ เพราะสันติภาพจะดำรงอยู่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการทำงานขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของประเทศทั่วทุกมุมโลก

กลไกลหลักที่สำคัญ ได้แก่ สมัชชาสหประชาชาติ คณะมนตรีความมั่นคงและสำนักงานเลขาธิการส่วนหน่วยงานอื่นๆ นั้นแม้ไม่เกี่ยวกับการรักษาและเสริมสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพโดยตรงแต่ก็มีส่วนช่วยเกื้อหนุนให้เกิดการร่วมมือและช่วยเหลือระหว่างประเทศในการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งผลงานดังกล่าวจะช่วยจรรโลงสันติภาพไว้ได้อีกทางหนึ่ง

ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 55 ที่นครนิวยอร์กใน ค.ศ. 2000 นายโคฟี อันนัน (Kofi Annan) เลขาธิการ ได้เสนอให้เรียกว่า การประชุมสมัชชาสหประชาชาติแห่งสหัสวรรษ (Millennium Assembly of the United Nations) นอกจากนี้จะมีคณะผู้แทนจากประทศสมาชิก 192 และหัวหน้ารัฐบาล48 คน จึงมีการเสนอให้เรียกว่า เป็นการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ (Millennium Summit) ด้วย

ที่ประชุมได้จัดให้มีการทำปฏิญญาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ (United Nations Millennium Declaration) ขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางสำคัญของการดำเนินงานของสหประชาชาติในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ดังนี้

1.             การธำรงสันติภาพและความมั่นคงและการลดอาวุธ

2.             การพัฒนาและการลดความยากจน

3.             การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลก

4.             การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และธรรมาภิบาล (good govemance)

5.             การคุ้มครองผู้ที่อ่อนแอหรือผู้ที่เสียเปรียบ

6.             การให้ความช่วยเหลือประเทศในทวีปแอฟริกา

7.             การเพิ่มความช่วยเหลือประเทศในทวีปแอฟริกา

แนวทางที่กำหนดตาปฏิญญานี้ สำนักเลขาธิการให้ความสำคัญมา มีการประสานงานกับประเทศสมาชิกและองค์กรทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลในการที่จะให้บรรลุผลภายใน ค.ศ.2015 ดังนั้น จึงให้มีการจัดทำรายงานความก้าวหน้าของการพัฒนาตามเป้าหมายที่กำหนดสำหรับสหัสวรรษใหม่ออกเผยแพร่ทุกปี

สหประชาชาติทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยและประชาชนไทยมากว่า 75 ปี เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุม และยั่งยืนอันสอดคล้องกับวาระสำคัญของประเทศและแผนพัฒนาของชาติ ทีมสหประชาชาติประจำประเทศไทยประกอบด้วยหน่วยงานของสหประชาชาติ 21 หน่วยงาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหุ้นส่วนความร่วมมืออันทรงคุณค่าของรัฐบาลไทย กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายบริหารระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่น ภาคเอกชน นักลงทุนและผู้บริจาค สื่อ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม รวมถึงเยาวชนและประชากรกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ เรายังทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียแปซิฟิก (เอสแคป) อีกด้วย

เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

แก่นสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) สามารถสรุปได้ด้วยวลีสั้น ๆ ว่า “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งเป็นหลักการที่ใช้ในทุกภาระกิจของสหประชาชาติในประเทศไทย  เมื่อเดือนมกราคม 2565 ทีมสหประชาชาติประจำประเทศไทยได้ลงนามในกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน วาระปี พ.ศ. 2565-2569 (UNSDCF) กับรัฐบาลไทย กรอบความร่วมมือฯ นี้แจกแจงการสนับสนุนด้านการพัฒนาที่ระบบสหประชาชาติมอบให้กับประเทศไทยเพื่อให้บรรลุความมุ่งหมายอันสูงส่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใน ค.ศ. 2030 และก้าวขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง มีการพัฒนาที่ครอบคลุม ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันต่อวิกฤต กรอบความร่วมมือฯ ได้รับการออกแบบโดยอิงหลักการของสหประชาชาติที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หลักสิทธิมนุษยชน หลักความเสมอภาคทางเพศ หลักความยั่งยืน และหลักภูมิคุ้มกันต่อวิกฤต จึงมีความสอดคล้องในระดับสูงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย และร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 

ข้อดี ข้อเสียของ องค์การสหประชาชาติ

ข้อความประกอบ: เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย

หมุดหมายทั้ง 6 ประการ

1

สหประชาชาติได้สนับสนุนรัฐบาลและประชาชนชาวไทยในการรับมือการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งในขีดความสามารถและการให้บริการด้านสาธารณสุข อีกทั้งยังส่งเสริมพันธกิจแห่งการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังด้วยการสนับสนุนรัฐบาลให้เพิ่มเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนบุตร และเงินสงเคราะห์ผู้พิการ รวมถึงการติดตามและเฝ้าระวังความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศและความรุนแรงต่อเด็กตามเวลาจริง นอกจากนี้ สหประชาชาติยังสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมใหม่ให้ดีกว่าเดิมด้วยการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคม แรงงาน และอุตสาหกรรม รวมถึงการส่งเสริมความสมานฉันท์ในสังคมด้วยการเข้าถึงผู้คนกว่า 25 ล้านคนในการขยายผลการสื่อสารความเสี่ยง ให้ความรู้เพื่อตอบโต้ข้อมูลเท็จและประทุษวาจาที่สร้างความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนในสังคม และสื่อสารเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีของผู้คนในสังคม

2

สหประชาชาติกำลังเร่งดำเนินการสนับสนุนทางนโยบายและทางวิชาการแก่รัฐบาลไทยในการพลิกกลับแนวโน้มการตั้งครรภ์ในหมู่วัยรุ่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นให้เหลือ 25 รายต่อประชากร 1,000 คนภายในปี 2026 จากอัตราปัจจุบันที่ 50 รายต่อประชากร 1,000 คน

3

สหประชาชาติยังคงดำเนินการส่งเสริมการลงทุนในวิสาหกิจคาร์บอนต่ำ โดยสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ อีกทั้งยังสนับสนุนแผนปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการปรับปรุงการจัดการระบบนิเวศป่าพรุให้เป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บูรณาการการพัฒนาคาร์บอนต่ำในแผนพัฒนา และสาธิตนวัตกรรมการแก้ปัญหาในพื้นที่เป้าหมาย ตลอดจนส่งเสริมให้บรรจุการเปิดกว้างทางสังคมและเพศสภาพไว้ในกรอบงบประมาณด้านสภาพอากาศ (climate budgeting frameworks) ส่งผลให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนโดยรวมลดลง 14,000 ตัน ขยะมูลฝอยปริมาณกว่า 210,000 ตันต่อปี ถูกใช้ไปผลิตไฟฟ้าได้ 266,000 เมกะวัตต์

4

สหประชาชาติได้ดำเนินการสนับสนุนการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การย้ายถิ่นฐานที่ครอบคลุม โดยได้เผยแพร่ “รายงานว่าด้วยการย้ายถิ่นฐานของประเทศไทย” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของสหประชาชาติในการประเมินความท้าทายที่ผู้ย้ายถิ่นฐานต้องเผชิญ ตลอดจนความคืบหน้าในการให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม เพื่อให้รัฐบาลไทยใช้เป็นข้อมูลสำหรับการกำหนดนโยบายในอนาคต รายงานได้แสดงให้เห็นความสำคัญของการย้ายถิ่นฐานในประเทศไทยและในภูมิภาคทั้งในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจ และบทบาทของสหประชาชาติในการให้คำแนะนำทางวิชาการและการสนับสนุนทางเทคนิค

5

สหประชาชาติในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการร่วมจาก “กองทุนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนว่าด้วยการคุ้มครองทางสังคม” ในการศึกษาและเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเชิงนโยบายแบบบูรณาการสำหรับระบบการคุ้มครองทางสังคมของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการขยายเงินอุดหนุนบุตรให้ครอบคลุมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบจำนวน 2 ล้านคน และเชื่อมโยงเงินอุดหนุนนี้กับการให้บริการทางสังคมอื่น ๆ องค์การสหประชาชาติยังสนับสนุนให้เสริมความมีประสิทธิผลของระบบประกันสังคมในปัจจุบันโดยเสนอทางเลือกทางนโยบายเพื่อการขยายความครอบคลุมให้รวมถึงคนทำงานรับใช้ในบ้านซึ่งรวมถึงแรงงานข้ามชาติด้วย

6

สหประชาชาติและรัฐบาลไทยได้ร่วมกันพัฒนาภาคีความร่วมมือที่โดดเด่นผ่านคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยโรคไม่ติดต่อ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทยเป็นประธานร่วม คณะทำงานเฉพาะกิจ ฯ นี้มุ่งแก้ไขภัยคุกคามต่อสุขภาพที่มีมากขึ้นด้วยการบังคับใช้บรรจุภัณฑ์ยาสูบแบบเรียบ แก้ไขปัญหาจากยาสูบ แอลกอฮอล์ มลพิษทางอากาศ และอุตสาหกรรมอาหาร เพิ่มภาษีเครื่องดื่มเติมน้ำตาล และลดความซับซ้อนของระบบภาษีบุหรี่

1 / 6

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนใน ประเทศไทย

การทำงานของหน่วยงานทั้ง 21 แห่งของสหประชาชาติในประเทศไทยครอบคลุมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งหมดในฐานะประเทศผู้มีรายได้ปานกลางระดับสูงจากการประเมินโดยองค์การสหประชาชาติ ทีมสหประชาชาติประจำประเทศจะสนับสนุนกิจกรรมที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนดังต่อไปนี้ ข้อ 1.3 การขยายขอบเขตการคุ้มครองทางสังคม ข้อ 3.4 การแก้ปัญหาเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อ ข้อ 4.1 การช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา โดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนอพยพ ข้อ 5.5 การสนับสนุนเพื่อให้สตรีมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองมากขึ้น ข้อ 8.3 การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมโดยเยาวชน ข้อ 10.2 การเปิดรับคนชายขอบ โดยเฉพาะชุมชน LGBTI ข้อ 10.7 การดูแลการโยกย้ายถิ่นฐาน ข้อ 13.2 ยุทธศาสตร์เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ข้อ 16.1 การสนับสนุนความสามัคคีในสังคมเพื่อยุติความรุนแรงในภาคใต้ของประเทศไทย ข้อ 16.9 การผลักดันและสนับสนุนการยุติปัญหาคนไร้สัญชาติ ข้อ 17.7 การเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และข้อ 17.9 การแบ่งปันประสบการณ์ของประเทศไทยและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดผ่านการแลกเปลี่ยนใต้ – ใต้