Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

     Resume หรือ เรซูเม่ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยของผู้ที่จะสมัครงานหรือหางานใหม่มักต้องเพื่อให้ทางนายจ้างได้พิจารณาถึง การสรุปประสบการณ์การทำงาน การศึกษา และความสามารถของเราเอาไว้ในที่เดียว เพื่อเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณสมบัติต่างๆ ที่เรามีนั้น จะไปช่วยเหลืองานที่เขาต้องการได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้บรรดานายจ้าง หรือผู้จัดการได้เลือกเราให้ตรงกับงานที่พวกเขากำลังเปิดรับอยู่ ซึ่งการตัดสินใจของผู้จ้างบางคนนั้น ก็วัดกันที่ Resume เสมือนเป็นด่านแรกอยู่แล้ว ว่าจะไปต่อหรือจะลงถัง ดังนั้นการสร้าง Resume ที่ดีก็ช่วยเพิ่มโอกาสได้เราสามารถไปต่อในจุดต่อไปอย่างการเรียกสัมภาษณ์ได้ หรืออย่างแย่ที่สายงานไม่ตรง ก็อาจถูกส่งต่อไปในแผนกอื่นๆ เพื่อพิจารณากันต่อไปในภายหลัง 

     แต่ในทางกลับกันหาก Resume ที่ทำออกมาดันดูไม่น่าสนใจ หรือไม่ตรงตามสิ่งที่ควรจะเป็นก็อาจจะตกกระป๋องโดยที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาข้ออื่นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การหางานเป็นเรื่องยากแบบนี้แล้ว ทาง Uppercuz ก็เชื่อว่าทุกคนคงที่จะไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้งานกันอยู่แล้ว เลยอยากจะมาแชร์เทคนิคการทำ Resume กันดูว่า เราจะเขียน Resume อย่างไรที่ช่วยให้เรามีโอกาสได้งานมากขึ้น

1. ตั้ง Format ก่อนเขียน

ก่อนเริ่มต้นที่จะเขียน Resume นั้น การมองหา Template ตั้งต้นเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การเล่าเรื่องใน Resume ของเราเป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะการขึ้นต้นจากกระดาษเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย จะเป็นอะไรที่เคว้งคว้างมาสำหรับในตอนเริ่ม ซึ่งสำหรับคนที่ยังเริ่มต้นไม่ถูก สามารถเลือกได้ก่อนว่า เราอยากจะใช้ Template แบบไหนในการเล่าเรื่องของเรา ซึ่งโดยหลักๆ เราแนะนำอยู่ 2 ประเภท คือ

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

1.1 Functional Resumes

สำหรับ Resume ประเภทนี้ จะเป็น Resume ที่เน้น ในส่วนของทักษะที่เรามี ประกอบกับประสบการณ์ที่ทำงานมา แทนที่จะเป็นการไล่เรียงว่าเราทำอะไรมาบ้าง มันเลยค่อนข้างจะเหมาะกับ ผู้หางานที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน หรือมี Gap ว่างงานอยู่ในประวัติการทำงาน เพราะจะดึงให้คนอ่านนั้นมาสนใจในส่วนของความสามารถของเรามากกว่าที่จะรู้ว่าเราไปทำอะไรมา โดย Format คร่าวๆ เราสามารถเริ่มได้จาก

  • Part1: ชื่อและช่องทางการติดต่อเบื้องต้นให้คนติดต่อกลับได้
  • Part2: สรุปความเป็นตัวเองแบบสั้นๆ
  • Part3: ความรู้ความสามารถที่เราถนัด และเหมาะกับตัวงาน 3 อย่าง โดยสามารถใส่รายละเอียดเป็น Bullet ได้ โดยเรียงเอาจากความสามารถที่เหมาะสมกับตัวงานมากที่สุดเอาไว้ลำดับแรก
  • Part4: ประวัติการทำงานเบื้องต้น เช่น บริษัท ตำแหน่ง และช่วงปี
  • Part5: ประวัติการศึกษา ใส่ถึงแค่ระดับมหาวิทยาลัยก็พอ
  • Part6: ใบประกาศนียบัตรหรือใบรับรองจากคอร์สต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือกิจกรรมสำคัญที่เคยเข้าร่วม

สามารถดูตัวอย่างของ Functional Resumes  เพื่อนำมาปรับใช้เป็นของตัวเอง ได้ตามตัวอย่างด้านล่าง

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

Source: https://www.themuse.com/advice/what-is-a-functional-resume-example

1.2 Chronological Resumes

สำหรับ Resume ประเภทนี้ อาจจะเป็นประเภทที่ได้รับความนิยม และเห็นในทั่วไปมากกว่า เพราะจะเป็นการไล่เรียง Timeline การทำงานแบบตรงไปตรงมา ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่ทำงานสายเดิมๆ มาโดยตลอด และมีประวัติการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการใช้ก็จะเป็นเหมือนการเล่าประวัติการทำงานของตัวเอง หน้าที่ที่รับผิดชอบ และผลงานที่โดดเด่นในแต่ละที่ โดยเรียงจากใหม่เป็นเก่านั่นเอง ซึ่ง Format สำหรับ Resume ประเภทนี้ก็สามารถเริ่มได้จาก

  • Part1: ชื่อและช่องทางการติดต่อเบื้องต้นให้คนติดต่อกลับได้
  • Part2: สรุปความเป็นตัวเองแบบสั้นๆ
  • Part3: เรียงลำดับประวัติการทำงานจากล่าสุดไปยังอดีตสุด โดยเนื้อหาภายในคือการใส่ตำแหน่งที่เราทำในแต่ละที่ งานที่ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย และผลของการทำงานนั้นๆ ว่ามีการช่วยเหลือทีมหรือองค์กรออกมาได้อย่างไรบ้าง ถ้ามีการทำมาหลากหลายที่ สามารถเลือกเฉพาะผลงานเด่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัครได้
  • Part4: ประวัติการศึกษา ใส่ถึงแค่ระดับมหาวิทยาลัยก็พอ
  • Part5: ใบประกาศนียบัตรหรือใบรับรองจากคอร์สต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือกิจกรรมสำคัญที่เคยเข้าร่วม

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

Source: https://www.themuse.com/advice/resume-formats-pick-best-one-for-you

หลักการ 3W

ในกลุ่ม HR ของเมืองนอก มีการทำการสำรวจไปยังผู้ประกอบการต่างๆ รวมถึงบรรดาผู้บริหารขององค์กรถึงคำถามที่ว่า พวกเขาอยากเห็นอะไรบ้างใน Resume ซึ่งเมื่อสรุปออกมาให้ว่า มีอยู่ 3 คำถามสำคัญ ที่พวกเขาอยากรู้ และอยากได้จากใน Resume เลยดังนี้ 

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

2.1 What did you do?: คุณเคยทำอะไรมาก่อน?

ตอบให้ได้ว่าในอดีตนั้นเคยทำอะไรมาบ้าง จากการเลือกผลงานที่โดดเด่นที่เคยทำมา และพยายามเชื่อมโยงกับงานใหม่ที่มีให้ได้ ซี่งถ้ามีประสบการณ์อยู่แล้ว ให้ใช้ Project จากที่ทำงานเก่าๆ มาได้เลย 

แต่ถ้าเป็นแบบจบใหม่ สามารถเลือกใช้จาก Project ในช่วงฝึกงานแทนได้ ถ้าไม่มีอีกอาจต้องเอาในสมัยเรียนมาใช้แทน และแยกมาเป็น Portfolio ว่า เรามีผลงานอะไรในช่วงเรียน หรืออาจทำการบ้านใหม่มาเพิ่มเติมได้เช่นกัน

2.2 Why did you do it?: ทำไมคุณถึงทำมันขึ้นมา?

ตอบให้ได้ว่าทำไมเราถึงเลือกทำ Project นี้ ที่ไม่ใช่บอกว่าได้รับมอบหมาย แต่ต้องเล็งเห็นถึงคุณค่าอะไรบางอย่างถึงเลือกหัวข้อนี้มาในการทำ หรืออะไรที่ทำให้เราริเริ่ม Project นี้ขึ้นมา ซึ่งก็พยายามตอบให้ตรงกับ Attitude ที่องค์กรเหล่านั้นอยากได้ ก็จะสร้างคุณค่าได้มากขึ้น

2.3 What was the result?: ผลของสิ่งที่คุณทำออกมาคืออะไร?

ตอบให้ได้ว่าผลออกมาเป็นยังไง ในส่วนนี้แทบจะสำคัญและน่าสนใจที่สุด เพราะผู้บริหารยอมอยากเห็นผลลัพธ์ที่ออกมาจากงานของเรา เช่น จากโปรเจคนี้ ช่วยให้ยอดขายโตได้ถึง 20% หรือเป็นการบอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงให้องค์กรที่เราเคยอยู่ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง

ซึ่งเนื้อหาที่ว่านี้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Functional หรือ Chronological นั้น ก็สามารถใส่ในเข้าไปในพาร์ทของ เนื้อหาความสามารถของเราหรือใน Timeline ของการทำงานก็ได้เช่นกัน

3. ปรับเรื่องประสบการณ์ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา

หากยังประสบการณ์ของเรายังมีไม่มากนัก การใช้ Chronological Resume นั้น อาจมีช่องว่างใน Resume จนเกินไป จนอาจต้องไปใช้แบบ Functional Resume แทน โดยให้ขุดเอารายละเอียดจากประสบการณ์จากงานที่ได้รับมอบหมายออกมาให้ได้เยอะที่สุด ว่าใน 1 งานทำอะไรไปบ้าง มันทำให้เราเกิดความเชี่ยวชาญในด้านไหนมากขึ้น และองค์กรหรือทีมนั้นได้อะไรจากเราในงานนั้น

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

ในขณะเดียวกันถ้าประสบการณ์ทำงานโชกโชน ผ่านการทำงานมาหลากหลายที่แล้วก็สามารถไล่เรียงกันแบบ Chronological เข้าไปได้เลย โดยเราก็จะมีจำนวนบริษัทมากมายที่เคยทำมาใน Resume ของเรา ให้เลือกเฉพาะ Key Success จากการทำงานในแต่ละที่มาได้เลย และเลือกตัวที่คิดว่ามีผลกระทบด้านดีต่อบริษัทมาที่สุด ข้ามตัวที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ได้ เอาที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทได้จริง เช่น โปรเจคนี้สามารถลด Cost ในการดำเนินงานได้ถึง 30% ภายใน 1 ปี เป็นต้น

4. จบได้ใน 1 หน้าเป็นดี

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าคนที่จะรับเราเข้าทำงานไม่ได้มีเวลาดูมากขนาดนั้น ถ้าบริษัทมี HR ก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารถึงกับต้องลงมามีส่วนร่วมในการรับเองจากการสกรีน Resume ก่อนสักรอบ คงไม่สนใจ Resume ที่ทำมาหลายๆ หน้า เพราะเสียเวลาพวกเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นการใส่เฉพาะประสบการณ์งานโดดเด่น งานสำคัญ ที่เรียกร้องความสนใจได้ไม่น้อย เพราะอ่านปุ้บ 1 หน้าคือก็จะรับรู้ได้เลยว่าคนๆ นี้เชี่ยวชาญด้านไหน และเหมาะกับเราไหม 

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

ซึ่งในมุมคนทำ Resume ก็ต้องพยายามเลือกความสามารถเฉพาะที่เป็น Expert ไปและเหมาะสมกับงานกันไปเลย ในส่วนที่เป็น General ก็สามารถพูดรวมๆ ไปได้โดยที่ไม่ต้องเน้นเยอะ  ซึ่งถ้ามีส่วนของผลงาน หรือเนื้อหาที่อยากจะเล่าเพิ่มเติม ก็ควรแยกในส่วนนั้นเอาไว้ใน Portfolio ไม่ใช่ใส่ทุกอย่างทุกมาใน Resume เพราะมันจะเยอะจนเกินไป

5. ปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับงาน

โดยปกติแล้วผู้คนมักที่จะทำ 1 Resume และใช้มันในการหว่านไปสมัครงานในที่ต่างๆ ในเวลาพร้อมๆ กัน เพราะมองว่าสามารถทำได้ทีเดียวจบ แต่กลับกันคำเตือนของเราก็คือ อย่าใช้ Resume เดิมกับทุกๆ งาน หรือกับทุกๆ ตำแหน่ง เพราะแต่ละที่มีสิ่งที่ต้องการจากเราไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นงานตำแหน่งเดียวกันก็ตาม

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

ดังนั้นก่อนเริ่มเขียน Resume นั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ การกาง Job Description ของแต่ละงานที่เราต้องการสมัครมาดูก่อน จากนั้นค่อยปรับ Resume ให้เนื้อหาในส่วนของ ประสบการณ์ ทักษะความสามารถ หรือพวก Certification ต่างๆ ตรงกับเนื้อหาของงานนั้นๆ เพราะการทำแบบนี้จะทำให้ชูสิ่งที่เรามีออกมาได้โดดเด่น และตรงกับ Requirements ที่บริษัทต้องการมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อสิ่งที่มี Match กับสิ่งที่องค์กรต้องการแล้ว ก็ย่อมมีโอกาสได้งานมากขึ้นเช่นกัน

6. อย่าลืมตรวจทานอีกสักที

คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ หากทำในทุกส่วนออกมาได้ดีหมด แต่ดันเกิดจุดผิดขึ้นมา เพราะจุดผิดบน Resume มันจะกลายเป็นจุดเด่นมากๆ ในการแสดงถึงความไม่รอบคอบและไม่เอาใจใส่ และจะสร้างความประทับใจที่เป็นลบให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างมาก

Resume สํา ห รับ คน ทํา งาน แล้ว

สิ่งที่ผู้สมัครงานทุกคนควรทำคือ การตรวจเช็คให้ละเอียด ทั้งในเรื่อง Font, คำผิด, การเว้นวรรค, ความต่อเนื่องของประโยคและคำ การจัดวาง ทุกอย่างจะต้องออกมาแบบไม่มีจุดผิดเลย หากทำตามนี้ได้เรียบร้อยแล้ว ก็ขอให้ทุกคนได้งานตามที่หวังกันทุกคนครับ

กรอกเมลทิ้งไว้สิคะ เราจะส่งบทความดีๆ ให้อ่านก่อนใคร ❤️