ปัญหาเบราว์เซอร์ Safari เข้าเว็บไม่ได้ บนเครื่อง Mac, iPhone, iPad จากสาเหตุหน้าเว็บไม่โหลด เซิร์ฟเวอร์หยุดการโต้ตอบ หรือไม่มีการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ต้องแก้ไขอย่างไร Show Safari ถือเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นในระบบปฏิบัติการ Apple ที่มีติดเครื่อง MacBook, iPhone และ iPad พร้อมเปิดใช้ท่องเว็บไซต์ได้ทันที แม้ประสิทธิภาพทั้งความรวดเร็วความปลอดภัยจะไม่ด้อยกว่า Chrome และ Edge แต่บางครั้งก็เกิดปัญหากวนใจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเปิดหน้าเว็บได้ราวกับถูกตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช็คปัญหาเบื้องต้นที่อาจมองข้าม
วิธีแก้ปัญหา Safari เข้าเว็บไม่ได้บทความนี้ได้รวบรวมการแก้ไขปัญหา Safari เข้าเว็บไม่ได้ จากประสบการณ์ของผู้ใช้ MacBook หรือ iMac การตั้งค่าส่วนต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาบนอุปกรณ์ iPhone และ iPad ได้เหมือนกัน แนะนำ: รวมคีย์ลัด Macbook ปุ่มลัดที่นิยมใช้บ่อย ล้างประวัติข้อมูลเว็บไซต์การล้างประวัติข้อมูลการท่องเว็บไซต์ (Clear History and Website Data) เป็นเรื่องพื้นฐานที่ผู้ใช้เบราว์เซอร์ต้องรู้เพราะมันอาจช่วยแก้ปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้กับเว็บไซต์ที่กำลังเข้าชม ซึ่งการล้างประวัติในเบราว์เซอร์ Safari บนเครื่อง Macbook ทำได้ดังนี้ เปิดเบราว์เซอร์ Safari ไปที่แถบเมนูด้านบน เลือก ประวัติ > ล้างประวัติ… จะปรากฏหน้าต่างล้างประวัติเอาคุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์ออก เลือกเมนู ล้างประวัติทั้งหมด กดปุ่ม ล้างประวัติ วิธีล้างประวัติ Safari บน iPhone
เปิดโหมดไม่ระบุตัวตนเบราว์เซอร์ที่ใช้งานในปัจจุบันจะมีโหมดไม่ระบุตัวตนในการท่องเว็บไซต์ ซึ่งแอปฯ Safari ก็มีให้เปิดใช้งานได้เช่นกัน กรณีเปิดเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ปกติไม่ได้ให้กดปุ่ม Shift + Command + N คำสั่งเปิดหน้าต่างส่วนตัว จากนั้นลองทดสอบเข้าเว็บไซต์ได้หรือไม่ ตรวจสอบเราเตอร์อุปกรณ์กระจายสัญญาน Wi-Fi Router ขัดข้องหรือไม่ ลองตรวจสอบโดยการเช็คจากอุปกรณ์อื่นที่เชื่อมต่อไวไฟอยู่ในเครือข่ายจากเราเตอร์เดียวกันอย่างมือถือสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี หากเราเตอร์มีปัญหาให้ลองถอดปลั๊กหรือรีสตาร์ทเครื่องใหม่ ตั้งค่า DNS Serverการตั้งค่าเครือข่าย DNS Server แบบกำหนดเอง ช่วยให้การท่องเว็บไซต์ได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงอาจแก้ปัญหาหน้าเว็บไม่โหลดได้ โดยทั่วไปการเปลี่ยนค่า DNS บนเครื่อง Macbook จะนิยมใช้ของ Google Public DNS มีขั้นตอนการตั้งค่าดังนี้ กดรูป ไอคอน Apple มุมขวาบน ไปที่เมนู การตั้งค่าระบบ เลือกแท็บ Wi-Fi คลิกที่ปุ่ม รายละเอียด หลังชื่อไวไฟที่เชื่อมต่ออยู่ จากนั้นระบบจะแสดงหน้าต่างตั้งค่าเครือข่าย ไปที่แท็บเมนู DNS กดที่เครื่องหมายบวก [+] ใส่เลข DNS ของผู้ให้บริการ Google DNS : 8.8.8.8 หรือ 8.8.4.4 กดปุ่ม ตกลง วิธีเปลี่ยนค่า DNS บน iPhone
รีสตาร์ทอุปกรณ์ทุกปัญหาจะหายไปแค่กดปุ่ม Restart ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับแอปฯ Safari รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ หลังจากเริ่มระบบใหม่ของอุปกรณ์ ข้อผิดพลาดทั้งหมดอาจได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับ Macbook หรือ iPhone การรีสตาร์ทอุปกรณ์แนะนำให้เป็นทางเลือกสุดท้าย เปลี่ยนไปใช้เบราวเซอร์อื่นหากยังพบปัญหาในการใช้งาน Safari คงต้องเปลี่ยนไปใช้บราวเซอร์อื่นแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะมองไปที่ตัวเลือกอย่าง Chrome, Opera หรือ Firefox เนื่องจากรองรับแพลตฟอร์ม MacOS และ iOS สามารถใช้ท่องเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังใช้ตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเบราวเซอร์ Safari กรณีปัญหาการโหลดหน้าเว็บไม่ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ใช้ Safari เป็นเบราวเซอร์สำหรับท่องเว็บไซต์บน Macbook, iPhone และ iPad ควรติดตามและอัปเดตแอปฯ ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยอีกทั้งไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในระหว่างใช้งานอุปกรณ์ หากพบปัญหาอื่นๆสามารถค้นหาวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Apple |