ยืดผมมีกี่แบบ มารู้จัก 5 วิธียืดผมที่สาว ๆ ควรรู้ไว้ก่อนไปร้านเสริมสวย ใครอยากรู้ว่าผมตรงสลวยถูกใจ ต้องยืดผมแบบไหนดี มาดูกัน หนึ่งในปัญหาที่คุณผู้หญิงหลายๆ คนหนักใจก็คือการมีผมหยักศก ผมหยิก และผมชี้ฟูไม่เป็นทรงจนคิดอยากจะไปยืดผมให้ตรงสลวยสวยเก๋เหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่เพราะเห็นข่าวผมพังเพราะร้านเสริมสวยมาเยอะ ก็เลยไม่กล้าลุกไปเปลี่ยนแปลงตัวเองสักที งั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจวิธียืดผมทั้ง 5 แบบ ที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาให้ดูว่าแบบไหนบ้างที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด 1. ยืดผมแบบธรรมดา เป็นการยืดผมแบบใช้น้ำยาและแผ่นยืดทั่วไป ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับสาวงบน้อย แต่วิธีนี้จะช่วยทำให้ผมตรงอย่างเดียว ส่วนผลลัพธ์หลังการยืดจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาที่ใช้กับฝีมือของช่าง หากไม่ทำทรีตเมนต์ตามก็เสี่ยงปัญหาผมเสีย ผมหัก เพราะฉะนั้นควรถามช่างด้วยว่าหลังจากการยืดแล้ว ควรรอกี่วันถึงจะทำทรีตเมนต์ได้ 2. ยืดผมแบบรีบอนดิ้ง เป็นวิธีที่ใช้น้ำยาทั่วไปเหมือนกับการยืดแบบธรรมดาค่ะ แต่ใช้เครื่องหนีบผมแทนแผ่นยืด ทำให้สามารถจัดทรงตามที่ต้องการ ไม่ออกมาตรงชี้หรือลีบแบน แต่ข้อเสียคือ ผมอาจแห้งเสียง่ายเพราะเป็นการนำความร้อนสัมผัสกับผมโดยตรง ควรทำทรีตเมนต์บำรุงผมหลังยืดเช่นกันค่ะ 3. ยืดผมแบบเคราติน เคราติน คือส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม ที่สามารถถูกทำลายด้วยสารเคมีและความร้อน ทำให้ผมแห้งเสีย ชี้ฟู หยาบกระด้าง วิธีนี้จึงใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของเคราติน เพื่อเคลือบเส้นผมไม่ให้โดนทำร้ายได้อีก เรียกว่าเหมาะกับสาว ๆ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องผมเสียแบบเกินจะเยียวยา และอยากให้ผมกลับมาดูสุขภาพดี พลิ้วสวยเป็นธรรมดา แต่พอทำแล้วผมจะยากต่อการดัดให้อยู่ทรงนะคะ 4. ยืดผมแบบออร์แกนิค 5. ยืดผมแบบวอลลุ่ม ใช้เทคนิคการยืดผมแบบยกโคน เน้นดัดปลายผมให้งุ้มสวย เหมาะกับสาวที่มีผมเส้นเล็ก หยิก หยักศก และมีน้ำหนักเกินไปจนดูลีบแบน ถ้าอยากมีทรงผมที่ดูพองเป็นธรรมชาติสไตล์สาวเกาหลี แบบไม่ต้องเสียเวลาหนีบจัดทรงเองทุกวัน วิธีนี้แหละค่ะเริดสุด แถมยังช่วยทำให้หน้าดูมีมิติ น่ามองมากขึ้นด้วยนะคะ ในเมื่อคิดจะเสียเงินไปเสริมสวยทั้งทีก็ควรหาร้านที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องเลือกช่างทำผมที่มีฝีมือ หมั่นทำทรีตเมนต์และดูแลสุขภาพผมกันเป็นประจำด้วยนะคะ จะได้ไม่ผิดพลาดแล้วมานั่งเสียใจทีหลังเนอะ หากอยากมีเส้นผมตรงสวย "การยืดผม" นับเป็นวิธียอดนิยมที่สาวๆ เลือก ซึ่งเป็นการใช้เคมีปรับโครงสร้างเส้นผมจากหยิกให้ตรงได้ แต่นอกเหนือจากการยืดผมแบบถาวรแล้ว "ยืดผมเคราติน" หรือ "เคราตินทรีตเมนต์" ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เส้นผมตรง เงางาม และดูสุขภาพดี เหมาะสำหรับผู้ที่ผมแห้งเสีย ชี้ฟู โว้กบิวตี้ได้รวบรวมเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการยืดผมเคราตินมาฝากกัน ทั้งข้อดี-ข้อเสีย เหมาะกับใคร และต่างจากการยืดผมถาวรทั่วไปอย่างไร? เคราตินคืออะไรเคราติน (Keratin) เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง เป็นส่วนประกอบหลักที่ช่วยบำรุงเส้นผม เล็บ และผิวหนัง ให้แข็งแรงสุขภาพดี อีกทั้งยังเป็นโปรตีนที่สำคัญที่สุดสำหรับโครงสร้างของเส้นผม โดยในเส้นผมมีเคราตินอยู่มากถึงร้อยละ 90
หากร่างกายสูญเสียเคราตินจะทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้ง ผมขาดหลุดร่วงง่าย และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมแห้งเสียชี้ฟู การยืดผมเครตินคืออะไร?โดยปกติแล้วในเส้นผมของเราจะมีเคราตินที่ทำหน้าที่ช่วยให้ผมแข็งแรง ดูสุขภาพดี แต่เส้นผมที่ผ่านการทำเคมี เช่น ฟอกผม ทำสี ดัด ยืด หรือแม้กระทั่งโดนความร้อนเป็นประจำ จะทำให้เคราตินในเส้นผมถูกทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมแห้งเสีย ชี้ฟู ดูไร้น้ำหนัก การยืดผมเคราติน หรือ เคราตินทรีตเมนต์ จึงเป็นการเติมโปรตีนเคราตินให้กับเส้นผม เส้นผมจึงกลับมาตรงสลวย นุ่มลื่น เงางามและดูสุขภาพดีขึ้น สามารถใช้แทนการยืดผมถาวรได้โดยจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ยืดผมเคราตินต่างจากยืดผมแบบอื่นอย่างไร?
เนื่องจากเคราตินเป็นโปรตีนที่มีอยู่แล้วในเส้นผม การยืดเคราตินจึงเป็นเหมือนการเติมสารอาหารที่จำเป็นให้เส้นผม ผมจึงดูตรงสลวย แข็งแรง และดูมีน้ำหนัก สามารถช่วยลดปัญหาชี้ฟูของเส้นผมได้ดี แต่ถ้าหากเส้นผมมีความหยิกหรือหยักศกมาก การยืดเคราตินอาจไม่สามารถช่วยให้เส้นผมตรงได้ 100% เนื่องจากเคราตินไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผมเหมือนการยืดทั่วไป
การยืดผมถาวรเป็นการใช้เคมีเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผมที่หยิกหรือหยักศกให้ตรงขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้ผมจะตรงทื่อ ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่ ‘การยืดวอลลุ่ม’ เป็นอีกเทคนิคการยืด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผมตรงได้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็เป็นการใช้เคมีเช่นกัน ยืดผมเคราตินเหมาะกับใคร?การยืดผมเคราตินเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก ขาดความเงางาม รวมถึงผู้ที่ผมเสียจากการทำเคมีขั้นรุนแรง ไม่สามารถยืดผมแบบเคมีได้ การยืดผมเคราตินก็จะช่วยให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง ดูมีชีวิตชีวาขึ้น โดยไม่ทำให้เส้นผมเสียหาย แต่การยืดผมเคราตินจะไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพเส้นผมหยิก เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างเส้นผมหยิกให้กลายเป็นตรงได้ 100% ข้อดี
ข้อเสีย
ข้อแนะนำหลังการยืดผมเคราตินหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต (SLS) เพราะจะทำให้เคราตินทนต่อซัลเฟตไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้สุขภาพผมเสียและทำให้เคราตินหลุดไวขึ้น นอกจากนี้ยังควรงดการว่ายน้ำในสระที่ผสมคลอรีน รวมถึงน้ำทะเล เพราะจะทำให้เคราตินหลุดได้เร็วขึ้นเช่นกัน ได้ทราบข้อมูลของการยืดผมเคราตินกันไปแล้ว สำหรับใครที่สนใจแนะนำว่าให้ขอรับคำปรึกษาจากช่างผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเลือกใช้บริการร้านทำผมที่มีคุณภาพเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจกับความต้องการมากที่สุด เรื่อง : ชลดา คร่ำมา |