อาการ เวียนหัว คลื่นไส้ ง่วง นอน ปวดท้อง

Home > เวียนหัว บ้านหมุน อาการที่ไม่ควรมองข้าม

อาการบ้านหมุนเกิดจากอะไร?

บ้านหมุน เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในหูชั้นในที่ทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการรู้สึกเหมือนบ้านหรือสิ่งของที่มองเห็นได้หมุนเฉียบพลัน ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

มึนหัว บ้านหมุน อาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของร่างกาย

  • โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
  • โรคไมเกรน
  • โรคหินปูนในหูชั้นใน หรือ BPPV
  • ความผิดปกติของระบบอื่นๆ เช่น  โรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โรคความดันโลหิตสูง
  • ความผิดปกติทางจิตเวช
  • อุบัติเหตุทางสมอง
  • ปัจจัยอื่นๆ เช่น เครียดวิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ เมารถ หรือเมาเรือ

คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่? รีบเข้าพบแพทย์ด่วน!!!

  • มึนงง เวียนศีรษะ
  • เดินเซทรงตัวผิดปกติ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • สูญเสียการทรงตัว
  • หูอื้อ มีเสียงดังในหู
  • หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม

เมื่อมีอาการบ้านหมุน ควรทำอย่างไร?

  • ควรหยุดนั่งพัก หรือควรนอนพักสักครู่จนกว่าอาการจะดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการแย่ลง เช่น การเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว การก้มหรือเงยคอนานๆ
  • นอนบนพื้นราบ และพยายามให้ผู้ป่วยอยู่นิ่งๆ ไว้สักครู่ ไม่ควรฝืนเดินเพราะอาจทำให้ล้มได้
  • หากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น พูดไม่ชัด กลืนลำบาก แขนขาอ่อนแรง ชา ต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

โรคบ้านหมุนเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยพบบ่อยในผู้สูงอายุ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีความเสี่ยงมาก! อาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งการรักษาจะต้องตรวจวินิจฉัยว่าเกิดอาการบ้านหมุนมาจากสาเหตุใด โรคบ้านหมุนค่อนข้างอันตราย และเป็นสาเหตุให้นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากพบว่ามีอาการควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง โดยสามารถตรวจวินิจฉัยได้จากการทำ CT SCAN หรือ MRI เพื่อหาสาเหตุของอาการอย่างละเอียด

หากสงสัยว่ามีความผิดปกติ เวียนศีรษะ มีอาการบ้านหมุนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์หลอดเลือดสมองและระบบประสาท เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา


แชร์บทความ

ข้อมูลสุขภาพ สูงอายุ

เช็กด่วน ! 12 สัญญาณอาการตั้งครรภ์ที่คุณอาจไม่รู้
ให้สังเกตตัวเองได้ง่าย ๆ

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำลังใจจดใจจ่อรอว่าเมื่อไหร่จะตั้งครรภ์สักที ถ้าช่วงไหนที่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนก็มักจะคิดว่าตัวเองต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าการแสดงอาการสัญญาณเตือนว่าตั้งครรภ์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนก็คลื่นไส้อาเจียนอย่างหนัก หรือบางคนแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆ ให้เห็นเลยก็ว่าได้ นอกจากอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณอาการตั้งครรภ์ให้คุณแม่มือใหม่ได้ลองสังเกตตัวเอง จะมีอาการอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวเรามาเช็กไปพร้อม ๆ กันเลย

คู่รักรู้ว่าตั้งครรภ์

12 สัญญาณอาการตั้งครรภ์ ที่คุณอาจไม่รู้ ที่บอกว่านี่แหละ “ตั้งครรภ์” ชัวร์!!!

ใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์? ทำไมช่วงนี้ประจำเดือนมาบ้างไม่มาบ้าง มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนบ้าง แถมช่วงนี้หน้าตาก็มีสิวผดขึ้นเยอะมากจนต้องรีบซื้อโฟมล้างหน้าลดสิวมาใช้แทบไม่ทัน แล้วอาการเหล่านี้บ่งบอกหรือยังน้าว่าเราตั้งครรภ์ต้องมาเช็กกัน!!!

1. ประจำเดือนมาไม่ปกติ

สัญญาณเตือนแรกว่าตั้งครรภ์ ให้สังเกตตัวเองว่าช่วงนี้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนขาด ซึ่งโดยปกติประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน ทุกเดือนประจำเดือนจะมาใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเดือนไหนที่ประจำเดือนขาดเกิน 10 วัน ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ได้เลยว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แนะนำให้ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจกันได้เลย และเพื่อความชัวร์ให้คุณหมอตรวจซ้ำอีกครั้ง

2. เต้านมและหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงของเต้านมหรือหัวนมก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ อาการจะคล้าย ๆ กับบางคนที่จะเจ็บเมื่อใกล้ประจำเดือนจะมา แต่ถ้าหากประจำเดือนขาด 1 อาทิตย์ แล้วมีอาการเริ่มเจ็บบริเวณเต้านมและหัวนม เมื่อสัมผัสรู้สึกเจ็บในทันที ยังมีปุ่มเล็ก ๆ ขึ้นมากมายตรงบริเวณหัวนมหรือมีอาการคัดเต้านม ทำให้เต้านมบวม ตึง เจ็บ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลย อาจจะตั้งครรภ์ก็ได้ ซึ่งอาการเจ็บเหล่านี้จะเป็นอยู่สักประมาณ 2-3 เดือน แล้วจึงค่อย ๆ หายไปเอง

3. อาการคลื่นไส้และอาเจียน

แน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน หลายคนก็จะคิดว่าตั้งครรภ์แน่นอนงานนี้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่โดยปกติแล้วอาการคลื่นไส้อาเจียนจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวอ่อนปฏิสนธิได้ 1 เดือน และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ได้สัปดาห์ที่ 6 แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากคุณแม่บางคนก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เริ่มท้องไปจนถึงใกล้คลอดก็มี หรือใครโชคดีก็ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่แพ้ท้องเลย ถือว่าโชคดีมาก ๆ สำหรับการตั้งครรภ์

4. เหนื่อยง่ายกว่าเดิม

ช่วงตั้งครรภ์อ่อน ๆ หรือในช่วง 1-3 เดือนแรกนั้น จะเป็นช่วงการปรับตัวของคุณแม่มือใหม่ เนื่องจากตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องนั้น มีความต้องการออกซิเจนจากคุณแม่ในการหายใจ ทำให้คุณแม่หายใจถี่และเร็วขึ้น จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยได้ง่าย และยิ่งถ้าอายุครรภ์เริ่มมากขึ้น พัฒนาของลูกน้อยเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น ตัวเริ่มใหญ่ขึ้นก็ยิ่งมีแรงกดต่อปอดและกระบังของคุณแม่ จึงไม่แปลกใจที่คนท้องจะรู้สึกเหนื่อยได้ง่ายขึ้น ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้น คุณพ่อก็เห็นใจคุณแม่หน่อยนะในช่วงตั้งครรภ์

5. เมื่อยล้าอ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา

หากช่วงนี้ประจำเดือนขาด เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน บวกกับมีอาการเหนื่อยเมื่อยล้า นี่แหละสัญญาณอาการตั้งครรภ์ ฟันธง!ได้เกือบ 80% ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ได้เป็นคุณแม่สมใจแล้ว ซึ่งอาการที่รู้สึกเมื่อยล้านั้นมักเกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก ที่รู้สึกเมื่อยล้า อ่อนล้า หมดแรง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย และคุณแม่บางคนก็ยังรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนตลอด อาจเป็นเพราะระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น แต่พอเริ่มเข้าสู่การตั้งครรภ์ไตรมาสที่สอง อาการเมื่อยล้าก็เริ่มหายไป

ปวดท้อง

6. มีอาการปวดท้องน้อย

อาการปวดท้องน้อย หรืออาการปวดเกร็งในช่องท้อง มีลักษณะอาการคล้ายกับตอนที่ปวดประจำเดือน แต่การปวดคราวนี้ไม่มีประจำเดือนมาก ถือว่าเป็นสัญญาณอาการตั้งครรภ์อย่างหนึ่ง บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเป็นคุณแม่คนใหม่ เนื่องจากอาการปวดท้องน้อยนั้นเกิดมาจากการขยายตัวของมดลูก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้น ถ้าหากเกิดอาการปวดท้องก็ไม่ต้องตกใจอะไร นั่งหรือนอนพักผ่อนสักพักอาการก็จะดีขึ้นเอง แต่ถ้าปวดรุนแรงแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที

7. อาการท้องผูก

จากที่เคยขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน แต่พักหลังเริ่มมีอาการท้องผูกมากขึ้น ซึ่งอาการท้องผูกนั้นมักจะพบได้บ่อยสำหรับคนที่เริ่มตั้งครรภ์ โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย เกิดจากการอุดกั้นของลำไส้ 

มีการบีบตัวของลำไส้ลดลง อาจทำให้มดลูกทับลำไส้ใหญ่ อีกทั้ง คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมน progesterone ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารได้ช้าลง แถมยังมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ วิธีแก้ง่าย ๆ คือให้รับประทานอาหารที่มีกากใยเยอะ ๆ เช่น ผักหรือผลไม้ และให้ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ ก็จะช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น

8. มีเลือดออกทางช่องคลอด

การมีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าหากเกิดอาการเช่นนี้ คงไม่ตั้งครรภ์แน่นอน!! แต่จะบอกว่าอาการมีเลือดออกทางช่องคลอด ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณอาการตั้งครรภ์เช่นกัน เนื่องจากในระยะแรกของการตั้งครรภ์นั้น คุณแม่บางคนอาจจะมีเลือดไหลออกมาจากทางช่องคลอดได้ ซึ่งเลือดที่ไหลนั้นจะเป็นสีแดงหรือสีชมพูจาง ๆ ไหลไม่เยอะมากแค่กะปริดกะปรอยเท่านั้น และบางคนก็มีอาการปวดท้องร่วมด้วย หรือบางคนก็ไม่ปวดเลย โดยส่วนใหญ่เลือดจะหยุดไหลเองภายใน 1-2 วัน แต่หากสังเกตแล้วว่าเลือดออกไม่หยุด ก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์ทันที

9. มีอาการปวดหัว วิงเวียน หน้ามืดได้ง่าย

สำหรับอาการปวดหัว วิงเวียน หน้ามืด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของอาการเริ่มตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระบบหัวใจ และหลอดเลือดภายในร่างกาย ที่จะเริ่มมีการปรับตัวตามธรรมชาติของร่างกาย โดยอาการเหล่านี้จะมักเป็นเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์สัปดาห์แรกเท่านั้น ซึ่งจะมีอาการวิงเวียน ปวดศรีษะเล็กน้อย มีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หรือบางคนอาจจะถึงขั้นเป็นลมล้มได้ สาเหตุเกิดจากการกดทับของหลอดเลือดใหญ่ที่นำเลือดจากร่างกายไปสู่หัวใจได้ไม่ดี ทั้งนี้ อาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่กับทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วยเช่นกัน

10. มีอาการปวดหลัง

อีกหนึ่งสัญญาณการตั้งครรภ์ว่ากำลังจะได้เป็นคุณแม่ป้ายแดงนั่นก็คือ อาการปวดหลังจะคล้ายกับการปวดหลังตอนมีประจำเดือน จะปวดตรงบริเวณหลังช่วงล่าง ซึ่งอาการปวดจะเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และบางคนยังมีเป็นตะคริวร่วมด้วย โดยสาเหตุมาจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อส่วนกลาง ที่มดลูกมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการเจริญเติบโจของลูกน้อย ซึ่งอาการปวดหลังถือว่าเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องแบกรับน้ำหนักจึงปวดหลังได้ง่าย แนะนำให้ปรับเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคง ใช้หมอนรองขา จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ ถ้าปวดมากจนทนไม่ไหวให้รีบไปพบแพทย์ทันที

ปวดหลัง

11. ปวดปัสสาวะบ่อย ๆ

หากสังเกตตัวเองว่าทำไมช่วงนี้ปวดปัสสาวะบ่อย นั่นอาจเป็นสัญญาณอาการตั้งครรภ์ เป็นเพราะร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โหมดตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงที่เริ่มตั้งครรภ์อ่อน ๆ คุณแม่จะลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ประมาณว่าเพิ่งเข้าห้องน้ำเมื่อไม่กี่นาที ก็เริ่มรู้สึกปวดอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมดลูกมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น ก็ต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ จึงทำให้ไตต้องทำงานหนักกว่าปกติ เพราะปริมาณของเลือดในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งมดลูกก็ยังขยายใหญ่ไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อย ๆ ครั้งนั่นเอง 

12. หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย

ถ้าช่วงนี้รู้สึกว่าทำไมอารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิดเก่ง ใครพูดอะไรไม่เข้าหูก็จะเหวี่ยงใส่ทันที หรือบางครั้งก็อารมณ์อ่อนไหวง่าย ดูหนังเศร้าหน่อยก็ร้องไห้ ทำให้คนใกล้ตัวยังรู้สึกได้ว่าคุณเปลี่ยนไป นั่นอาจเป็นสัญญาณอาการตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ก็คงเหมือนกับตอนที่เป็นประจำเดือน ที่หงุดหงิดง่าย ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัว พอเริ่มผ่านช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ ไปก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เอง ดังนั้น คุณพ่อที่อยู่ใกล้คุณแม่ในช่วงเริ่มตั้งครรภ์นั้น ก็ให้คอยเอาใจอย่าได้ถือสาคำพูดหรืออารมณ์ต่าง ๆ แต่ให้คุณพ่อหากิจกรรมผ่อนคลายที่ไม่ทำให้เครียด ก็จะช่วยให้ปรับอารมรณ์ได้ดีขึ้น

และนี่ก็คือ 12 สัญญาณอาการตั้งครรภ์เบื้องต้น ที่คุณแม่มือใหม่อาจจะไม่รู้ ถ้าใครกำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ให้ลองสังเกตตัวเองว่ามีอาการใกล้เคียงตามที่แนะนำไปหรือไม่ ถ้าหากเช็กประเมินแล้วว่ามีอาการนี้เกินครึ่งหนึ่ง แสดงว่าคุณมีโอกาสสูงมากที่จะตั้งครรภ์ ซึ่งเบื้องต้นแนะนำให้ทดลองด้วยชุดตรวจครรภ์ และควรจะตรวจเวลาเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ถ้าขึ้นสองขีดก็แสดงความยินดีกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพิ่มความมั่นใจด้วยการไปตรวจอีกครั้งกับแพทย์ก็จะดีที่สุด

Shopee 10.10 Brand Festival โปร 10.10 สุดฟินเอาใจขาช้อป! กับขบวนสินค้าจากแบรนด์ดังชั้นนำตลอดทั้งแคมเปญ สินค้าดีลปังจากแบรนด์เพียง 10.- เท่านั้น! พร้อมเก็บโค้ดลด Shopee Mall ลดสูงสุดถึง 1,500.- และโปรโมชั่นส่งฟรีทั่วไทยไม่มีขั้นต่ำ เริ่มช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. – 10 ต.ค. นี้ที่ Shopee 10.10 Brand Festival เท่านั้น!

เวียนหัวง่วงนอนเกิดจากอะไร

ระบบรับสัญญาณประสาทของสมองส่วนกลาง เช่น ประสาทส่วนกลางถูกกดจากการทานยานอนหลับ ดื่มสุราหรือภาวะอดนอน ภาวะความเครียด วิตกกังวล หวาดกลัว หรือมีโรคทางกายที่มีผลต่อสมอง ได้แก่ ภาวะขาดสารอาหาร น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำผิดปกติ โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง เป็นต้น

เวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เบื่ออาหารเกิดจากอะไร

อาการปวดหัว หน้ามืด เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนหลายครั้ง เบื่ออาหาร อาจเกิดจาก 1. ความผิดปกติในช่องท้อง ได้แก่ - อาหารเป็นพิษ จากการทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรค - กระเพาะอาหารอักเสบ แต่จะมีอาการจุกแน่น หรือแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ หรือท้องด้านซ้ายบน ร่วมกับอาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว เรอบ่อย เป็นต้น

เวียนหัวมวนท้องเกิดจากอะไร

สำหรับสาเหตุของอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เหม็นอาหารในคุณแม่ตั้งครรภ์ หรืออาการแพ้ท้องนั้น ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใด อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มีการปรับเปลี่ยนในขณะตั้งครรภ์ และบางครั้งอาจจะเกิดจากความเครียด

มีอาการคลื่นไส้เกิดจากอะไร

คลื่นไส้เป็นอาการที่เกิดจากหลายสาเหตุ โดยปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการนี้อาจมาจากอาการเมารถ การแพ้อาหารหรือยาบางอย่าง หรืออาการอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพบางโรค โดยสาเหตุของอาการคลื่นไส้ สามารถแบ่งเป็นสาเหตุที่มาจากปัญหาสุขภาพในร่างกาย และผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย ดังนี้